วันนี้ (1 เม.ย. 2567) เราเข้าเยี่ยม “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย เขาออกมาด้วยสีหน้าสดใสขึ้นกว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา และบอกว่านั่งรอทนายความมาเยี่ยมอยู่พอดี เราคุยกันถึงรายละเอียดการประกันตัวในคราวต่อไป เขาลิสต์รายชื่ออาจารย์ที่เขาอยากให้ขอจดหมายรับรองความประพฤติให้
วันนี้จอภาพที่ใช้คุยไม่ติด ๆ ดับ ๆ แล้ว หลังจากคุยเรื่องการประกันตัว เราสอบถามถึงอาการผื่นขึ้นตัว หลังจากสังเกตว่าขนุนคุยกับเราไปด้วยลูบแขนไปด้วย จนมีรอยถลอกบริเวณข้อมือ
“ยังไม่ได้รับการรักษาหรือยาเลยพี่ ผมแจ้งไปตั้งแต่วันแรก ๆ แล้ว (ประมาณ 26 มี.ค.) ตอนนี้มีผื่นทั้งตัว เมื่อวานก็มีเลือดกำเดาไหล เป็นภูมิแพ้ กินข้าวได้วันละหนึ่งมื้อ แต่สุขอนามัยไม่ดีเท่าไหร่ ต้องซักเสื้อผ้ากับสบู่ เพราะยังไม่ได้ลงแดน เสื้ออาจจะไม่สะอาด”
.
สิทธิประกันตัวเป็นของทุกคน
เมื่อถามถึงสภาพจิตใจ “ตอนนี้สภาพจิตใจ ดีขึ้นนิดหน่อย แต่เรือนจำไม่ใช่ที่ของเราอยู่ดี ผมอายุ 23 ปี เพิ่งจบปริญญาตรีและกำลังมองหาอนาคต หลังกำแพงคงไม่ใช่หมุดหมายที่ดีนัก สิทธิประกันตัวเป็นของทุกคน”
พอเขาพูดคำนี้ออกมา เราเลยเล่าบรรยากาศงานบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ในปีนี้ ให้เขาฟังว่า ในขบวนล้อการเมืองของธรรมศาสตร์มีป้ายผ้าในขบวนที่เขียนว่า “สิทธิประกันตัว = สิทธิมนุษยชน” และมีหุ่นที่กินพิซซ่า มีรายชื่อผู้ต้องขังคดีการเมืองอยู่ด้านข้างหุ่น เสียดายที่ไม่ทันได้ปรินท์รูปภาพไปให้ขนุนดู แต่เมื่อได้ฟังเขาก็ยิ้มออกมา
ขนุนถามหาจดหมาย แต่วันนี้มีข้อความจากคนรักเท่านั้น เราบอกว่าข้อความจากเพื่อน ๆ เมื่อวันศุกร์นั้น ได้โพสต์แจ้งก่อนจะเข้าเยี่ยม จึงได้ข้อความที่ฝากมา แต่วันนี้เราไม่ได้แจ้ง ขนุนจึงฝากแจ้งเพื่อน ๆ ว่าสามารถเขียนจดหมายถึงขนุนได้ทั้งทาง DomiMail ซึ่งจะได้รับรวดเร็ว และทางไปรษณีย์ อาจจะได้รับช้าหน่อย
.
“การศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผม”
เราสอบถามถึงข้อความที่เขาอยากสื่อสารสาธารณะ เขาครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะย้ำเรื่องความสำคัญของการศึกษาสำหรับเขา
“การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าช่วงวัยไหน ระดับชั้นใด การศึกษาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่ความฝันของชีวิต ไม่ว่าจะอาชีพหรือวิถีชีวิต การศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผม
“ความฝันของผมอยากเป็นอาจารย์คนหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ ความเข้าใจและจิตวิญญาณของศาสตร์ที่เราร่ำเรียนศึกษามาเข้าถึงแก่นแท้ นั่นคือความฝันของผม การบรรลุความฝันนั้นได้ภายใต้เงารั้วหลังปราการสูง ไม่สามารถสนองต่อความหวังและความฝันที่มีได้
“ท้ายที่สุดแล้ว ผมอยากสานต่อความฝันในการศึกษาต่อ ศึกษาต่อไปไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ ผมก็จะร่ำเรียนวิชานั้นต่อไป หวังว่าฟ้าจะปรานี”
สิรภพถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุกสองปี ในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยในการชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคดีของเขาเตรียมอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป
น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้ในคดีมาตรา 112 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งมีเหตุจากการปราศรัยและจำเลยเป็นนักศึกษา ได้แก่ คดีของเบนจา อะปัญ และ “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ศาลพิพากษาให้รอลงอาญาในทั้งสองคดี โดยนำเหตุที่จำเลยยังศึกษาอยู่มาประกอบการวินิจฉัย แต่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในกรณีของสิรภพแต่อย่างใด
.
ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม “ผมต้องการเรียนต่อ”: เสียงจาก “ขนุน สิรภพ” หลังกรงขัง
.