ศาลสั่งถอนประกัน “เวหา” คดี ม.112 หลังโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อคำพิพากษาในคดีติดสติ๊กเกอร์ “กูkult” 

21 เม.ย. 2565 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญารัชดาฯ มีนัดไต่สวนถอนประกันในคดีมาตรา 112 ของ “เวหา แสนชนชนะศึก” อายุ 37 ปี กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” ทวิตข้อความเล่าเรื่องประสบการณ์การถูกคุมขังในคุกเรือนจำชั่วคราวพุทธมณฑล เขตทวีวัฒนา หรือที่ถูกเรียกว่า “คุกวังทวีวัฒนา” จนเกิดเป็นกระแสแฮชแท็ก #แอร์ไม่เย็น ในทวิตเตอร์

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 ศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในชั้นสอบสวน ตลอดจนชั้นพิจารณาในวันที่ 2 พ.ย. 2564 ในวงเงิน 90,000 บาท พร้อมตั้งผู้กำกับดูแลจำเลยในระหว่างปล่อยชั่วคราว และกำหนดเงื่อนไขว่า “ห้ามจำเลยกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก” 

>> อัยการสั่งฟ้องคดี ม.112 “เวหา” กรณีกล่าวหาเป็นเจ้าของทวิต “ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด” และโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ร.10

.

การไต่สวนครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 เวหาได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับคำพิพากษาสั่งจำคุก “นรินทร์” กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ติดสติกเกอร์คำว่า “กูkult” ลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยมีใจความว่า ตนและเพื่อนร่วมอุดมการณ์น้อมรับคำพิพากษาของศาล และจะปกป้องไม่ให้ใครผู้ใดมากระทำการอันมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วยการทำให้รูปที่อยู่ตามสถานที่่สาธารณะมิให้ปรากฏอีกต่อไป ไม่ว่าจะที่ใดในประเทศนี้ เพื่อจะได้ไม่มีใครสามารถเอาสติกเกอร์ไปแปะให้ต้องเสื่อมพระเกียรติยศอีก พร้อมกับลงภาพประกอบข้อความที่เป็นภาพของตนขณะยืนอยู่บนแท่นที่มีข้อความว่า “ทรงพระเจริญ” ซึ่งเป็นกรอบรูปเปล่าที่ไม่มีพระบรมมาฉายาลักษณ์ติดอยู่ และพนักงานอัยการได้ยื่นขอถอนประกันตัวจำเลย เนื่องจากเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกันตัว

.

“เวหา” แจง ช่วยการปกป้องไม่ให้ผู้ใดมากระทําเหตุไม่บังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ยืนยันกรอบรูปเปล่าเป็นสิ่งไม่มีค่า ไม่มีความหมายเท่ากับ ร.10 

ที่ห้องพิจารณา 801 เวลา 10.03 น. ศาลนั่งบังลังก์ออกพิจารณา และได้เบิกตัว ”เวหา” จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเพื่อไต่สวนถอนประกัน ภายในห้องพิจารณาประกอบด้วยอัยการโจทก์ ทนายจำเลย จำเลย และพยานที่มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำร้องขอถอนประกันมาศาล นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จำนวนหนึ่งมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย 

ก่อนเริ่มการไต่สวน อัยการโจทก์แถลงว่า พร้อมนําพยานเข้าไต่สวน และขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจําเลย เนื่องจากจำเลยกระทำว่าผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวตามคําสั่งศาล

เวลา 10.16 น. ศาลสอบถามจําเลยในเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและเจตนาของจำเลยที่กระทำลงไป ด้านเวหาแถลงต่อศาลรับว่า ตนเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กจริง และมีการโพสต์ข้อความดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 ศาลได้พิพากษาให้จําคุก “นรินทร์” กรณีที่นําสติกเกอร์คําว่า “กูkult” ไปติดลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งศาลได้ให้เหตุว่า เป็นการกระทําที่แสดงความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูน ทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ

จําเลยจึงได้แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะประมุขของชาติ จากการที่มีผู้นําสติกเกอร์ไปติดไว้บนพระบรมฉายาลักษณ์ และเพื่อเป็นการปกป้องไม่ให้ผู้ใดมากระทําเหตุอันไม่มิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ต่อไปอีก โดยการจะไม่ให้มีพระบรมฉายาลักษณ์ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ นอกจากนี้ จําเลยได้ชี้แจงว่าภาพกรอบรูปดังกล่าวนั้นเป็นกรอบรูปว่างเปล่า ไม่มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ส่วนตนก็ยืนอยู่บริเวณกลางกรอบรูป บนคําว่า “ทรงพระเจริญ” 

ในประเด็นนี้ ศาลถามเวหาว่า การกระทำดังกล่าวจำเลยเชื่อว่าไม่เป็นความผิดใช่หรือไม่ ด้านเวหาแถลงยืนยันว่า การกระทำดังกล่าว ไม่ได้เป็นการทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติของพระเจ้าอยู่หัว และไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากจําเลยยืนอยู่บนกรอบรูปเปล่า ซึ่งถูกทิ้งร้างไว้ที่องค์การบริหารส่วนตําบลแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ จำเลยพยายามแสดงให้เห็นว่า เมื่อเป็นกรอบรูปเปล่าแล้ว ก็จะไม่มีความหมายเท่ากับมีภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ต่อมา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จําเลยแถลงให้การยอมรับข้อเท็จจริงตามคําร้องว่าเป็นผู้โพสต์แสดงความคิดเห็นดังกล่าวจริง ตลอดจนภาพชายที่ยืนอยู่บริเวณกรอบรูปว่างเปล่า ก็คือจําเลย กรณีนี้ถือว่าข้อเท็จจริงพอวินิจฉัยได้ ไม่จําต้องนําพยานเข้าไต่สวน จึงให้งดไต่สวน และรอฟังคําสั่งในวันนี้ เวลา 14.00 น.

ภายหลังที่ศาลได้ออกจากห้องพิจารณาไปแล้ว ขณะที่เวหากำลังปรึกษาเรื่องคดีกับทนายความอยู่นั้น หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ศปปส. ได้ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายรูปเวหาซึ่งอยู่ในชุดคุมขังนักโทษ และมีเครื่องพันธนาการอยู่ที่ข้อเท้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และตำรวจศาลจะรีบเข้ามากล่าวตักเตือน และขอให้ลบรูปดังกล่าวทิ้ง

ต่อมา เวหาประสงค์จะดำเนินคดีกับสมาชิกกลุ่ม ศปปส. ที่แอบถ่ายรูปตนในห้องพิจารณา ขณะอยู่ในชุดนักโทษและสวมเครื่องพัฒนาการ เพราะเห็นว่าละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง ก่อนที่กลุ่ม ศปปส. จะพูดกดดันให้ตำรวจศาลรีบพาจำเลยลงไปที่ห้องเวรชี้

ภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ศาลได้จัดทำบันทึกข้อความและสั่งให้ลบรูปดังกล่าว พร้อมกล่าวกับสมาชิกกลุ่ม ศปปส. ว่าศาลจะไม่ดำเนินคดี แต่หากรูปดังกล่าวไปปรากฎอยู่ในสื่อออนไลน์ ศาลจะตั้งข้อหาละเมิดอำนาจศาล ส่วนด้านเวหาติดใจจะขอให้มีการดำเนินคดีต่อไป 

.

ศาลสั่งเพิกถอนประกัน “เวหา” ชี้ข้อความโพสต์น้อมรับคำพิพากษามีลักษณะเสียดสี-เชิญชวนให้กำจัดรูป ร.10 และการยืนบนแท่นกรอบรูปว่างเปล่าที่มีคำว่า “ทรงพระเจริญ” อาจสื่อในลักษณะดูหมิ่น

ต่อมา เวลา 14.25 น. นายพลีส เทอดไทย ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดียาเสพติด ได้มีคำสั่งให้ถอนการประกันตัวจำเลย รายละเอียดคำสั่ง มีเนื้อหาดังนี้

ศาลพิเคราะห์ว่าข้อความและเนื้อหาของจำเลยมีการกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นองค์พระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน แม้มีการโพสต์แสดงความคิดเห็นของจำเลยในเบื้องต้นว่าจะน้อมรับคำพิพากษาของศาล กรณีที่ศาลพิพากษาจำคุก “นรินทร์” จำเลยในคดีติดสติกเกอร์คำว่า กูkult ลงในพระบรมฉายาลักษณ์ แต่การที่จำเลยโพสต์ข้อความว่า จะปกป้องมิให้ผู้ใดมากระทำอันมิบังควรต่อพระบรมมาฉายาลักษณ์ของวชิราลงกรณ์โดยการจะทำให้รูปวชิราลงกรณ์ที่อยู่ตามสถานที่สาธารณะมิให้ปรากฏอีกต่อไป ไม่ว่าจะที่ใดในประเทศนี้ เพื่อจะได้ไม่มีใครเอาสติกเกอร์ไปแปะให้วชิราลงกรณ์ต้องเสื่อมพระเกียรติยศอีก 

ศาลเห็นว่า ข้อความที่จำเลยโพสต์นี้มีลักษณะประชดประชัน เกี่ยวกับการกระทำของนรินทร์ซึ่งศาลพิพากษาว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในส่วนข้อความต่อมาที่ระบุว่า #ภาคีสหายพร้อม!!! ที่ปรากฎในโพสต์จำเลยนั้น มีเหตุอันควรให้เชื่อว่า เป็นการกล่าวเหมือนส่งสัญญาณในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งสื่อให้สหายหรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของจำเลยออกมาร่วมด้วยช่วยกันในทำนองให้จัดการกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ติดอยู่ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ออกไปจากประเทศไทยให้หมด” 

ในส่วนถ้อยคำที่จำเลยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จำเลยใช้คำว่า ”วชิราลงกรณ์” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ปวงชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่ใช้เรียกพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และการที่จำเลยยืนอยู่บนแท่นกรอบรูปเปล่า โดยที่แท่นมีข้อความ “ทรงพระเจริญ” ปรากฏอยู่ชัดเจน ถือว่าการกระทำดังกล่าวมีลักษณะไม่เหมาะสมในบริบทของสังคมไทย ทั้งอาจสื่อไปในลักษณะอาจดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นองค์พระมหากษัตริย์ที่เป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 6

การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการกระทำในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ กรณีต้องถือว่าจำเลยประพฤติผิดเงื่อนไขของศาลในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาตามที่โจทก์ร้องขอ จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยฉบับลงวันที่ 2 ตุลาคม 2564 

ก่อนหน้านี้ เวหาได้ถูกคุมขังในชั้นสอบสวน ในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง กรณีแชร์โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก” วิพากษ์วิจารณ์การจัดการวัคซีนของรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 และโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2565 วิพากษ์วิจารณ์ศาลและความอยุติธรรม โดยถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2565 รวมเป็นระยะเวลา 42 วัน โดยในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนมีระยะเวลาขอฝากขังได้ทั้งหมด 84 วัน ในจำนวน 7 ผัด

อนึ่ง จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ณ วันที่ 21 เม.ย. 2565 มีผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยไม่ได้รับการประกันตัว จำนวนอย่างน้อย 7 คน

.

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

อีกระลอก! ผู้ต้องขังทางการเมือง ตั้งแต่กลาง มีนาคม 2565

X