วันที่ 20 ก.พ. 2567 เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดี “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ของ “พรรณนิดา ไวยกูล” ชาวปทุมธานี อายุ 29 ปี กรณีโพสต์คลิป Tik Tok วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนสูตรไขว้ของนายแพทย์ท่านหนึ่ง ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2564
ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2564 ที่ สน.หัวหมาก พรรณนิดาเดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียก เข้าพบ พ.ต.ท.ภาสกร มณีรัตน์ สารวัตรสอบสวน พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งได้แจ้งพฤติการณ์แห่งคดีโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 เวลา 18.30 น. ผู้เสียหาย ได้ตรวจสอบพบว่า พรรณนิดาโพสต์คลิป Tik Tok พูดเสนอความเห็นในลักษณะหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือให้ข้อมูลอันเป็นที่กล่าวหาใส่ร้ายผู้เสียหายจำนวน 2 คลิป จึงได้มอบอํานาจให้ตัวแทนมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดําเนินคดี
คลิปที่ 1 เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2564 หลังสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่า นายแพทย์คนดังกล่าวรับอาสาสมัครฉีดไฟเซอร์-โมเดอร์น่า เข็ม 3 แบบครึ่งโดสและเต็มโดส โดยพรรณนิดาได้โพสต์คลิป Tik Tok วิพากษ์วิจารณ์ถึงสูตรใหม่ดังกล่าว ว่า คนใกล้ตัวเพิ่งเสียชีวิตจากวัคซีนสูตรไขว้ที่ผู้เสียหายเป็นคนคิด พร้อมทั้งระบุว่า ให้หยุดคิดวัคซีนสูตรไขว้ เนื่องจากได้รางวัลเยอะแล้ว
พนักงานสอบสวนระบุว่า ผู้เสียหายเห็นว่า ข้อความดังกล่าวนั้นทําให้ผู้ที่ติดตามได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จและเชื่อว่าเป็นความจริง เป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนทั่วไปว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ทําให้ผู้ฉีดถึงแก่ความตาย รวมทั้งส่งผลทําให้สร้างความเกลียดชังเชื่อว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ที่เสนอวิธีฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและทําให้คนตาย การเสนอสูตรฉีดวัคซีนไขว้ ก็เพื่อให้ตนเองได้รับรางวัลเท่านั้น
คลิปที่ 2 เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 หลังสื่อมวลชนเสนอข่าวว่า “(ชื่อนายแพทย์) ระบุ เริ่มต้นด้วย mRNA จะหาวัคซีนชนิดอื่น กระตุ้นยาก” โดยพรรณนิดาได้โพสต์คลิป Tik Tok ระบุว่าให้ ผู้เสียหายอธิบายให้คนเข้าใจแบบตรง ๆ ด้วยการบอกว่า ถ้าเริ่มต้นด้วย mRNA จะทำให้วัคซีนที่ผู้เสียหายบอกว่าเป็นเซลล์อยู่ ขายไม่ได้
พนักงานสอบสวนระบุว่าผู้เสียหาย เห็นว่า ข้อความดังกล่าวนั้น ทำให้ผู้ที่ติดตามได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จและเชื่อว่าเป็นความจริง สร้างความเกลียดชัง เชื่อว่าผู้เสียหายเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ ทําตนเป็นเซลล์ ขายวัคซีนหรือหาประโยชน์จากการขายวัคซีนยี่ห้อหนึ่ง
.
ย้อนอ่านข่าวรับทราบข้อกล่าวหา >>> ตัวแทนหมอ แจ้งความชาว TikTok กล่าวหา “หมิ่นประมาทฯ” เหตุโพสต์คลิปวิจารณ์วัคซีนสูตรไขว้
.
คดีนี้ มีนัดคุ้มครองสิทธิเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565 ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายแพทย์ท่านดังกล่าว, พรรณนิดา และทนายความพูดคุยตกลงกันก่อนเข้าห้องพิจารณา ได้ความว่า จำเลยตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และชำระค่าเสียหายให้กับโจทก์เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท โดยมอบให้ผู้รับมอบอำนาจ
ต่อมาในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 อันเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ให้จำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 100,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน ปรับกระทงละ 50,000 บาท สองกระทง รวมจำคุก 12 เดือน ปรับ 100,000 บาท
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว ความประพฤติโดยทั่วไปของจำเลยไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายตามสมควร และได้โพสต์คลิปขอโทษผู้เสียหายทางสื่อสารสาธารณะ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนผู้รับสื่อ การถูกดำเนินคดีนี้น่าจะทำให้จำเลยสำนึกในการกระทำได้แล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นคนดีสักครั้ง
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ภายในกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในระยะเวลาดังกล่าว กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์ ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ได้แก่ วันชัย รัตนสุรการย์ และ สุชาย จอกแก้ว
วันนี้ (20 ก.พ. 2567) หลังฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อมา ศาลได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิฯ ชั้น 8 ศาลอ่านคำพิพากษาสามารถสรุปได้ดังนี้
ประเด็นแรก คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นธรรม ตามวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้หรือไม่ เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ศาลรับฟังคำรับสารภาพครบกระบวนความ ไม่สามารถรับฟังข้อต่อสู้อุทธรณ์ข้อนี้ได้ อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น
ประเด็นที่สอง โทษปรับที่ศาลชั้นต้นกำหนดสูงเกินไปหรือไม่ เห็นว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นประชดประชันซึ่งเป็นปกติธรรมดาในสังคมที่มีความกดดัน จำเลยสำนึกผิด โทษปรับต้องคำนึงถึงอาชีพและรายได้ของจำเลย จึงเห็นว่าโทษปรับที่ศาลชั้นต้นลงโทษนั้นสูงเกินจำเป็น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษ ให้ลงโทษปรับกระทงละ 15,000 บาท สองกระทง รวมปรับ 30,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษปรับ 15,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
หลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสร็จสิ้น พรรณนิดาและทนายความลงไปที่ชั้น 2 ศาลอาญา เพื่อทำเรื่องขอคืนค่าปรับที่ชำระเสร็จสิ้นไปแล้ว