แถลงการณ์จาก ‘เวหา’ เปิดเหตุผลอดอาหารประท้วง พร้อม 3 ข้อเรียกร้องทวงสิทธิประกัน – ปฏิรูปยุติธรรม – นิรโทษกรรม

วันที่ 23 – 24 ส.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยม “เวหา” ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 18 เดือน ในคดีมาตรา 112 กรณีใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝา ver.เกรี้ยวกราด” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคุกวังทวีวัฒนา และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกัน ปัจจุบัน (25 ส.ค.) เขาถูกคุมขังมาแล้ว 100 วัน

23 ส.ค. 2566 : อดอาหารวันที่ 1 

เราอัปเดตข่าวสารทางการเมือง ทั้งการเลือกนายกฯ และเรื่องราวที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยแล้วให้เวหาได้ฟัง 


เวหาเล่าให้ฟังว่า ทั้งแดนตื่นเต้นมาก เมื่อวาน (22 ส.ค.) ไม่มีญาติหรือทนายเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้เลย เพราะเรือนจำปิดทำการ 1 วัน แต่ทุกคนไม่มีใครรู้สึกแย่เลย เพราะคิดว่าการที่ทักษิณเข้าเรือนจำน่าจะทำให้ผู้ต้องขังได้รับประโยชน์บางอย่างไปด้วย อย่างเรื่องการขออภัยโทษ 

“เขาคิดกันว่าถ้าทักษิณได้อภัยโทษ พวกเขาก็น่าจะได้ด้วย”

“ส่วนผม เรื่องอภัยโทษไม่ได้หวังอยู่แล้ว …”

จากนั้นเราเล่าเรื่องที่วารุณีประกาศ ‘อดอาหารและน้ำ’ ให้เวหาฟัง เวหาตกใจและแสดงความเป็นห่วงอาการของวารุณี เขาขอเวลาครุ่นคิดกับตัวเองพักหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า 

“ผมไม่รู้ว่าจะโอเคมั้ย แต่น่าจะถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำบางอย่างแล้ว เพราะผมไม่รู้ว่าเสียงของน้ำจะดังกว่านี้ได้อีกไหม ตอนนี้เหมือนเขากำลังตะโกนอยู่คนเดียว 

“ดังนั้นผมจะช่วยตะโกนอีกแรง ด้วยการ ‘อดอาหาร’ เป็นเพื่อนวารุณีครับ และผมมีข้อเรียกร้อง 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่

หนึ่ง ขอสิทธิในการประกันตัวให้ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคนที่คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด หากคนไหนที่คดีสิ้นสุดแล้ว ก็ขอให้เขาได้รับการนิรโทษกรรมและออกจากเรือนจำไปใช้ชีวิตข้างนอก ผมอยากให้พวกเรามีโมเมนต์อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวแบบคุณทักษิณบ้าง

สอง ขอเรียกร้องให้ สส. เข้ามารับข้อเสนอในการ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” จากมือของผู้ต้องขังในเรือนจำ

สาม ขอให้รัฐบาลใหม่มีการดำเนินการและรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ต้องขังทางการเมือง 

“หากข้อเรียกร้องของผมมีประสบความสำเร็จ 2-3 ข้อ ผมก็จะพิจารณาเลิกอดอาหารครับ”

ทั้งนี้ ระหว่างการอดอาหารเวหาจะไม่รับการรักษาใดๆ ทั้งสิ้น

“เป้าหมายหลัก คือ อยากให้มี สส. เข้ามารับข้อเรียกร้องและพูดคุยกับผู้ต้องขังทางการเมือง จะเข้ามาเป็นการส่วนตัวหรือเข้ามาเป็นกรรมาธิการก็ได้ครับ 

“อย่างน้อยก็ทำให้พวกเรารู้สึกว่าที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกันมันมีความหมาย พวกเราไม่ได้ถูกหลงลืม”

…………………..

แถลงการณ์ฉบับเต็มจากเวหา

สวัสดีครับ ผม ‘เวหา แสนชนชนะศึก’ หนึ่งในผู้ต้องขังทางการเมืองจากมาตรา 112 ณ เวลานี้ ผมถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมา 3 เดือนกว่าแล้ว 

ก่อนถูกคุมขังมีผลการเลือกตั้งชัดเจนแล้วว่า ‘พรรคก้าวไกล’ ได้คะแนนเสียงมากที่สุด แต่หลังจากที่ผมถูกคุมขัง ข่าวสารทั้งหมดที่ได้รับบอกผมว่า ขั้วการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป 

ผมเคยคาดหวังกับนโยบายของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 และการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง แต่ตอนนี้ความหวังเหล่านั้นกลายเป็นความสิ้นหวังทันที เมื่อพรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้

อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลยังมี ‘อำนาจนิติบัญญัติ’ ที่จะเข้าไปแก้ไขหรือผลักดันกฎหมายต่างๆ สิ่งนี้จึงเป็นความหวังสุดท้ายของผู้ต้องขังทางการเมืองอย่างพวกเรา พวกเราได้พยายามส่งเสียงออกไปบ้างแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง 

วันนี้เราจึงขอส่งเสียงอีกครั้งให้ดังขึ้น ด้วยข้อเรียกร้องที่จะฝากไปถึงผู้กุมอำนาจทั้ง 3 ด้าน โดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็นพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเท่านั้น

  1. ขอเรียกร้องให้ ‘สส.’ ที่กุมอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประชาชน เข้ามารับข้อเสนอ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” จากพวกเราผู้ต้องขังในเรือนจำ
  1. ขอเรียกร้องไปถึง ‘คณะรัฐมนตรีชุดใหม่’ ที่กุมอำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประชาชน ออกมาแถลงความคืบหน้าและความเป็นไปได้ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง
  1. ขอเรียกร้องไปถึง ‘ศาล’ ผู้กุมอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประชาชน ให้คืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดียังไม่สิ้นสุดเด็ดขาด และปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดีสิ้นสุดเด็ดขาดแล้ว

ข้อเรียกร้องทั้งหมดนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถเป็นไปได้ทั้งหมด แต่คาดหวังว่าจะมีการตอบสนองจากผู้ที่เราส่งสารไปถึงไม่มากก็น้อย เพื่อยืนยันว่าเสียงของประชาชนอย่างเรา ‘ยังมีความหมายอยู่’

หากมีความคืบหน้าดังกล่าวแล้ว ผมก็จะยุติการอดอาหารทันที

24 ส.ค. 2566 : อดอาหารวันที่ 2 

ขณะเข้าเยี่ยม เราพบว่าเวหาดูอ่อนเพลียกว่าปกติ เขาบอกว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีผลกระทบทางด้านร่างกายนัก เนื่องจากเพิ่งอดอาหารมาได้ 1 วัน ก่อนที่จะออกมาเจอทนายความ เขาได้ดื่มน้ำหวานมาแล้วจึงรู้สึกมีแรงขึ้นบ้าง

“ก็จะรู้สึกหิวและหมดแรงครับ เพราะว่าอยู่กองงานห้องสมุด มันก็จะต้องออกแรงตลอด อยู่นิ่งไม่ได้ เลยเหนื่อยเพราะไม่ได้กินอะไร แล้วในห้องที่ผมนอน จะเป็นห้องที่มีของกินตลอด มันก็เลยหิว ตอนนี้ผมสั่งน้ำผลไม้ไว้สำหรับดื่มวันต่อๆ ไปแล้วครับ”

“ทุกคนก็ถามว่า ‘ผมกำลังเรียกร้องอะไร’ 

“ผมก็อธิบายให้ฟัง ซึ่งเพื่อนหลายๆ คนก็ให้กำลังใจ แล้วก็เป็นห่วงว่าผมจะไหวไหม” 

เวหายังเล่าถึงสถานการณ์เรื่องทักษิณ ชินวัตร ที่เข้ามาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่กี่ชั่วโมง ก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล

“ความจริงคือเค้าอยู่เรือนจำแค่ไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ดังนั้นถ้าจะมาคาดหวังว่าการมาของเขาจะทำให้เรือนจำดีขึ้นก็คือคิดผิด ผมอยู่ข้างในนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องอภัยโทษก็เป็นสิ่งที่คนข้างในทึกทักเอาเอง

“ผมเข้าไปบอกข้างในเรื่องอภัยโทษ บอกว่าทางราชทัณฑ์พูดว่าทักษิณสามารถขออภัยโทษได้ทันที แต่ไม่ได้หมายถึงคนอื่น ทุกคนก็บอกว่า ไม่หรอก ถ้าจะอภัยก็ต้องอภัยเป็นหมู่คณะไหม ควรได้เหมือนกันหมด ทุกคนคาดหวังว่าจะมีการอภัยโทษในเดือนตุลาคม บางคนวางแผนไว้เลยว่าตอนนั้นจะเป็นนักโทษชั้นไหน ได้ลดโทษเท่าไหร่”

นอกจากนี้ เวหายังบอกเหตุผลที่ทำไมเขาจึงคาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถทำตามข้อเสนอของเขาได้

“ผมไม่สามารถคาดหวังกับพรรคอื่นได้ครับ เพราะอุดมการณ์และจุดยืนของเขาเปลี่ยนไปหลังเลือกตั้ง แต่มีแค่พรรคก้าวไกลที่ยังคงอุดมการณ์เดิมไว้อย่างหนักแน่น แม้ผมจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะตอบสนองข้อเรียกร้องของเราไหม แต่มันก็เป็นความหวังของพวกเราครับ”

X