วันที่ 24 มี.ค. 2568 เวลา 09.30 น. ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานในคดีของ “อาย” กันต์ฤทัย คล้ายอ่อน ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เหตุจากถูกกล่าวหาว่าโพสต์รูปและข้อความบนเฟซบุ๊กรวม 2 โพสต์ เมื่อปี 2565
คดีนี้มี “อานนท์ กลิ่นแก้ว” แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้กล่าวหา นับว่าเป็นคดีที่ 2 ของอายที่ถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 โดยปัจจุบัน เธอถูกคุมขังในระหว่างอุทธรณ์อยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ในคดีที่โพสต์เฟซบุ๊ก 8 ข้อความ ในช่วงระหว่างวันที่ 8 ก.พ. ถึง 1 เม.ย. 2565 มาตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 2567 หลังถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 8 ปี 48 เดือน (หรือประมาณ 12 ปี)
ในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่อายได้ถูกนำตัวออกมาศาล เพื่อฟังการพิจารณาคดีมาตรา 112 คดีที่ 2 หลังจากที่เธอถูกคุมขังและไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ในคดีแรกเรื่อยมา เป็นระยะเวลากว่า 210 วันแล้ว
.
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2568 อายประกาศจะประท้วงอดอาหารในปลายสัปดาห์ หลังจากที่ทนายความเข้าเยี่ยม โดยเธอได้แจ้งว่า อยากประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับผู้ต้องขังทุกคน รวมทั้งตัวเธอเอง
ต่อมา 21 มี.ค. 2568 ทนายความได้เข้าเยี่ยมอายที่ทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้ง เธอเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่เธอได้ประกาศเรื่องอดอาหารออกไป ผู้อำนวยการในแดนต่าง ๆ ก็ได้เรียกพบและขอร้องไม่ให้เธออดอาหาร ทั้งเพื่อนผู้ต้องขังหลายคนก็ขอร้องไม่ให้เธอทำ แต่เสนอให้หาทางรักษาโรคซึมเศร้าที่เธอต่อสู้กับอาการอยู่ ทั้งประเมินสถานการณ์สังคมอีกครั้ง เธอจึงเปลี่ยนการตัดสินใจ
“ตอนนี้ยังกินไปก่อน เมื่อเช้ากินข้าวต้มมัดไป 1 อัน หนูจะพยายามกินก่อน” ก่อนที่จะเข้ามาที่นี่จากน้ำหนัก 74 กิโลกรัม อายบอกว่าตอนนี้เหลือ 61 กิโลกรัม
.
อายถูกเบิกตัวมาศาล – ได้กอดลูกชายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ครอบครัวของอาย ได้แก่ สามี ลูกชาย และน้องสาว ได้เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย โดยอายถูกเบิกตัวมาในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเหลืองอ่อนและกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำ เธอตรงปรี่ไปกอดลูกชายที่เดินทางมา
อายนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ลูกชาย เธอร้องไห้ในทันทีที่ได้เจอหน้าครอบครัว ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี ครอบครัว และเพื่อน ๆ ที่มารอพบในวันนี้ ได้สลับกันเข้าไปพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเธอในเรือนจำ
เมื่อพูดคุยถึงเรื่องการสื่อสารเรื่องการอดอาหาร อายตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ทำการประท้วงอดอาหารในตอนนี้ “หนูไม่อดอาหารแล้ว เป็นห่วงคนข้างนอก ห่วงลูกชาย ล่าสุดที่ได้อ่านข้อความจากเขาว่า เขาเหนื่อยมาก กลับบ้านมาไม่เจอหนู ไม่เจอใคร เขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่ หนูขอสิทธิประกันตัว กลับไปอยู่กับลูกได้ไหม”
นอกจากนี้ เธอยังกังวลเรื่องสภาพจิตใจของลูกชายที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น (อายุ 12 ปี) “หนูเป็นซึมเศร้า หนูรู้ว่าโรคนี้มันส่งต่อทางกรรมพันธุ์ได้ และหนูไม่อยากให้ลูกมาเป็นแบบหนู”
เธอพูดทั้งน้ำตา และกลัวว่าลูกชายเพียงคนเดียวจะป่วยไข้ไปด้วย แม้เธอจะบอกให้ลูกเข้มแข็งตลอด แต่สำหรับเด็กวัยรุ่นตอนต้นที่ใช้ชีวิตโดยไม่มีแม่ ก็เป็นเรื่องยากลำบากและน่ากังวลใจสำหรับแม่ที่อยู่ห่างไกลมากทีเดียว
อายยังเล่าต่ออีกว่า ช่วงนี้เรือนจำกำลังมีการโยกย้ายผู้ต้องขัง เธอได้ยินว่าเรือนจำชายเริ่มมาสักพักแล้ว ส่วนทัณฑสถานหญิงกลางเอง ก็เริ่มมีการย้ายผู้ต้องขังเด็ดขาดด้วยแล้วเหมือนกัน
“หนูหวังว่ามันจะไม่มาถึงแดนผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ตอนนี้เขาย้ายผู้ต้องขังเด็ดขาดมาอยู่รวมกัน มันแออัดมากขึ้นไปอีก เพราะแทบไม่มีใครได้ปล่อยตัวเลย”
.
ในส่วนของนัดตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ อายได้ยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ฝ่ายอัยการโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานจำนวน 5 ปาก และฝั่งจำเลยได้ยื่นบัญชีพยานจำนวน 3 ปาก ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานให้ทั้งหมด 2 วัน โดยคู่ความตกลงวันนัดสืบพยานเป็นวันที่ 12 – 13 ก.พ. 2569