‘เวหา’ ยุติอดอาหารประท้วง รวม 49 วัน หลังยื่นประกันครั้งที่ 3 แต่ศาลยังยกคำร้อง ประกาศไม่สู้คดีต่อ – ปฏิเสธอำนาจตุลาการ

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566 ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม “เวหา” ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 18 เดือน ในคดีมาตรา 112 กรณีใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝา ver.เกรี้ยวกราด” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคุกวังทวีวัฒนา และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเรื่อยมา

วันที่ทนายความเข้าเยี่ยมเวหานี้ นับเป็นการอดอาหารประท้วงวันที่ 49 ของเขา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2566 มีจุดประสงค์เพื่อเคียงข้าง ‘วารุณี’ ที่อดอาหารประท้วงก่อนหน้าเขาเพียง 2 วัน และเพื่อยืนหยัดตาม 3 ข้อเรียกร้องของตนเอง ซึ่งได้แก่ 

1. เรียกร้อง ‘สส.’ เข้ามารับข้อเสนอ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” จากผู้ต้องขังในเรือนจำ  

2. เรียกร้อง ‘คณะรัฐมนตรีชุดใหม่’ ออกมาแถลงความคืบหน้าและความเป็นไปได้ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง

3. เรียกร้อง ‘ศาล’ ให้คืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดียังไม่สิ้นสุดเด็ดขาด และปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดีสิ้นสุดเด็ดขาดแล้ว

ทว่าตลอดการประท้วงของเวหาและวารุณี ไม่มีผู้ต้องขังคดีการเมืองคนใดได้รับสิทธิประกันตัวจากศาลเลย รวมถึงข้อเรียกร้องของพวกเขาก็ไม่ได้มีความคืบหน้า ขณะที่ทั้งสองนั้นได้รับผลข้างเคียงจากการอดอาหารประท้วงและทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อย ๆ

ตลอดการอดอาหารเกือบ 50 วันที่ผ่านมาของเวหานั้น เขาปฏิเสธอาหารทุกอย่าง โดยประทังชีวิตด้วยการดื่มเพียงน้ำเปล่า นม และน้ำหวาน รวมถึงสารอาหารเหลวที่คล้ายกัน ทำให้ที่ผ่านมาน้ำหนักตัวของเขาลดลงไปกว่า 9 กิโลกรัมแล้ว ปัจจุบันเวหามีร่างกายซูบผอมมาก มีอาการอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง ปวดท้องมาก และมีภาวะขาดสารอาหาร

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวเวหาต่อศาลอาญาเป็นครั้งที่ 3 เสนอหลักทรัพย์เป็นเงิน 200,000 บาท ต่อมา ศาลอาญาส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาสั่ง จากนั้นในวันที่ 7 ต.ค. ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ‘ยกคำร้อง’ ยืนยันไม่ให้ประกันตัวเช่นเดิม โดยอ้างเหตุผลว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี และไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม


เมื่อวันนี้เวหาทราบผลของคำสั่งไม่ให้ประกันตัว เขาจึงประกาศเจตจำนง ‘ขอยุติการอดอาหารประท้วง’ รวมทั้งสิ้น 49 วัน เนื่องจากเวหาเห็นว่าร่างกายของตัวเองได้รับผลข้างเคียงจากการอดอาหารเกินขีดจำกัดที่จะรับได้ไหวแล้ว โดยจะขอใช้วิธีอื่นเพื่อต่อสู้เรียกร้อง ‘การนิรโทษกรรม’ ให้กับผู้ต้องขังคดีการเมืองต่อไป

บันทึกเยี่ยมจากทนายความ

ประกาศยุติการอดอาหารประท้วง 49 วัน 

เวหาในเสื้อสีฟ้าแขนสั้น นั่งรอรับโทรศัพท์อยู่อีกฝั่งของห้องที่กั้นด้วยกระจกใสหนา สีหน้าเวหาเคร่งเครียด เขายกมือไหว้และรีบยกหูโทรศัพท์แทบจะในทันที

เวหาขอให้เรารีบบอกผลการประกันตัวครั้งล่าสุด เราบอกกับเวหาว่า ศาลยังไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เวหาฟังแล้วสีหน้าไม่สู้ดี แววตาสลด ก่อนให้ความเห็นว่า “เรื่องประกันเตรียมใจมาระดับหนึ่งแล้ว ไม่ได้คาดหวัง แต่เมื่อได้รับคำตอบก็รู้สึกเสียใจ”

เวหาพิจารณาจากผลคำสั่งไม่ให้ประกันตัวของศาลครั้งนี้แล้ว เขาจึงขอประกาศเจตจำนง ‘ยุติ’ การเรียกร้องสิทธิประกันตัวด้วยการอดอาหารประท้วงนับตั้งแต่วันนี้ (10 ต.ค.) เป็นต้นไป และต่อจากนี้จะเข้าสู่โปรแกรมรับมือกับภาวะ Re-feeding เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากการอดอาหารประท้วงเป็นเวลายาวนานต่อไป

ทำให้การอดอาหารประท้วงของเวหาสิ้นสุดลง ด้วยระยะเวลา 49 วัน นอกจากนี้เขายังแจ้งว่าจะขอยุติการต่อสู้คดีมาตรา 112 ที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ โดยจะไม่ขออุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษา รวมถึงจะขอปฏิเสธอำนาจตุลาการทั้งหมด โดยจะยอมติดคุกเพื่อ ‘ประจาน’ กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อไปในฐานะผู้ต้องขังเด็ดขาด 


เวหาบอกว่า “ถ้าสังคมรับรู้เรื่องนี้แล้วรู้สึกสงสารหรือเห็นใจพวกเรา อยากให้ช่วยกันขับเคลื่อนการนิรโทษกรรมและการยกเลิก ม.112 ให้เกิดขึ้นจริงโดยเร็ววัน เพราะการเป็นนักโทษคดีการเมืองคาดหวังกับการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมไม่ได้เลย

“เพียงแค่ ‘สิทธิประกันตัว’ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ศาลยังให้กันไม่ได้ แล้วเราจะมีโอกาสสู้คดีให้ชนะได้อย่างไร ดังนั้นการนิรโทษกรรมและการยกเลิก มาตรา 112 เท่านั้น ถึงจะทำให้เราได้รับอิสรภาพได้”



เรือนจำแออัด นักโทษหนาแน่น ส่งต่อความเจ็บป่วยได้ง่าย

ด้านสุขภาพและอาการป่วยของเวหานั้น อาการตาแดงที่เป็นเพราะการกลั้นไอนั้นดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีอาการจามและไอแรงมาก ๆ เมื่อไอแรง ๆ หมอให้ยามาทานแล้วเป็นยาอักเสบยา แก้หวัด และยาฆ่าเชื้อ 

เวหาเล่าว่า สภาพภายในเรือนจำตอนนี้แออัดมาก เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีการ ‘ระเบิดแดน’ หมายถึง มีนักโทษที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีเข้ามาอยู่ในแดนเพิ่มมากขึ้น กว่า 30 คน ทำให้ตอนนี้มีนักโทษหนาแน่นมาก

ความแออัดนี้ทำให้อาการเจ็บป่วยส่งต่อถึงกันได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เวลามีใครคนหนึ่งป่วยคนอื่น ๆ ก็จะเป็นกันตามไปหมด ปกติเรือนจำจะให้ผู้ต้องขังลงชื่อเข้าพบหมอได้วันละ 10 คน แต่ตอนนี้ไม่ได้จำกัดจำนวนคนแล้ว เพราะถ้าจะรักษาไม่ทันการณ์

ตอนนี้เวหาทำงานในห้องสมุด ในห้องนั้นจะมีมุมหนึ่งที่เรียกว่า ‘มุมราชทัณฑ์ปันสุข’ ซึ่งจะมีผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยมานอนรอพบหมออยู่ เวหาบอกว่าน่าสงสารมาก ๆ 

“เรื่องกำลังใจตอนนี้ ถ้าให้คะแนนเต็ม 10 ผมให้ 5, แต่ยังไหวอยู่

“แต่เอาจริงมันก็ทำร้ายเราหนักอยู่ ผมเชื่อว่าผมแกร่งพอที่จะเผชิญกับเรื่องหลังจากนี้ ไม่ได้กังวลมากในเรื่องคดี คิดว่าต้องสู้ในหนทางที่ยังสู้ไหวอยู่ ห่วงมากที่สุดก็คือเรื่อง ‘แม่’ 

“มันน่าเศร้า ที่พอเรากลับเข้าแดนก็มีการปรับทุกข์ให้กันฟัง เรารู้ว่า ‘แพ้’ แต่ไม่อยากใช้คำว่าแพ้ แต่มันเหมือนเราทำอะไรไม่ได้เลย เราเศร้าใจตรงที่ว่าสิ่งที่เราทำมาตลอดมันไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย คนอื่นจะสู้ไหม ไม่รู้ แต่เราจะรอเวลา เพื่อทำให้ข้อเรียกร้องเราเป็นจริงให้ได้ มีสิ่งเดียวที่จะหยุดได้คือ ‘ความตาย’ 

ทั้งนี้ ในวันอังคารที่ 31 ต.ค. นี้ เวหาจะถูกเบิกตัวจากเรือนจำไปที่ศาลอาญา ในนัดสืบพยานคดี ม.112 อีกคดีหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาจากการแชร์โพสต์ของเพจเยาวชนปลดแอก เวหาขอเชิญชวนให้ทุกคนไปเจอกันได้ในวันนั้น

“คดีนั้นผมเป็นผู้ต้องขังมาจากคุก ส่วนทนายผม (อานนท์ นำภา) ก็อยู่ในคุกเหมือนกัน แล้วจะหาความยุติธรรมจากที่ไหน …” เวหาบอก

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

แถลงการณ์ของเวหาขณะเริ่มอดอาหารประท้วง – แถลงการณ์จาก ‘เวหา’ เปิดเหตุผลอดอาหารประท้วง พร้อม 3 ข้อเรียกร้องทวงสิทธิประกัน – ปฏิรูปยุติธรรม – นิรโทษกรรม

X