ครอบครัว “เก็ท โมกหลวง” เข้ายื่นหนังสือประธานศาลฎีกา ร้องเรียนคำพิพากษาคดี #ทัวร์มูล่าผัว ขัดตัวบทกฎหมาย ศาลลงโทษจำคุกฐาน พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง ทั้งที่ไม่มีโทษจำคุก

วันที่ 13 พ.ย. 2566 เวลา 09.30 น. ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ครอบครัวของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ พร้อมด้วยนักกิจกรรมและประชาชน ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีคำพิพากษาขัดกับตัวบทกฎหมาย อันสืบเนื่องมาจากศาลอาญามีคำพิพากษาคดีของที่โสภณถูกกล่าวหาปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ซึ่งปัจจุบันเก็ทถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเป็นระยะเวลากว่า 82 วันแล้ว โดยไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2566 เก็ทถูกศาลอาญาพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี และ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 9 ลงโทษจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน

ในฐานความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 มีบทกำหนดลงโทษตามมาตรา 9 ซึ่งกฎหมายระบุโทษปรับไม่เกิน 200 บาทเท่านั้น แต่ศาลกลับลงโทษให้จำคุกนานถึง 6 เดือน ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้เป็นการที่ศาลตัดสินโทษ ‘เกินกว่า’ ที่กฎหมายกำหนด ‘สั่งจำคุก’ ทั้งที่ไม่มีโทษจำคุกหรือไม่

ในการยื่นหนังสือครั้งนี้ ครอบครัวของเก็ทได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา โดยมีผู้แทนประธานศาลฎีกาเป็นผู้ออกมารับหนังสือ 

และในเวลาประมาณ 13.30 น. ทางครอบครัวและนักกิจกรรม ยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้แทนของนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ออกมารับหนังสือเช่นเดียวกัน 

————————-

สำหรับหนังสือร้องเรียน ลงนามโดยบิดาของโสภณ ร่วมด้วย รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มีเนื้อความดังต่อไปนี้

เรื่อง ร้องเรียนกรณีคำพิพากษาขัดกับตัวบทกฎหมาย

สืบเนื่องจากคดีแดงที่ อ.2410/2566 คดีดำที่ อ.1447/2565 ที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 คดีระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ และนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง จำเลย ศาลได้ทำการตัดสินดังนี้ 

“พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4, 9 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี จำคุก 3 ปี ฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน”

1. ใน พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 กำหนดว่า ผู้ที่จะใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต้องได้รับอนุญาต และมาตรา 9 กำหนดว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 4 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท

ดังนั้น ในคำพิพากษาดังกล่าว กำหนดบทลงโทษฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน นั้น จึงเป็นการตัดสินลงโทษโดยปราศจากบทบัญญัติกฎหมายใด ๆ รองรับ ทั้งยังขัดกับบทบัญญัติในตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ในเรื่องนี้

2. ข้าพเจ้าพร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้รักความเป็นธรรมเห็นว่าประโยคคำพูดของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ตามคำฟ้องในคดีนี้ เป็นประโยคที่จำเลยได้ใช้เพียงสรรพนามบุรุษที่สอง เป็นประธานของประโยคซึ่งตามหลักไวยากรณ์หมายถึงผู้ฟังซึ่งหน้าในขณะนั้นโดยตรง ได้แก่ ตำรวจที่กำลังฟังอยู่ มิใช่บุคคลอื่นใดทั้งสิ้นการกระทำจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดในมาตรา 112 

(แม้มีการเอ่ยพระนามก็เป็นเพียงการกล่าวถึงขบวนเสด็จ และคำพูดที่ต่อว่าตำรวจนี้ก็เป็นการยกเอาการทำบุญมากล่าวเสียดสีตำรวจว่า ต่อให้ตำรวจจะไปทำบุญสักกี่วัดก็ตาม การสั่งสมบุญบารมีของตำรวจเหล่านี้ก็จะไม่เพิ่มขึ้นได้เลยตราบใดที่ยังข่มหงรังแกประชาชนอยู่อย่างนี้ซึ่งพูดโดยใช้สรรพนาม แทนตำรวจตรง ๆ)

ข้าพเจ้าพร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้รักความเป็นธรรมขอร้องเรียนเรื่องคำพิพากษาที่ขัดกับตัวบทกฎหมายอย่างชัดเจนในข้อ 1. ซึ่งสร้างความเสียหายแก่วงการยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง และในข้อ 2. ที่ตีความสรรพนามเป็นอื่นไปนั้น ขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือไม่ 

ทั้งนี้หากเป็นความผิดพลาดก็ควรที่จะต้องมีการชี้แจงและแก้ไขความผิดพลาดนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนอย่างรุนแรง อีกทั้งเพื่อเป็นการธำรงความเป็นธรรมในสังคมที่ประชาชนควรจะต้องได้รับจากศาลยุติธรรม

ขอแสดงความนับถือ

อ่านข้อสังเกตจากทนายสิทธิและ อาจารย์นิติ มช. >>> อาจารย์นิติ มช. ให้ความเห็นคดี ‘เก็ท โสภณ’ ห่วงถูกตัดสินโทษเกินกว่ากฎหมายกำหนด

X