บันทึกเยี่ยม ‘พรชัย’ ในวันเกิด: ภาวนาให้พ่อ-แม่มีความสุข หวังได้เยี่ยมญาติผ่านระบบไลน์

วันที่ 18 ก.ย. 2567 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ทนายความเดินทางไปเยี่ยม พรชัย วิมลศุภวงศ์ ชาวปกากะญอ ผู้ต้องขังในคดีตามมาตรา 112 ในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 41 ปีของเขา พรชัยถูกคุมขังหลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 12 ปี จากการถูกฟ้องว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ มาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567 รวมกว่า 5 เดือนแล้ว

หลังการตรวจสอบสถานะคดีก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าคดีของพรชัยได้ถึงที่สุดแล้วทั้งหมด ขณะนี้เขาเริ่มถูกนับชั้นเป็นนักโทษชั้นกลางแล้ว หลังจากเขาตัดสินใจไม่ฎีกาคำพิพากษาต่อไป เนื่องจากคดี ม.112 ของเขาที่ศาลจังหวัดยะลาได้ถึงที่สุดไปก่อน จากการไม่มีผู้พิพากษารับรองให้ฎีกาต่อ ทำให้เขามีโทษจำคุก 2 ปี พรชัยจึงตัดสินใจให้คดีที่เชียงใหม่สิ้นสุด และรับโทษทั้งสองคดีนี้ไปพร้อมกัน เนื่องจากไม่มีการนับโทษต่อกัน

พรชัยเดินออกมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มเช่นเติม แต่นัยน์ตาดูเหนื่อยล้า พรชัยรีบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เสียงที่แปลกไปของเขา ทำให้ต้องถามว่า “พรชัยเป็นหวัดเหรอ” พรชัยตอบ “ใช่ ช่วงนี้ฝนตก อากาศเปลี่ยน คนในนี้เป็นหวัดกันไปหมด ส่วนผมก็เป็นนิดหน่อย”

วันเกิดที่แย่ที่สุดในเรือนจำ ภาวนาให้พ่อแม่มีความสุข

พรชัยเล่าว่าปกติเขาไม่ใช่คนชอบฉลองวันเกิดอะไร โดยปกติจะซื้อของขวัญให้คุณแม่ และภาวนาให้แม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานไปอีกนาน ๆ ตอนนี้คุณแม่ของพรชัยอายุ 80 กว่าปีแล้ว เหตุผลที่ไม่ฉลองวันเกิดให้ตัวเองเนื่องจากมองว่าเป็นวันที่จะรำลึกพระคุณของพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเขามา ในวันนี้พรชัยจึงได้เพียงแต่ภาวนาให้ทั้งสองท่านมีความสุข

“สำหรับส่วนตัวผมเองแล้ว มันเป็นวันเกิดที่แย่ที่สุดสำหรับผม ผมเจอสถานการณ์ต่าง ๆ ในนี้ ผมยืนยันว่าผมไม่เคยคิดว่าตัวผมเองเป็นอาชญากรแม้ในทางความคิด การถูกจองจำแบบนี้บางครั้งทำให้ผมรู้สึกสิ้นหวัง แต่ยังดีที่ผมก็ยังมีเพื่อน ๆ และทนายเข้ามาเยี่ยม ทำให้ผมยังคงมีกำลังใจ”

พรชัยรู้สึกเสียดายช่วงชีวิตที่ดีที่สุดและกำลังจะดำเนินไปได้ด้วยดี เขาตั้งใจจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมประชาธิปไตย แต่กลับต้องสูญเสียอิสรภาพในเรือนจำแห่งนี้ เพียงได้แต่อดทนอดกลั้นและเรียนรู้การปรับตัวอยู่ในเรือนจำให้ได้ เขาย้ำเช่นเดิมว่าตัวเองไม่ควรจะต้องมาอยู่ที่นี่ กลายเป็นนักโทษการเมือง ถูกลงโทษจากความคิด 

เสรีภาพที่ถูกจำกัดแคบลงอีกครั้งในเรือนจำ

“หลายอย่างผมก็อยากจะสื่อสารสารออกมา หรือนำเรื่องราวจากข้างในออกไปข้างนอก แต่ทุกเรื่องที่จะนำออกมา หรือที่จะพูดออกไปจะต้องผ่านการขออนุญาตจากผู้คุม ดังนั้นก็อยู่ที่ว่าผู้คุมจะให้สิทธินั้นแก่ผมเต็มที่หรือไม่”

พรชัยเล่าต่อไปถึงการเล่าเรื่องราวให้กับคนที่เข้าเยี่ยม ทนายหรือการส่งจดหมาย เอกสารใด ๆ ออกจากเรือนจำ กลายเป็นว่าเขาจะต้องได้รับอนุญาตในการพูดหรือไม่พูดอะไรให้บุคคลภายนอกรับรู้เรื่องในเรือนจำ แม้บางเรื่องที่เขาอยากจะสื่อสาร แต่เขาไม่สามารถพูดได้หากผู้คุมไม่อนุญาต

แม้ว่าพรชัยจะถูกขังอยู่ในเรือนจำแห่งนี้มา 5 เดือนกว่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้รับสิทธิในการเยี่ยมญาติทางไกลผ่านจอภาพ (ทางไลน์) เนื่องจากญาติหรือเพื่อนของพรชัยอยู่ต่างจังหวัดห่างไกล หลายคนไม่สามารถมาเยี่ยมเขาที่เรือนจำได้ ทำให้เขาพยายามร้องขอผู้คุมให้ได้เยี่ยมญาติทางไลน์เหมือนกันคนอื่น ๆ บ้าง แต่เรือนจำกำหนดให้เฉพาะนักโทษชั้นดีขึ้นไปเท่านั้นที่จะได้เยี่ยมในระบบนี้ได้ ทำให้ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาหรือนักโทษที่ยังไม่ได้เลื่อนชั้น ไม่มีโอกาสเยี่ยมญาติผ่านไลน์

เมื่อพรชัยเพิ่งจะได้นับชั้นนักโทษเป็นชั้นกลาง ยังต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะมีการนับปรับชั้นของนักโทษอีกครั้ง 

เมื่อถูกขังแล้วจะกลับสู่สังคม จะเริ่มชีวิตใหม่หรือหางานใหม่ได้ยากมาก

พรชัยพูดถึงเป้าหมายของเรือนจำที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมักจะกล่าวว่า “คืนคนดีสู่สังคม ให้โอกาสผู้พ้นโทษกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นไปได้ยากมาก พรชัยกล่าวอย่างหนักแน่น เนื่องจากเขาเห็นว่านักโทษหลาายคนเมื่อพ้นโทษ และจะออกไปเริ่มชีวิตใหม่หรือหางานใหม่นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

เมื่อพรชัยเงยหน้ามองผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ราว 90% เป็นนักโทษคดียาเสพติด ซึ่งบางคนก็ต้องเข้ามาอยู่ที่นี่เพียงเพราะเขาอยู่ในบ้านเมืองที่มีความเหลื่อมล้ำ 

พรชัยเห็นด้วยว่ายาเสพติดเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งผลร้ายหลายอย่าง และเห็นด้วยที่ยาเสพติดเป็นอาชญากรรม เป็นภัยต่อสังคม แต่คนที่อยู่ที่เรือนจำนี้เป็นผู้ต้องโทษคดียาเสพติดที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนทำมาหากิน ไม่ใช่ผู้เสพ เป็นเพียงแค่คนส่งยาเพื่อหวังจะหาเงิน และเนื่องจากสังคมไม่ได้มีโอกาสให้พวกเขาทำงานมากนัก เขาต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำในสังคม การเป็นเด็กส่งยานั้นก็เป็นวิธีที่ได้เงินง่าย และคนที่ถูกดำเนินคดีก็คือคนทำมาหากินพวกนี้ ไม่ใช่คนที่เป็นพ่อค้ารายใหญ่

พรชัยฝากความห่วงใย ให้กำลังใจและผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกคน

“ผมขอเป็นกำลังใจให้ และขอให้ทุกคนอดทน และรักษาสุขภาพ หากวันไหนที่รู้สึกมีปัญหาโดยเฉพาะทางจิตใจหรือความคิดขึ้นมา ก็ลองปล่อยวางและภาวนาดูบ้าง และไม่ลืมว่าไม่ว่าอย่างไรเรายังมีอิสรภาพทางความคิด เราถูกขังไว้ตรงนี้แค่ตัว จิตวิญญาณของเราไม่ได้ถูกจองจำไว้ และเรายังมีความหวัง

“และสุดท้ายขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนช่วยกันผลักดันความคิด อุดมการณ์ และประสบการณ์ในนี้ออกไปอย่างแข็งแกร่งให้คนข้างนอกรู้ว่าเรายังอยู่ เรายังมีอุดมการณ์ และเรายังมีความหวังที่จะเห็นสังคมนี้เป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”

.ย้อนอ่านเรื่องราวชีวิตของพรชัย การต่อสู้ของ “พรชัย”: จากคนบนดอย คนจร พ่อค้า ผู้ชุมนุม และผู้ถูกดำเนินคดี ม.112

X