ไต่สวนคำร้องขอประกัน “เวหา” 2 คดี ม.112 ยินดีรับทุกเงื่อนไข-ให้แม่เป็น ผกก.ดูแล ก่อนศาลนัดฟังคำสั่ง 17 มิ.ย. นี้

14 มิ.ย. 2565 เวลา 10.00 น. ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว “เวหา แสนชนชนะศึก” อายุ 37 ปี ในคดีมาตรา 112 จำนวน 2 คดี ได้แก่ กรณีแชร์โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก” มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การจัดการวัคซีนของรัฐบาล และโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ศาลเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ส่วนอีกคดีเวหาถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” ทวิตข้อความเล่าเรื่องประสบการณ์ใน “คุกวังทวีวัฒนา”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2565 เวหาถูกจับกุมที่สถานีขนส่งหมอชิต ตามหมายจับของศาลอาญา กรณีแชร์โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก” และโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว จากนั้นวันถัดมา พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ยื่นขอฝากขังเวหาต่อศาลอาญา และศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทำให้เวหาถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2565 และต่อมาอัยการสั่งฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 

ขณะเดียวกัน ในคดีที่สองนั้น ศาลมีคำสั่งถอนประกันไปเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2565 โดยมีเหตุของการถอนประกันมาจากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวซึ่งเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวที่ว่า “ห้ามจำเลยกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก” ซึ่งในคดีนี้ ก่อนหน้านี้เวหาเคยถูกคุมขังในชั้นสอบสวนมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 และเพิ่งได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 53 วัน 

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวเวหาในทั้งสองคดี โดยขอวางหลักประกันคดีละ 200,000 บาท อีกทั้ง ระบุเหตุผลในคำร้องเกี่ยวกับการที่เวหาเป็นผู้ป่วยจิตเวชต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และยินยอมให้ติด EM รวมถึงยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีแต่อย่างใด จากนั้นศาลได้นัดไต่สวนคำร้องผ่านจอภาพวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ พร้อมกันนี้ศาลขอให้ทนายความเสนอพฤติการณ์พิเศษประกอบการพิจารณาคดี 

เวลา 10.00 น. ณ ห้อง 609 เวหาถูกเบิกตัวเข้าร่วมการไต่สวนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ถ่ายทอดสัญญาณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค-19 ของศาลอาญา การไต่สวนเริ่มต้นขึ้นโดยมีพยาน 1 ปาก ได้แก่ แม่ของเวหา โดยอัยการโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะเข้าร่วมการไต่สวนในวันนี้ด้วย

แม่เวหาเสนอให้ศาลแต่งตั้งเป็นผู้กำกับดูแล ยืนยันลูกชายเป็นคนจิตใจดี ไม่ก้าวร้าว

แม่ของเวหา เบิกความว่า อาศัยอยู่กับเวหาที่บ้านในจังหวัดพิษณุโลกเพียง 2 คน โดยก่อนหน้านี้เวหาจะคอยทำงานเลี้ยงดูตนมาตลอด เวหามีโรคประจำตัว โดยป่วยเป็นโรคจิตเวชและโรคลมชัก สาเหตุการป่วยมาจากการถูกทำร้ายร่างกายในช่วงหลังเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย

แม่เวหาเบิกความอีกว่า ตนเองก็ป่วยเช่นกัน โดยมีโรคประจำตัวเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าจะต้องรับการผ่าตัดโดยเร็ววันนี้ แต่ตนยังไม่ได้เข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากไม่มีใครจะคอยไปอยู่เฝ้าและดูแลที่โรงพยาบาลเมื่อต้องทำการพักฟื้นหลังผ่าตัด ทุกวันนี้จึงบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อมด้วยการกินยาให้ผ่านไปวันๆ เท่านั้น 

เวหา ซึ่งเป็นลูกชายนั้นเป็นคนจิตใจดี เพื่อนบ้านให้ความรักใคร่เอ็นดู สุภาพ ไม่ก้าวร้าว ตนเชื่อว่าสามารถตักเตือนและดูแลจำเลยให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดได้และยินดีให้ศาลแต่งตั้งเป็นผู้กำกับดูแลของจำเลย

และได้ตอบศาลถามว่า หากไม่สามารถดูแลให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดได้ จนจำเลยกระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ยินดีให้ศาลริบเงินประกันซึ่งได้จากกองทุนราษฎรประสงค์

เวหาชี้ป่วยเป็น PTSD ต้องรักษาต่อเนื่อง ยินดีรับทุกเงื่อนไขของศาล ก่อนศาลนัดฟังคำสั่ง 17 มิ.ย. นี้

ด้านเวหาเบิกความว่า ตนประกอบอาชีพเกษตรกรรม ป่วยเป็นโรคจิตเภท PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) โดยเข้ารับการรักษามาตลอด ตั้งแต่ปี 2561 ที่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก และในเร็ววันนี้จะต้องเข้ารับการรักษา ติดตามอาการ และรับยา ตามที่แพทย์นัดหมายในวันที่ 25 ก.ค. 2565 

เวหายินดีรับทุกเงื่อนไขที่ศาลเห็นควรจะกำหนดในการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เวหาขอให้ศาลมีดุลยพินิจกำหนดเงื่อนไขที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพของตนเองและการเดินทางเพื่อพาแม่ที่ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมไปหาหมอด้วย อีกทั้งยินดีให้ศาลแต่งตั้งแม่ของตนเองเป็นผู้กำกับดูแล โดยเบิกความว่า ก่อนหน้านี้ตนก็อยู่อาศัยและดูแลแม่กันเพียง 2 คนอยู่แล้ว และให้คำมั่นว่าจะมาตามนัดหมายของศาลทุกครั้ง

เวหาตอบศาลถามว่า ตนเคยถูกดำเนินคดีมาแล้วรวม 4 คดีด้วยกัน ก่อนที่จะถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ใน 2 คดีนี้  

หลังไต่สวนแล้วเสร็จ ศาลได้นัดฟังคำสั่งว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ในวันที่ 17 มิ.ย. 2565 เวลา 13.30 น. โดยให้เบิกตัวเวหามาฟังคำสั่งผ่านทางจอภาพ และให้แม่ของเวหาเข้าร่วมฟังคำสั่งด้วย

แม่เผยต้องนั่งรถตู้ ไป-กลับ พิษณุโลก-กทม. นานครั้งละ 6 ชม. ทำข้อเข่าเสื่อมกำเริบ หมอให้ผ่าตัดแต่ไม่มีใครไปเฝ้า เพราะเวหาติดคุกนาน 4 เดือนแล้ว

หลังศาลทำการไต่สวนแล้วเสร็จ เวหายังคงติดต่อผ่านทางจอภาพอีกครู่หนึ่ง โดยเขาได้พูดกับแม่ว่า ศาลไม่ได้จะมีคำสั่งภายในวันนี้ ขอให้แม่ไม่ต้องกังวลและกลับบ้านที่พิษณุโลกเพื่อไปร่วมงานฌาปนกิจศพคุณตาก่อน และกล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบคุณครับ ขอให้แม่ดูแลสุขภาพและเดินทางกลับพิษณุโลกโดยปลอดภัยครับ”

แม่เวหาเปิดเผยว่า จะต้องเดินทางกลับไปร่วมงานศพคุณตา ซึ่งมีกำหนดฌาปนกิจในวันที่ 16 มิ.ย. 2565 และภายในช่วงเย็นวันนั้นจะต้องเดินทางโดยรถตู้จากพิษณุโลกเพื่อมาร่วมฟังคำสั่งศาลอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น 

แม่เวหาระบุว่า การเดินทางไป-กลับที่อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก แต่ละครั้งนั้นยากลำบาก ต้องนั่งรถตู้นานกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งทำให้โรคเข่าเสื่อมทวีความรุนแรงและรู้สึกปวดที่เข่าอย่างมาก แต่ก็ยินดีและเต็มใจที่จะเดินทางมาศาลเพื่อให้ลูกชายของตัวเองได้รับอิสรภาพอีกครั้ง ด้านโรคข้อเข่าเสื่อมที่ป่วยอยู่นั้น เธอเล่าว่า จริงๆ หมอให้ไปผ่าตัด แต่ถ้าไปผ่าตัดแล้วจะไม่สามารถเดินได้ในช่วงที่ทำการพักฟื้นอยู่ที่ทั้งโรงพยาบาลและบ้าน 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

อัยการฟ้องคดี “เวหา” ม.112 กรณีแชร์โพสต์เยาวชนปลดแอก ศาลนัดไต่สวนขอประกันตัว 14 มิ.ย. นี้ 

อัยการสั่งฟ้องคดี ม.112 “เวหา” กรณีกล่าวหาเป็นเจ้าของทวิต “ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” และโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ร.10

ศาลสั่งถอนประกัน “เวหา” คดี ม.112 หลังโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อคำพิพากษาในคดีติดสติ๊กเกอร์ “กูkult” 

X