อัยการยื่นฟ้อง ม.112 “ใบปอ-เก็ท” อีกคดี จากเหตุอ่านแถลงการณ์ในการชุมนุม APEC2022 ที่แยกอโศก ก่อนให้ประกันใบปอ-นัดสอบคำให้การพรุ่งนี้

18 มิ.ย. 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 ได้ยื่นฟ้อง “ใบปอ” (นามสมมติ) และ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ในข้อหา “ร่วมกันหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการอ่านแถลงการณ์ในกิจกรรม “WHAT HAPPENED IN THAILAND” บริเวณแยกอโศก ในช่วงการประชุม APEC2022 เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2565

สำหรับกรณีนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2566 ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ออกหมายเรียกผู้ชุมนุมจำนวน 4 คน มาแจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ บางรายยังถูกแจ้งข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ด้วย

ต่อมา วันที่ 20 ก.ย. 2566 พบว่า ตำรวจมีการออกหมายเรียกนักกิจกรรมอีก 2 คน คือ ใบปอและโสภณ โดยระบุข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยคดีมี พ.ต.ท.สุดเขต สิมาธรรม กับพวก เป็นผู้กล่าวหา 

จากนั้นวันที่ 12 ต.ค. 2566 พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหากับโสภณที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหา ได้แก่ หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112, ร่วมกันจัดชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนใบปอเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน. ลุมพินี เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2566 ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะแยกสำนวนการสอบสวนเป็น 2 สำนวน และอัยการยื่นฟ้องทั้งสองต่อศาลแขวงพระนครใต้เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ในข้อหาที่มีเฉพาะโทษปรับเป็นคดีค่าปรับพินัย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 2566 โดยคดีดักงล่าว ศาลแขวงพระนครใต้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในวันที่ 10-11 ก.ค. 2567

ย้อนอ่านเหตุการณ์ชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา65 : #WhathappenedinThailand : Mob Data Thailand

สำหรับคดีมาตรา 112 ที่ยื่นฟ้องในวันนี้นั้น (18 มิ.ย. 2567) ปกรณ์ อาตมียะนันทน์ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 ผู้เรียงฟ้อง บรรยายคำฟ้องมีใจความโดยสรุปกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ในระหว่างการชุมนุมสาธารณะที่บริเวณสี่แยกอโศกมนตรี โดยแบ่งหน้าที่กันทำ กล่าวคือ จำเลยทั้งสองได้ทำหน้าที่อ่านแถลงการณ์ที่จัดเตรียมมา ผ่านเครื่องขยายเสียงที่ใช้กำลังไฟฟ้าแสดงออกให้ปรากฏต่อประชาชน ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยจำเลยที่ 1 (ใบปอ) ได้อ่านแถลงการณ์เป็นภาษาไทย มีเนื้อหาถึงผู้นำประเทศที่มาร่วมประชุมเอเปคให้ทราบถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่เงามืดของกองทัพและสถาบันกษัตริย์ยังคงทำให้เป็นประเทศเสมือนประชาธิปไตย และจำเลยที่ 2 (โสภณ) ได้อ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีเนื้อหาและความหมายเช่นเดียวกันกับแถลงการณ์ภาษาไทย

ซึ่งเมื่อบุคคลที่สามได้ฟังและทราบข้อความในคำกล่าวปราศรัยของทั้งสองแล้ว ย่อมทำให้เข้าใจได้ว่า รัชกาลที่ 10 ทรงเป็นผู้ที่มีความโหดร้ายทารุณ ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ทุนนิยม กับ/หรือองค์พระมหากษัตริย์นั้นฉ้อฉลรับเงินหรือร่วมลงทุน หรือมีเอี่ยวหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทรงกระทำการที่ขัดต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยทรงมีอำนาจในการสั่งให้มีกฎหมายหรือไม่มีกฎหมาย กองทัพไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นลิเกโรงใหญ่ที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ อันเป็นการใส่ความ หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ต่อบุคคลที่สามด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบันเสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังอย่างร้ายแรง 

ในท้ายคำฟ้อง อัยการไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี โดยระบุว่า หากจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

ภายหลังศาลรับฟ้อง นายประกันได้ยื่นขอประกันตัวใบปอซึ่งเดินทางมาศาลตามนัดของอัยการ โดยใช้หลักทรัพย์จำนวน 200,000 บาท ที่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ ก่อนในเวลาประมาณ 15.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี และนัดใบปอและเก็ทสอบคำให้การในวันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย. 2567) เวลา 09.00 น. โดยศาลจะเบิกตัวเก็ทจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาลในวันพรุ่งนี้ด้วย 

X