เอกชัยอาการดีขึ้น-ยังคงรักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี หลังพบฝีที่ตับ 

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2566 ทนายความเดินทางไปที่โรงพยาบาลราชวิถีเพื่อเข้าเยี่ยม ‘เอกชัย หงส์กังวาน’ นักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ต้องขังคดีการเมืองที่คดีสิ้นสุดแล้ว ในคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (4) กรณีโพสต์ข้อความเล่าประสบการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ เมื่อปี 2560 โดยศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ทำให้ถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2566

เอกชัยถูกนำตัวไปแอดมิทอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หลังพบว่ามีอาการป่วย มาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2566 ทั้งนี้ทนายความได้ยื่นหนังสือขอส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์  ต่อมาเช้าวันที่ 15 ก.ย. 2566 ราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ระบุเรื่องผลตรวจด้วย CT Scan พบว่าเอกชัยมีการอักเสบติดเชื้อที่ตับ จึงได้ส่งตัวไปยังศูนย์การแพทย์ในกรุงเทพมหานครที่มีความพร้อมในการรักษา โดยในท้ายที่สุดเอกชัยได้รับการนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี

เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 

เอกชัยเล่าย้อนไปให้ฟังว่าตอนแรกเข้ามารักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์ ด้วยอาการตัวเหลือง-ตาเหลือง แต่พอตรวจเจอเนื้องอก ทางโรงพยาบาลจึงเปลี่ยนแนวทางการรักษา เป็นแนวทางการรักษามะเร็งเลย เขาบอกว่าขนาดของก้อนเนื้อ 11×8 ซม. คือการคาดการณ์โดยประมาณผ่านการอัลตราซาวน์ แต่ยังไม่ทราบรูปร่างที่ชัดเจนของก้อนเนื้อว่าเป็นแบบใด โดยจะทราบหลังจากที่ได้ทำการ CT-Scan 

เขาบอกว่าการตรวจเลือดไปตรวจดูค่ามะเร็งเบื้องต้น มีผลออกมาปกติดี ความดันดี การขับถ่ายปกติ โดยไม่ได้มีอาการรู้สึกปวดอุจจาระ แต่ถ้าเบ่งก็ออก ส่วนการปัสสาวะปกติดี การกินน้ำ ไม่ค่อยได้กิน จิบ ๆ นิดหน่อย เพราะกระบวนการตรวจที่เยอะและบางกระบวนการต้องงดน้ำงดอาหาร เลยกินน้ำได้ไม่เต็มที่นัก แต่คิดว่าหลังจากนี้จะสามารถกินได้อย่างเต็มที่แล้ว 

กระบวนการตรวจต่าง ๆ น่าจะลดลง ตอนนี้ไม่ได้ให้น้ำเกลือแล้ว หยุดไปตั้งแต่วันที่ไปออกศาล ในตอนนี้ส่วนใหญ่ให้ยาผ่านสายน้ำเกลือ ไม่ค่อยมียากิน ยาที่กินจะมีแค่ยาลดกรด เพราะต้องขับลมที่ท้องออก เนื่องจากส่งผลต่อการเอ็กซเรย์ มันอาจจะไปบังอวัยวะ และยากต่อการวินิจฉัยได้

ต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ

การเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำให้อาการไข้เมื่อวันก่อนของเขาดูเหมือนว่าน่าจะหายแล้ว เอกชัยบอกว่าตอนแรกไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ จึงได้รับยาฆ่าเชื้อ 2 ตัว ผ่านทางสายน้ำเกลือ ไม่สามารถให้ยาพาราฯ ได้ เนื่องจากตับมีปัญหา 

“ยาฆ่าเชื้อตัวแรกให้ปริมาณ 3 ขวดต่อวัน ยาฆ่าเชื้อตัวที่สองปริมาณ 1 ขวดต่อวัน ต่อมาเหมือนว่าไข้มันจะลด แต่อยู่ดี ๆ ไข้ก็ขึ้นไปอีก หมอเลยเปลี่ยนยาฆ่าเชื้อตัวใหม่ที่แรงกว่าเดิม ในปริมาณ 3 ขวดต่อวัน แต่หมอก็ไม่ได้บอกว่าเป็นยาอะไร บอกมาก็คงจำไม่ได้ รู้แค่ว่าเป็นยาฆ่าเชื้อ ตอนนี้ไข้หายไปประมาณ 2 วันแล้ว คาดว่าน่าจะได้หยุดยาในอีก 2-3 วันข้างหน้า”

เข้าเครื่อง CT-Scan ตรวจดูเนื้องอก

เอกชัยเล่าว่าได้เข้าเครื่องทำ CT-Scan เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2566 ที่เป็นอุโมงค์

“นี่ครั้งแรกในชีวิตเลย ก่อนจะเข้าเครื่อง คล้ายกับมีการฉีดสารชุบแสง อะไรสักอย่าง เพื่อทำให้เห็นเนื้องอกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น” 

ทางหมอแจ้งว่าทำ CT-Scan เพื่อดูรูปร่างของชิ้นเนื้อและสันนิษฐานจากรูปร่างในเบื้องต้นว่าเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย ประกอบกับเพื่อดูตำแหน่งที่ชัดเจนในจุดที่เนื้องอกอยู่ว่าสามารถทำการผ่าตัดแล้วอันตรายหรือไม่ โดยโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะไม่ทำการผ่าตัด แต่จะทำการประเมินเท่านั้น

ส่งตัวเอกชัยรักษาที่โรงพยาลราชวิถีหลังพบฝีในตับ

หลังจากเอกชัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชวิถี แพทย์พบว่าเขาเป็นฝีในตับ และได้เริ่มการรักษาโดยการเจาะช่องบริเวณตับเพื่อระบายหนองออก โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำหนองออกวันละ 3 รอบ 

“รอบแรก หนองสีข้นเป็นนูเทลล่าเลย 300 cc หลังจากนั้นก็เป็นสีข้นปนสีใส และเหลือรอบละ 20 cc แต่การที่เจาะทิ้งไว้แบบนี้ ตอนลุกจากเตียงเนี่ย เจ็บแผลที่เจาะมาก” 

นอกจากนี้เอกชัยยังต้องกินยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์ทำละลาย โดยหมอบอกว่าต้องใช้เวลาละลายหนองในช่องท้องซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจนเป็นฝีราว 1-2 สัปดาห์ และต้องรอดูเชื้อจากผลเลือดที่ก่อให้เกิดฝี ว่าเป็นเชื้ออะไร โดยคาดว่าจะทราบวันที่ 20 ก.ย. 2566

เขาบอกว่าปัจจุบัน (16 ก.ย. 2566) หนองเหลือเพียง 10cc ต่อรอบแล้ว โดยมีการเปลี่ยนถ่ายวันละ 3 รอบ แต่ยังคงมีสีขุ่นปนอยู่ ยังไม่ใส

อย่างไรก็ตามจากการ CT Scan พบว่าปอดซ้ายของเขาฟีบไป แพทย์แจ้งว่า มาจากการที่อยู่บนเตียงนาน เป็นเรื่องปกติที่ปอดจะฟีบ โดยแพทย์สั่งอุปกรณ์บริหารปอดให้แล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทนายยื่นหนังสือถึง ผอ.รพ.ราชทัณฑ์ เร่งส่งตัว ‘เอกชัย’ ไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ คาดอาการอยู่ในขั้นรุนแรงถึงชีวิต

ตรวจพบ ‘ก้อนเนื้อ’ 11X8 ซม. ในช่องท้อง ‘เอกชัย’ หลังป่วยตัวเหลือง-ตาเหลือง ยังไม่ชัดเป็นโรคใด ต้องรอผลตรวจอีกหลายขั้นตอน

X