วันที่ 3 ต.ค. และ 10 ต.ค. 2567 ทนายเข้าเยี่ยม ‘บุ๊ค’ ธนายุทธ ณ อยุธยา ศิลปินฮิปฮอป ในนาม ‘Eleven Finger’ ผู้ถูกคุมขังในคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบการครอบครองประทัดลูกบอล, ไข่ก็อง, พลุควัน และระเบิดควัน ในช่วงชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2565
บุ๊คหน้าตาสดใสยิ้มแย้ม ผมเริ่มยาวขึ้นจากที่เยี่ยมครั้งที่แล้ว บุ๊คใส่เสื้อผู้ต้องขังสีฟ้าตัวหลวม ๆ เหมือนอย่างเคย เริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องสุขภาพ ช่วงนี้โดยรวมมีอาการป่วยนิดหน่อย เป็นไข้หวัด เพราะช่วงนี้ฝนตก อากาศร้อนชื้น แต่บางวันตกตอนกลางคืนก็ทำให้หนาวมาก ๆ มีน้ำมูก แต่ไม่มีเสมหะ มีอาการปวดหัวข้างเดียว บางทีนอนพักตื่นมาก็ยังไม่หาย ต้องหายามากิน บุ๊คเล่าว่าเพื่อน ๆ รอบข้างที่นอนห้องเดียวกันก็ป่วยกันหมด ข้างในนี้ถ้าป่วยแล้ว ก็จะติดต่อกันเร็ว
ก่อนจะเล่าถึง ‘มาร์ค’ เพื่อนผู้ต้องขังคดีการเมือง ที่ได้ย้ายไปอยู่แดน 3 ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2567 เพื่อไปอบรมก่อนออกจากเรือนจำ ก่อนไปมาร์คเล่าให้บุ๊คฟังว่า จะได้เริ่มอบรมวันอังคารที่ 1 ต.ค. 2567 ใช้เวลา 15 วันก็จะครบในวันที่ 15 ต.ค. 2567 คาดว่าคงจะได้ปล่อยตัววันที่ 16 ต.ค. 2567
บุ๊คเล่าถึงมาร์คว่าเป็นคนเงียบๆ นิ่ง ๆ เรียล ๆ ตรงไปตรงมา ตอนอยู่ก็นิ่ง ๆ ตอนจะได้ออกก็อยากออกไปเงียบ ๆ “ผมคิดว่าวันที่ผมได้ออก ก็อาจจะเป็นเหมือนกัน แล้วคงสื่อสารผ่านเพลงออกมาทีหลัง แต่ถ้ามีคนมารับมันก็คงดีในอีกมุม เพราะจะได้ขอบคุณคนที่เขาสนับสนุนเราด้วย”
บุ๊คพูดคุยถึงเรื่องนิรโทษกรรมประชาชน ที่เขาเห็นว่ากระแสค่อนข้างเงียบลง ยิ่งมีสถานการณ์บ้านเมืองหลายอย่างเข้ามาแทรก แต่ก็ยังมีความหวังในการเคลื่อนไหว บุ๊คบอกว่านิรโทษกรรมคงจะได้ช้ามาก แต่อยากให้ร่างกฎหมายต่าง ๆ ได้เริ่มเข้าสภาในปีนี้
ส่วนการรับรู้ข่าวสารตอนนี้ ในเรือนจำเปิดซีรีย์ Confess Your Love (บอกรักก่อนได้ไหม) “ผมไม่ค่อยสนุกกับมันเท่าไหร่ ที่เน้นเกี่ยวกับความรักเกินไป ผมชอบเรื่องสืบสันดานที่ฉายก่อนหน้านี้ สนุกมาก คนข้างในนี้ดูกันก็รู้นะว่าจะสื่อถึงอะไร ผมรอเรื่องต่อไปอยู่ เขาจะเปิดเรื่องหลานม่า ผมว่าผมร้องไห้แน่ ๆ เลย ยิ่งพอคิดเป็นเรื่องย่าด้วย” บุ๊คกล่าวถึงกิจกรรมบันเทิงเพียงไม่กี่อย่างที่ผู้ต้องขังเข้าถึง
สภาพในเรือนจำช่วงนี้ บุ๊คสังเกตว่าเวลา 18.00 น. ที่ปกติจะเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีกัน เท่าที่เห็นแทบจะไม่มีคนยืนแล้ว “อย่างถ้าในแดนมี 500 คน จะเห็นว่ามีคนยืนไม่ถึง 30 คน”
ในการเยี่ยมครั้งถัดมา บุ๊คตัดผมมาใหม่ ทรงสกินเฮดเบอร์ 2 กันขอบคมกริบ เขาเล่าว่าผู้ต้องขังที่เป็นคนรู้จักเป็นคนตัดให้ พอรู้จักกัน ก็ตัดให้แบบเนี๊ยบหน่อย เพื่อนคนนี้รู้จักเพราะว่าเตะฟุตบอลด้วยกัน พอเล่าจบก็หยิบยาดมหงส์ไทยขึ้นมาดมไปฟอดใหญ่ ก่อนจะบอกต่อว่ายาดมนี่ก็ขาดไม่ได้ คนในนี้ต้องพกติดตัวไว้ทุกคน ดีที่มีขาย การดมเพลิน ๆ พอช่วยกลบกลิ่นเหม็นกลิ่นอับข้างในนี้
บุ๊คพูดคุยอีกว่า วันนี้อากาศเย็นสบาย ๆ ทำให้อยู่ง่ายขึ้น แต่อาการป่วยวันก่อนก็ยังอยู่ เขาคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ป่วยบ่อย เพราะในเรือนจำมีฝุ่นเยอะ สภาพแวดล้อมแออัด พอคนเยอะ ที่นอนผ้าห่มก็ฝุ่นเยอะ ทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก หายใจไม่เต็มปอด แล้วก็สั่งสมมานาน
บุ๊คจึงห่วงเรื่องความสะอาดมาก ทุกวันจะอาบน้ำทั้งตอนลงและก่อนขึ้นเรือนนอน โชคดีที่แดน 4 ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการอาบน้ำ นอกจากนั้น เขาพยายามซักเสื้อผ้าทุกวัน แต่พวกผ้าห่มช่วงนี้ทำความสะอาดยาก เพราะฝนตก อากาศชื้น ทำให้ผ้าแห้งยาก ถ้าไม่แห้งคืนนั้น ก็จะไม่มีให้ใช้
ก่อนบทสนทนาจะไปถึงสถานการณ์ทางการเมือง ช่วงนี้มีประเด็นเรื่องคดี “ตากใบ” (เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ที่ต่อมาประชาชนถูกจับกุมและยัดใส่รถบรรทุกของทหาร ก่อนมีผู้เสียชีวิตรวม 85 ศพ) ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. 2567 นี้ หลังผ่านมาครบ 20 ปี
บุ๊คออกความเห็นว่า อยากให้ร่วมกันรณรงค์ให้สังคมตื่นตัวในเรื่องนี้ ให้เข้าใจว่ามีเหตุการณ์นี้ มันเกิดการสลายการชุมนุมจนทำให้มีคนตายจำนวนมาก เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นความรุนแรงที่เกิดจากรัฐ คือเรื่องที่ผู้มีอำนาจกระทำผิด และต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ส่วนตัวบุ๊คจะมองว่ามีโอกาสสูงที่คดีจะขาดอายุความก่อน แต่คิดว่าหลังจากนั้นก็ต้องพูดเรื่องนี้กันอีกมาก เขาตั้งคำถามว่าจะปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ ผู้มีอำนาจจะสลายการชุมนุมยังไงก็ได้ จะมีคนตายเท่าไหร่ก็ได้ และไม่ต้องรับผิดเลยก็ได้
บุ๊คกล่าวต่อว่า “ผมเขียนเพลงเรื่องตากใบไว้ด้วย ตอนอยู่ข้างนอก แต่เสียดายต้องเข้าเรือนจำก่อนจะเขียนเสร็จ อัลบั้มของผมจะรวมเรื่องพวกนี้ไว้ มีเพลงพฤษภาทมิฬ มีเพลง 6 ตุลา”
บุ๊คเล่าถึงเพลงอีกว่า ถ้าได้ออกไป คงจะพยายามไปทำต่อให้เสร็จ หวังว่าจะช่วยขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้ได้ แต่ตัวเขาคงออกไปไม่ทันสิ้นเดือนนี้ คดีตากใบอาจจะขาดอายุความแล้ว แต่ก็อยากช่วยกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เรื่องพวกนี้ไม่เกิดซ้ำขึ้นอีก
“ในฐานะคนรุ่นใหม่ผมหวังว่า ผมจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นในประเทศนี้ ในฐานะแรปเปอร์ ผมขอเป็นคนหนึ่งที่จะพูดถึงเรื่องนี้ต่อไป ส่งต่อเรื่องนี้ให้คนรุ่นใหม่ ๆ ได้รับฟัง” บุ๊คทิ้งท้าย
ปัจจุบัน (11 ต.ค. 2567) บุ๊คถูกคุมขังมาล้ว 385 วัน หรือ 1 ปี กับอีก 20 วัน คดีของบุ๊คสิ้นสุดลงแล้ว บุ๊คต้องรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์