บันทึกเยี่ยมแม็กกี้: อากาศร้อน นอนไม่ค่อยหลับ และเรื่องเล่าเกี่ยวกับตู้เย็นมินิในเรือนจำ

3 เม.ย. 2567 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “แม็กกี้” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ซึ่งถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 50 ปี ก่อนลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 25 ปี ไม่รอลงอาญา จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และด้วยจำนวนโทษที่สูงกว่า 15 ปี ทำให้เธอถูกย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังศาลมีคำพิพากษา

แม็กกี้เดินมาถึงห้องเยี่ยม โบกไม้โบกมือและยิ้มร่าเริง ริมฝีปากยังคงแดงเหมือนเดิม แม็กกี้อยู่ในชุดแขนสั้นสีน้ำตาลอ่อน กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม เธอบอกว่าเป็นชุดที่หลวงแจกให้ 

ทนายกล่าวทักทายเล็กน้อยและสังเกตได้ว่าแม็กกี้มีอาการไอ เธอบอกว่าเวลาออกมาเยี่ยมจะไอบ่อยหน่อย น่าจะเป็นเพราะฝุ่น แต่อยู่ข้างในไม่ค่อยไอเท่าไหร่ ไม่ได้รบกวนการนอนหรือการใช้ชีวิตประจำวัน

“เมื่อวานได้บะหมี่หมูแดงรสชาติอร่อยมาก อาหารที่นี่ให้เต็ม 10 เลยแม่ ให้เยอะ ปริมาณคุ้มราคา ไม่เหมือนที่พิเศษกรุงเทพฯ” เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารแม็กกี้ยิ้มกว้าง

พื้นที่เยี่ยมของเรือนจำกลางคลองเปรมจะเป็นห้องกระจกแนวยาว มีซี่กรงกั้นกลางไว้ ห้องเยี่ยมไม่ได้ถูกปิดทึบอย่างเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่เปิดโล่งทำให้ผู้ต้องขังที่ออกมาพบญาติหรือทนายสามารถมองเห็นบรรยากาศรอบนอก

ช่วงนี้แม็กกี้มีความกังวลคือ ก่อนขึ้นห้องนอนจะมีการตรวจโดยการให้ผู้ต้องขังถอดเสื้อแล้วถือไว้ จะอนุญาตให้เอาขึ้นเฉพาะกุญแจตู้ล็อคเกอร์ จากนั้นให้ผู้ต้องขังเดินผ่านช่องที่เหมือนตรวจระเบิด-อาวุธ ซึ่งตรงนี้จะมีผู้ช่วยงานของเรือนจำมาช่วย 

“คือเราจะวางกุญแจไว้ข้าง ๆ ช่องตรวจให้เฉพาะตัวเราเข้าไป พอตรวจเสร็จผ่าน ผู้ช่วยงานจะเป็นคนหยิบกุญแจคืนเรา แต่มีผู้ช่วยงานอยู่ 1 คน เป็นชาวต่างชาติ ดูมีท่าทีไม่พอใจ วางกุญแจแรง ๆ ใส่ ซึ่งหนูก็ไปถามผู้ต้องขังที่ช่วยงานเหมือนกันว่าคนนี้มีปัญหาอะไรกับหนูไหม เขาก็บอกว่าเขาจะคุยให้”

.

แม็กกี้เล่าว่าวันนี้มีหมอจิตเวชเข้ามาคุยด้วย เป็นการเข้ามาคุยก่อนที่จะมีการจำแนกแดน และตอนที่เข้ามา เธอได้ระบุในเอกสารที่เรือนจำคลองเปรมให้กรอกว่ามีความเครียดสูง โดยการพูดคุยเป็นการคุยเกี่ยวกับการกระทำความผิด รายละเอียดการโดนจับกุม การสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพ การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ซึ่งแม็กกี้บอกว่าเธอไม่ได้ยุ่งกับของพวกนี้อยู่แล้ว และหมอยังสอบถามถึงสภาพจิตใจ และความเป็นอยู่

“หนูก็ตอบไปว่าหนูค่อนข้างเครียด ท้อแท้ บางคืนนอนอยู่ อยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกท้อแท้ มีบ้างที่รู้สึกอยากทำร้ายตัวเอง แต่หักห้ามตัวเองไว้ได้ หมอก็บอกว่าวันไหนไม่โอเคมาก ๆ ก็ขอพบหมอได้ หมอไม่ได้ให้ยาอะไรไว้กินค่ะ ตอนนี้เลยไม่ได้กินยาอะไร

สำหรับในเรื่องการขอยา แม็กกี้บอกว่าที่นี่จะขอยาง่ายกว่าที่พิเศษกรุงเทพฯ ถ้าเป็นยาพาราฯ สามารถขอได้เลย เวลาเรานับยอดผู้ต้องขังจะมีการนับยอด 3 ครั้ง ข้างล่าง 1 ครั้ง และข้างบนห้องนอนอีก 2 ครั้ง ผู้ต้องขังสามารถขอกับเจ้าหน้าที่ตอนนั้นได้ โดยเจ้าหน้าที่ก็จะจัดยาให้

ทนายถามเกี่ยวกับการรับมือความเครียดหรือเวลารู้สึกท้อ แม็กกี้เล่าว่า “หนูจะนึกถึงครอบครัว คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงน้อง คิดถึงพี่ชาย หนูเป็นลูกคนกลาง มีน้องชายและมีพี่ชาย บ้านนี้มีลูกสาว 1 ลูกชาย 2 ค่ะ” แม็กกี้พูดอย่างอารมณ์ดี และเล่าต่อว่าเธอก็พยายามจะเข้มแข็ง เพื่ออยู่ให้ได้

เธอยังขอให้ทนายความช่วยเขียนจดหมายไปที่บ้านเพื่อแจ้งข่าวให้ครอบครัวทราบว่าเธอถูกย้ายมาอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม 

.

แม็กกี้เล่าถึงความเป็นอยู่ในเรือนจำว่า ตอนนี้ทีวีพัง คนที่อยู่ข้างในต้องฟังข่าวสารผ่านวิทยุ FM พอถามคนอื่น ๆ ที่อยู่มาก่อนว่าจะซ่อมเมื่อไหร่ก็ไม่ได้รับคำตอบ 

“ในห้องนอนร้อนมาก ๆ เพราะเป็นห้องทึบ ช่องระบายอากาศก็อยู่สูงไป อยู่นี่พัดลมเปิดแรงไม่ได้ พอหัวหน้าห้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่แล้ว ก็บอกว่าพัง แต่ก็ยังไม่มีการซ่อมแซม บอกว่าไม่มีอุปกรณ์”  

แตกต่างจากที่พิเศษกรุงเทพฯ ที่นั่นแม็กกี้บอกว่า เวลามีเครื่องใช้เสียหายหรือพังก็จะมีการซ่อมแซม ผ้าห่มที่นี่ได้แบบเดียวกันกับที่พิเศษกรุงเทพฯ คือ 3 ผืน (สำหรับปูนอน หมอน และผ้าห่ม) แต่เพราะอากาศร้อน ผ้าห่มจึงนำมาใช้เป็นหมอนทั้งหมด 

“ตอนกลางคืนที่นี่จะร้อนมาก ทำให้นอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง คนที่นอนข้าง ๆ ก็นอนกรนเสียงดัง และนอนละเมอทำให้หนูนอนไม่ค่อยหลับ แบบบางทีจะหลับ เขาก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายขึ้นมาทำให้หนูตกใจ แต่วันนี้มีคนจำแนกออกไป 2 คน หนูจะย้ายที่นอนไปแทน วันนี้คงเป็นวันที่หนูนอนหลับได้เต็มตา”

แม็กกี้บอกว่าบางคืนเธอก็ถอดเสื้อนอน เพราะร้อนจนทนไม่ไหว แม็กกี้ยังคงอาบน้ำข้างบนห้องนอนเหมือนเดิม บนห้องนอนมีถังน้ำไว้สำหรับกิน แม็กกี้จะถืออีก 1 ขวดขึ้นไปด้วยเพื่อไว้สำหรับอาบ เพราะน้ำข้างล่างมีฝุ่นและอาบกลางแจ้ง และด้วยที่นี่ไม่ให้เอานมไปบนเรือนนอน แม็กกี้จะกินน้ำ กินนมจนแน่น เพื่อที่จะได้เก็บน้ำ 1 ขวดที่อนุญาตให้เอาขึ้นไป ไว้สำหรับอาบ

“ข้างในอากาศจะค่อนข้างร้อน และไม่ค่อยมีร่ม แต่ดีที่ข้างในนี้จะมีตู้เย็นมินิของแต่ละกลุ่ม แม็กกี้อธิบายว่าตู้เย็นมินิคือ ถังน้ำใหญ่ ๆ ที่เอาไว้ใส่กับตู้กดน้ำข้างนอก แล้วเอาน้ำแข็งที่ตัดเป็นก้อน ๆ มาทุบแล้วยัดน้ำแข็งลงไป จากนั้นเอาผ้ามาห่อให้เก็บความเย็น แล้วผู้ต้องขังที่นี่จะเอาพวกเครื่องดื่มที่ญาติซื้อให้มาแช่ไว้ข้างในถังน้ำ เป็นของกลุ่มใครกลุ่มมัน จะไม่มีการหยิบมั่ว พอให้ได้กินน้ำเย็นบ้าง

แม็กกี้บอกว่าตั้งแต่เข้าเรือนจำมาก็ได้เจอ “พี่ยุทธ” (หรือ “ยุทธนา” ผู้ต้องขังเสื้อแดงที่ถูกคุมขังในคดีปาระเบิดศาลอาญาที่ถูกจำคุกมาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน) คอยช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี 

แม็กกี้เล่าเพิ่มอีกว่า “เมื่อวันก่อนมีกะเทยเข้ามา ผมยาว ทำหน้าอกมาแล้ว โดนคดีค้ามนุษย์ โทษน่าจะ 22 ปี 6 เดือน น้อยกว่าหนูนะแม่ พอเข้ามาก็มีคนไปชูสนางเลย แบบอยากได้อะไร ผู้ชายจะเอามาให้เขียนเลย แล้วผู้ชายก็ไปกด ๆ ให้”

.

ทนายยังได้สอบถามแม็กกี้ว่าวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาได้ยินเสียงพลุหรือไม่ แม็กกี้ตอบว่าได้ยิน เธอจึงได้ทราบว่าเป็นเสียงที่เกิดจากกลุ่มนักกิจกรรมมาจุดให้ผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ข้างใน แม็กกี้ทำตาลุกวาวดีใจ เมื่อดูภาพกิจกรรมที่มีการจุดเทียน จุดพลุ มีแขวนภาพคนที่ถูกคุมขัง แม็กกี้ดีใจมากไล่ดูรูป และบอกให้เปิดอย่างช้า ๆ  

นอกจากนี้ทนายยังนำภาพขบวนล้อการเมืองของงานฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์ ซึ่งมีการพูดถึง “สิทธิประกันตัว = สิทธิมนุษยชน” ไปให้ดู แม็กกี้บอกว่า “เริ่ด”  ที่เธอดูชอบมากที่สุดคือ ภาพป้ายที่เขียนว่า “ขบวนนี้ ห้าม พูดถึง ม.112” แม็กกี้บอกว่า “ครีเอทสุด” แล้วยิ้มร่าบอกว่ามันรู้สึกดีที่ยังมีคนนึกถึงเรื่องราวของพวกเธอ เธอฝากขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ลืมกัน 

จนถึงปัจจุบัน (9 เม.ย. 2567) แม็กกี้ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีมาแล้วกว่า 171 วัน 

ย้อนดูคดีของแม็กกี้ 

X