บันทึกเยี่ยม ‘ประวิตร-ชนะดล’: เป็นห่วงทั้งครอบครัวและสถานการณ์ทางการเมือง

ระหว่างวันที่ 3-4 ส.ค. 2566 ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม “บาส” ประวิตร หนุ่มวัย 20 ปี ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาในความผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และวางเพลิงเผาโรงเรือนฯ รวมจำคุกทั้งสิ้น 6 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงการลงโทษ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2566 จากกรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันวางเพลิงป้อมตำรวจจราจร บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ภายหลังการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา2564 

นอกจากนี้ยังเข้าเยี่ยม “มาร์ค” ชนะดล ผู้ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี กรณีถูกฟ้องฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง (ระเบิดปิงปอง) จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมบริเวณดินแดง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 หลังอัยการฟ้อง ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาร์คระหว่างพิจารณา 

.
บาส ประวิตร: สภาพจิตใจดีขึ้น ญาติได้เข้าเยี่ยมในช่วงหยุดยาว-ได้รับภาพลูกจากจดหมาย

บาสเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่มีปัญหาเรื่องการเพิ่มชื่อญาติเข้าเยี่ยมเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนวันหยุดยาว ตอนนี้เขาได้เจอแฟนเเละน้าเเล้วในวันหยุดที่ผ่านมาซึ่งทางเรือนจำเปิดให้เยี่ยม โดยได้พูดคุยกันอยู่ประมาณ 20 นาที แต่ก็ยังไม่ได้เจอลูก 

เขาเล่าให้ฟังว่าช่วงที่ผ่านมา แฟนส่งจดหมายผ่านไลน์มาให้ มีรูปลูกเเละข้อความ ทางเรือนจำก็ปริ้นมาให้ดู 

“ตอนนี้ก็เลยมีรูปลูกดูครับ ดูเเล้วก็คิดถึงลูก (รูปลูกสาวสองคนใส่ชุดเหมือนกัน ลูกสาวคนโตร้องไห้ คนเล็กไม่ร้อง)”

หลังเเซวว่า แฟนบาสบอกว่าลูกคนโตร้องไห้เพราะไม่อยากใส่ชุดเหมือนน้อง พอบาสได้ยินเเบบนั้นก็หัวเราะมาจากปลายสาย 

บาสยังเล่าให้ฟังว่า แฟนบอกว่าจะพาลูกมาหา ถ้ามาเยี่ยมครั้งหน้า  เขาจึงฝากถามเเฟนว่า จะมาเยี่ยมอีกทีเมื่อไรด้วย

บาสเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำในเรือนจำว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรมาก ตอนนี้ฝึกอยู่” พอทนายถามว่าฝึกอะไร บาสอธิบายว่า “มันคือการออกกำลังกาย ฝึกก่อน 1 เดือน เเล้วค่อยจำเเนกกองงาน เหมือนเป็นระเบียบของที่นี่” 

นอกจากนี้เขาบอกว่าเขาได้เล่นฟุตบอลบ้าง เเล้วก็เข้าห้องสมุด ไปเอาหนังสือมาอ่านตอนนอน เเม้จะอ่านได้ไม่ทุกคำ ก็พยายามฝึก คำไหนไม่รู้ก็ถามเพื่อนที่นอนด้วยกัน เขายังเล่าว่าที่ห้องขังเปิดหนังจีน 


“เเต่มันน่าเบื่อมากครับ หนังเก่า ไม่ค่อยน่าสนใจ เลยอ่านหนังสือดีกว่า” 

ทนายบอกว่าวันนี้ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นจากบาสเเล้ว บาสบอกว่าสภาพจิตใจดีขึ้น ตั้งสติได้มากขึ้น เเต่ก็อยากกลับบ้าน อยากเจอลูก คิดถึงลูก อยู่เช่นเดิม

ปัจจุบัน (7 ส.ค.) บาสถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาแล้ว 28 วัน

.

มาร์ค ชนะดล: สถานการณ์การเมืองข้างนอกกับสถานการณ์ของผมมันเหมือนกันเลย คือริบหรี่

เมื่อเจอหน้ากัน มาร์คกล่าวทักทายและกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า “ตอนนี้เราหวังอะไรไม่ได้เลยป่ะพี่ ตอนนี้เหมือนเราโดนตบหน้า เลือกตั้งมาตั้งนานละ ไม่ได้นายกฯ สักที คนข้างในเค้าก็ตามข่าวการเมืองกันตลอด แต่ก็ตามไม่ค่อยทัน ผมเดินมาเจอข่าวอะไรก็หยุดดู เห็นเค้าคุยกันก็หยุดฟังบ้าง 

“ช่วงนี้มันเซ็งๆ เรื่องตัวเอง ไม่ได้ติดตามมาก สถานการณ์การเมืองข้างนอก กับ สถานการณ์ของผมมันเหมือนกันเลย คือ ริบหรี่ มันเลยเบื่อๆ”

มาร์คเล่าให้ฟังว่าช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา ทางบ้านลงชื่อเยี่ยมทางไลน์ทันแค่วันเดียว เนื่องจากคนลงชื่อเยอะ เขาบอกว่าเห็นแม่โทรมลงเยอะ 

“ผมสงสารแม่มาก อยากให้แม่ผ่าขา แต่แม่ไม่ยอมผ่า แม่บอกว่าจะรอผมออกมา คือแกกลัวว่าถ้าไปผ่าแล้วต้องออกจากงาน จะไม่มีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน มันทำผมเครียดอยู่นะ เพราะคดีผมก็ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ 

“วันหยุดยาวที่ผ่านมา แม่ผมก็หยุดแค่ 1 วัน แกเสียดาย ทำงานวันหยุดได้ 2 แรงไงพี่ ถ้าผมอยู่ข้างนอกผมจะไม่ให้แกทำ พอผมไม่อยู่ ไม่มีใครห้ามแกได้”

เขาวกกลับมาปรับทุกข์เรื่องสถานการณ์การเมืองอีกยกใหญ่

“ตอนนี้ผมรอรับแล้ว เรื่องการเมืองก็ไม่รู้จะลุ้นยังไง ใจก็อยากให้ได้ก้าวไกล ไม่อยากให้เหมือนเดิม ตอนแรกก็หวังกับการเมืองมากๆ พอตอนนี้จากข่าวหลายๆ อย่าง มันทำให้ผมเครียด เลยไม่ค่อยตาม แต่มันก็อยู่ในความสนใจ แต่สถานการณ์มันก็สิ้นหวังมาก วันที่จะโหวตนายกฯ แล้วพิธาโดนให้พักจาก สส. ไม่มีการโหวตนายก ผมก็เซ็ง”

“แล้วเสียงที่เลือกมาคืออะไร มันหมดคำจะพูด เสียงของคนที่เลือกมายังไม่มากพออีกเหรอ กลับกลายมาเป็นเปล่าประโยชน์ไร้ค่าเลย เหมือนอำนาจเก่า นายทุน พยายามกดขี่เรา ไม่ยอมให้คนรุ่นใหม่มาเป็น เหมือนเราทำอะไรไม่ได้เลย ถึงผมจะบอกตัวเองตลอดว่า เราไม่มีวันแพ้ ถ้าเราไม่ยอมแพ้ แต่วันนี้ก็ต้องยอมรับว่าผมมองไม่เห็นอนาคตเลย”

ก่อนจากกันมาร์คได้ทิ้งท้ายถึงคนที่บ้านอีกครั้ง “ฝากบอกที่บ้านว่าผมอยู่ได้ อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองดีๆ” 

ปัจจุบัน (7 ส.ค.)  มาร์คถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาแล้ว 146 วัน

X