ศาลสั่งถอนประกัน ‘บุ้ง’ เหตุพ่นสีลงบนธงราชินี-ชุมนุมหน้า วธ. แต่ไม่ถอนประกัน ‘ตะวัน’ ชี้ ไม่ผิดเงื่อนไขประกัน

26 ม.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำสั่งขอเพิกถอนประกัน “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ “บุ้ง” เนติพร (สงวนนามสกุล) จำเลยในคดีมาตรา 112 กรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จที่บริเวณห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 หลังพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยื่นคำร้องโดยอ้างเหตุที่ทั้งสองเข้าร่วมชุมนุมและพ่นสีหน้ากระทรวงวัฒนธรรม เรียกร้องให้ถอดเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สว. ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2566

ศาลเห็นว่า ไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าการที่จำเลยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขประกันตัวอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 3  (เนติพร) ได้ทำการพ่นสีสเปรย์ลงบนธงประจำพระองค์ของสมเด็จพระราชินี ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว จึงมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวสำหรับจำเลยที่ 3 แต่ไม่เพิกถอนการประกันตัวของจำเลยที่ 1 (ทานตะวัน) เนื่องจากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความเกี่ยวข้องกับการพ่นสีดังกล่าว

สำหรับคดีนี้ มีจำเลยที่ถูกฟ้องดำเนินคดีจำนวนทั้งสิ้น 8 คน ส่วนการไต่สวนถอนประกันในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก ร.ต.ท.สราวุฒิ จันทร์เขียว พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ยื่นคำร้องต่อศาล โดยอ้างว่า ตะวัน จำเลยที่ 1 และบุ้ง จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกันจัดการชุมนุมที่หน้ากระทรวงวัฒนธรรมเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2566 เพื่อเรียกร้องให้ถอดถอน เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกวุฒิสภา ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยมีการพ่นสีสเปรย์ จุดพลุ และพลุควัน ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขประกันที่ศาลเคยกำหนดไว้ว่า “ห้ามกระทำการใด ๆ ในลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง” 

ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้เคยนัดไต่สวนคำร้องมาแล้วเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 แต่พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ผู้ร้อง ไม่มาศาลตามนัด ศาลจึงเคยยกคำร้องไปแล้ว ต่อมา พนักงานสอบสวนคนเดิมได้ยื่นคำร้องต่อศาลอีกครั้ง ก่อนศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา

>>> บันทึกการไต่สวนถอนประกัน : https://tlhr2014.com/archives/61753

ในวันนี้ (26 ม.ค.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำสั่งโดยมีรายละเอียดโดยสรุปว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกสราวุธ จันทร์เขียว ผู้ร้อง ว่าเห็นจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกจัดกิจกรรมหน้ากระทรวงวัฒนธรรมและมีการฉีดพ่นสีสเปรย์และจุดพลุหน้ากระทรวง และตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกเทวฤทธิ์ ว่าเห็นกลุ่มคนประมาณ 30 คน ทำกิจกรรมที่หน้ากระทรวงวัฒนธรรม เพื่อกดดันให้ถอดถอนเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ

เห็นว่า ในการถอนประกันต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันตัว ซึ่งจากคำเบิกความฝ่ายตำรวจ ไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าการที่จำเลยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นความผิดตามเงื่อนไขอย่างไร เนื่องจากวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้ถอดถอน ส.ว.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ ซึ่งไม่ใช่กิจกรรมที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย อันจะเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขประกัน 

อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานของผู้ร้องรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ทำการพ่นสีสเปรย์ลงบนธงประจำพระองค์ของสมเด็จพระราชินี ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวที่ห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ 

ศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวสำหรับจำเลยที่ 3 (เนติพร) แต่ไม่เพิกถอนการประกันตัวของจำเลยที่ 1 (ทานตะวัน) เนื่องจากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1  มีความเกี่ยวข้องกับการพ่นสีดังกล่าว

หลังจากฟังคำสั่งของศาล บุ้งได้ปรึกษากับทางทนายความและได้ตัดสินใจจะไม่ยื่นประกันตัวภายในวันนี้ ทำให้บุ้งจะต้องถูกส่งตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางทันที

X