บันทึกคดี “คาร์ม็อบสุรินทร์” 15 ส.ค. 64: 2 จำเลยยืนยันไม่ใช่ผู้จัดฯ ทั้งไม่ปรากฏข้อมูลว่าการชุมนุมทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม

วันที่ 26 ก.ค. 2566 นิรันดร์ ลวดเงิน และวิสณุพร สมนาม 2 สมาชิกพรรคก้าวไกล จ.สุรินทร์ จะต้องเดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีที่พวกเขาถูกฟ้องในข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบสุรินทร์ไล่เผด็จการ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 หลังจากที่ศาลแขวงสุรินทร์สืบพยานไปในช่วงมิถุนายน 2566

>>>ยังฟ้องอีก! 2 คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คาร์ม็อบสุรินทร์ จำเลยคาดถูกสกัดทางการเมือง ยืนยันร่วมชุมนุมวิจารณ์รัฐบาลไม่ใช่เรื่องผิด

ย้อนไปเมื่อ 31 ม.ค. 2566 พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุรินทร์ยื่นฟ้องคดีต่อศาล บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 จนถึงวันที่ 15 ส.ค. 2564 ทั้งสองได้ร่วมเป็นแกนนำหรือจัดให้มีการชุมนุมโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ มีการลงข้อความและแนบภาพประชาสัมพันธ์ในเฟซบุ๊ก ชื่อ คำว่ารักมันยิ่งใหญ่ เชิญชวนนัดหมายให้ประชาชนร่วมกิจกรรม Surin Car Mob บริเวณตลาดเมืองใหม่ไอคิว อันเป็นสถานที่แออัด มีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 300 คน รถจักรยานยนต์ประมาณ 50 คัน และรถยนต์อีก 90 คัน แล้วเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปในเขต ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ไปถึงบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ อันเป็นสถานที่คับแคบแออัด อันเป็นการที่ทั้งสองร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มมากกว่า 20 คน ใน จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยไม่ได้รับอนุญาต

ในนัดสืบพยานระหว่างวันที่ 7-8 มิ.ย. 2566 อิทธิวัฒน์ อังศุพาณิชย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลแขวงสุรินทร์ ออกนั่งพิจารณาในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ทิพจุฑา จันทา อัยการโจทก์ นำพยานโจทก์เข้าสืบรวม 4 ปาก ด้านทนายจำเลยจากทนายเครือข่าย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นำจำเลย 2 ปาก เข้าเบิกความเป็นพยานให้ตนเอง 

โดยจำเลยทั้งสองต่อสู้คดีว่า ไม่ได้เป็นผู้จัดให้มีกิจกรรมตามที่โจทก์ฟ้อง นิรันดร์ระบุว่า เพราะเคยสมัคร สส. จึงถูกเรียกให้ขึ้นปราศรัย กับมีตำรวจมาพูดคุยให้แจ้งกับผู้ชุมนุมคนอื่นไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ด้านวิสณุพรก็ ยืนยันว่า เพียงคัดลอกข้อความจากเพจอื่นเพื่อชวนชุมนุม และโพสต์บัญชีธนาคารเพื่อระดมเงินทำธงสัญลักษณ์กลุ่มในการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้กำหนดกิจกรรมและเส้นทางเคลื่อนขบวนในวันเกิดเหตุ

นอกจากคดีนี้ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ทั้งนิรันดร์และวิสณุพรยังถูกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบเหตุเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 อีกด้วย โดยคดีอยู่ระหว่างนัดสืบพยาน

คำเบิกความพยานทั้งสองฝ่ายในคดีที่จะฟังคำพิพากษานี้ มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้

ผู้กล่าวหาอ้าง จำเลยที่ 2 โพสต์ชวนชุมนุม จำเลยที่ 1 ปราศรัยเชิญคนมาร่วม  

พ.ต.ท.สกาว คำไกร รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ผู้กล่าวหา เบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “คำว่ารักมันยิ่งใหญ่” โพสต์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก “คนสุรินทร์ไม่เอาเผด็จการ” มีข้อความว่า ถึงเวลาต้องก้าวต่อไป 15 สิงหานี้เจอกัน Surin Car Mob เป็นข้อความเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปมาร่วมชุมนุม จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “คำว่ารักมันยิ่งใหญ่” คือ วิสณุพร จำเลยที่ 2 

เมื่อถึงวันที่ 15 ส.ค. 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. ตนกับชุดสืบรวม 10 นาย ในชุดนอกเครื่องแบบ เดินทางไปที่ตลาดเมืองใหม่ (ไอคิว) มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วม พยานพบนิรันดร์ จำเลยที่ 1 อยู่บริเวณท้ายรถยนต์ซึ่งบรรทุกเครื่องขยายเสียงและถือไมค์ปราศรัยเชิญชวนผู้คนทั่วไปให้มาร่วมชุมนุม ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กด้วย

พยานสังเกตได้ว่าบางครั้งจำเลยที่ 1 ก็สวมหน้ากากอนามัย แต่พอถือไมค์ปราศรัยก็ถอดหน้ากากอนามัย อีกทั้งผู้ร่วมชุมนุมบางคนก็ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และรวมตัวกันจำนวนหลายคนเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 

นอกจากปราศรัยวิจารณ์รัฐบาล จำเลยที่ 1 ยังเป็นคนบอกรูปแบบการจัดขบวน เส้นทางเคลื่อนขบวน และให้สัญญาณในการเคลื่อนขบวนด้วย 

ขณะที่ขบวนเคลื่อนออกไปตามเส้นทาง จำเลยที่ 1 อยู่บนรถยนต์กระบะคันเดิม แต่จะมีการปราศรัยหรือไม่ พยานไม่ทราบ เนื่องจากพยานอยู่ท้ายขบวน จนกระทั่งหัวขบวนไปหยุดตรงบริเวณบ้านพักของ สส. พยานทราบจากที่จำเลยที่ 1 ปราศรัยว่า จะมีการยื่นหนังสือ โดยมีเลขา สส. เป็นตัวแทนมารับหนังสือ ใช้เวลา 10 นาที ขบวนจึงเคลื่อนต่อไปที่สวนเฉลิมพระเกียรติตามที่จำเลยที่ 1 แจ้งไว้

เมื่อขบวนไปถึงสวนเฉลิมพระเกียรติเวลาประมาณ 17.30 น. มวลชนบางส่วนเริ่มแยกย้ายกันกลับ จำเลยที่ 1 บอกให้ผู้ชุมนุมรอเคารพธงชาติพร้อมกันในเวลา 18.00 น. หลังเคารพธงชาติ จำเลยที่ 1 ก็ประกาศยุติการชุมนุม

สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากโพสต์เชิญชวนแล้ว ยังใช้บัญชีเฟซบุ๊กเดิมโพสต์ลงในกลุ่ม คนสุรินทร์ไม่เอาเผด็จการ ทำนองขอความช่วยเหลือทำธงในการชุมนุม คนละ 10, 20 บาท ทั้งหมด 20 ธง ธงละ 300 บาท พร้อมทั้งโพสต์บัญชีธนาคารซึ่งเป็นบัญชีของจำเลยที่ 2 ทั้งยังโพสต์แจ้งความเคลื่อนไหวในการชุมนุมอีกหลายครั้ง ในวันเกิดเหตุพยานก็พบจำเลยที่ 2 มาร่วมชุมนุมด้วย 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.สกาว เบิกความว่าการชุมนุมครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น

นอกจากนี้ พ.ต.ท.สกาว ได้ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า เท่าที่ตนทราบการจัดกิจกรรมมีรถบรรทุกเครื่องขยายเสียงเพียง 1 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์รับจ้างทั่วไป ไม่มีชื่อของจำเลยทั้งสองเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่ตนไม่ทราบว่า มีการว่าจ้างมาอย่างไร จากใคร 

ที่ทราบว่าบัญชีเฟซบุ๊ก คำว่ารักมันใหญ่มาก เป็นของจำเลยที่ 2 เนื่องจากมีการโพสต์บัญชีธนาคารของจำเลยที่ 2 และภาพกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ รวมถึงจำเลยที่ 2 ก็ไปร่วมชุมนุมในวันเกิดเหตุด้วย แต่พยานไม่ได้สอบถามไปยังผู้ให้บริการเฟซบุ๊กว่า ใครเป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว 

สุรินทร์คาร์ม็อบในวันที่ 15 ส.ค. 2564 เป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 3 ครั้งก่อนหน้านี้มีกลุ่มการเมืองที่มีความเห็นตรงกันหลายกลุ่มใน จ.สุรินทร์ แต่ในครั้งที่ 3 จะมีกลุ่มอื่น ๆ ที่เชิญชวนให้คนมาร่วมกิจกรรมโดยใช้ช่องทางอื่นด้วยหรือไม่ พยานไม่ทราบ และใครเป็นคนกำหนดกิจกรรมและสถานที่ที่ขบวนจะเคลื่อนไป พยานก็ไม่ทราบเช่นกัน

บริเวณตลาดเมืองใหม่ ตลอดถึงเส้นทางเคลื่อนขบวน และสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ เป็นสถานที่โล่งแจ้ง ถนนที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ในการเคลื่อนขบวนนั้นมีสองช่องเดินรถแล่นสวนกันและมีบริเวณไหล่ทาง ทั้งในทางสืบสวน ไม่ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมนำอาวุธเข้ามาด้วย

ชุดสืบรับไม่ปรากฏชื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถติดเครื่องเสียง -ไม่ทราบใครกำหนดเส้นทางเคลื่อนขบวน

พ.ต.ท.วิโรจน์ หมั่นดี สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ก็เบิกความไปในทำนองเดียวกับ พ.ต.ท.สกาว ว่า พบจำเลยทั้งสองในที่ชุมนุมในวันเกิดเหตุ โดยจำเลยที่ 1 ยืนอยู่ข้างรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียงและใช้ไมโครโฟนปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนโควิด และนัดแนะเกี่ยวกับการเคลื่อนขบวนว่าจะไปที่ไหน ทำกิจกรรมใดบ้าง จากนั้นพยานและ พ.ต.ท.จินดา ทองบ้านทุ่ม จึงได้เข้าไปแจ้งกับจำเลยที่ 1 ว่า การจัดการชุมนุมจะฝ่าฝืนกฎหมายข้อใดบ้าง 

เวลาประมาณ 16.30 น. จำเลยที่ 1 แจ้งให้ผู้ร่วมชุมนุมตั้งขบวนและให้สัญญาณในการเคลื่อนขบวน จากการสืบสวนทราบว่าจำเลยที่ 1 เป็นแกนนำในการชุมนุมครั้งนี้ รวมถึงเกี่ยวข้องกับการชุมนุมใน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ด้วย

ผู้ร่วมชุมนุมมีทั้งที่สวมและไม่สวมหน้ากากอนามัย และบางคนไม่มีหน้ากากอนามัยเลย 

ต่อมา พ.ต.ท.วิโรจน์ ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า สถานที่จัดกิจกรรมเป็นที่โล่งกว้าง จากการสืบสวนไม่ปรากฏชื่อจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ พยานไม่ทราบด้วยว่า ใครจัดหารถยนต์คันดังกล่าวมาใช้ในการชุมนุม และไม่ทราบว่าใครกำหนดเส้นทางเคลื่อนขบวน รวมถึงวางแผนกิจกรรม และนอกจากจำเลยที่ 1 ยังมีบุคคลอื่นที่ปราศรัยขณะยื่นหนังสือถึง สส. ด้วย

เหตุที่พยานเข้าใจว่า จำเลยที่ 1 เป็นแกนนำจัดกิจกรรม เนื่องจากก่อนหน้านี้จำเลยที่ 1 มักเป็นผู้ปราศรัยในการชุมนุม 

บัญชีเฟซบุ๊ก คำว่ารักมันใหญ่มาก นั้น เป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของจำเลยที่ 2 แต่จะมีบุคคลอื่นสามารถเข้าใช้ได้อีกหรือไม่ พยานไม่ทราบ และไม่ทราบว่า ในกิจกรรมนี้จะมีกลุ่มการเมืองอื่นโพสต์ชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมในช่องทางอื่นด้วยหรือไม่ 

วันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวถ่ายทอดสดการชุมนุมด้วย

ภายหลังกิจกรรมพยานไม่ได้รับรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อจากการจัดกิจกรรมดังกล่าว

พนักงานสอบสวน-คกก.ควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ระบุตรงกัน ไม่มีข้อมูลว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดจากคาร์ม็อบ 15 ส.ค. 64 

พ.ต.ท.รัฐพงษ์ พรมมี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ เบิกความว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 พ.ต.ท.สกาว ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ นิรันดร์และ วิสณุพร เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก อันเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 พยานได้สอบปากคำ พ.ต.ท.สกาว และ พ.ต.ท.วิโรจน์ ทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนให้คนทั่วไปมาทำกิจกรรมในวันเกิดเหตุ และจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่คล้ายพิธีกรเชิญชวนคนให้มาร่วมชุมนุม ก่อนพยานสรุปสำนวนและทำความเห็นควรสั่งฟ้องเสนออัยการ

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.รัฐพงษ์ ตอบคำถามค้านทนายว่า จากการสอบสวนไม่ปรากฏข้อมูลว่า การจัดกิจกรรมวันที่ 15 ส.ค. 2564 จะทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด 

ขณะที่ สุวรรณี สิริเศรษฐภักดี หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ และเป็นรองเลขานุการคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดสุรินทร์ เบิกความถึงข้อกำหนดออกตาม มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 30) ซึ่งห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 20 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายอำเภอในพื้นที่

กรณีที่มีผู้มาขอจัดกิจกรรมจะต้องมีหนังสือส่งไปที่ศาลากลางจังหวัด จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดจะประสานมายังเลขานุการคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งในช่วงเกิดเหตุ ไม่มีกิจกรรมใดได้รับอนุญาต

ตนไม่ทราบถึงการจัดกิจกรรมสุรินทร์คาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 แต่หากมาขออนุญาตก็จะไม่ได้รับการอนุญาตอย่างแน่นอน เพราะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค อย่างไรก็ตาม สุวรรณีเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า แม้ว่าช่วงเกิดเหตุจะมีผู้ป่วยโควิดในจังหวัดสุรินทร์เพิ่มขึ้น แต่ตนไม่ทราบว่า ผู้ติดโควิดจะติดเชื้อจากการร่วมชุมนุมในวันเกิดเหตุหรือไม่

จำเลยที่ 1 ย้ำ เข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น ไม่ใช่ผู้จัด แต่เพราะเคยสมัคร สส. จึงถูกเรียกให้ขึ้นปราศรัย – ตำรวจมาพูดคุย

นิรันดร์ ลวดเงิน จำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานให้ตนเองว่า ในปี 2564 ตนเกษียณอายุราชการแล้ว และได้ทำงานการเมืองกับพรรคอนาคตใหม่ โดยในปี 2562 เป็นผู้สมัคร สส.เขต 2 จ.สุรินทร์ 

ปี 2563-2564 มีการระบาดของโควิด-19 มีการเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพฉีดให้กับประชาชน ก่อนเกิดเหตุมีการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบในจังหวัดสุรินทร์มาแล้ว 2 ครั้ง ตนเข้าร่วมทั้ง 2 ครั้ง และเนื่องจากเคยเป็นผู้สมัคร สส. ก็จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ปราศรัย

ส่วนคาร์ม็อบครั้งที่ 3 นี้ ตนทราบจากกลุ่มไลน์ รวมสุรินทร์ และกลุ่มเฟซบุ๊ก สุรินทร์เด็ม จึงเดินทางไปตลาดเมืองใหม่ (ไอคิว) ในเวลา 15.00 น. เมื่อไปถึงมีผู้ยืนปราศรัยอยู่แล้ว เชิญชวนให้ผู้คนมาร่วมชุมนุม 

ขณะตนยืนอยู่จุดที่ปราศรัย พ.ต.ท.วิโรจน์ ได้มาเรียกให้ไปพบกับผู้บังคับบัญชา จึงตอบไปว่า ตนไม่ใช่แกนนำ จะเรียกไปพบทำไม พ.ต.ท.วิโรจน์ แจ้งว่า เห็นว่าตนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่จึงเชิญให้ไปพูดคุยกันนิดหน่อย เมื่อตนเดินไปตามคำเชิญได้พบตำรวจประมาณ 10 นาย มีนายหนึ่งกล่าวว่า ให้ตนแจ้งผู้ชุมนุมว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ตนกล่าวเช่นเดิมว่า ไม่ใช่แกนนำ ไม่สามารถบอกผู้ชุมนุมทั้งหมดได้ ตำรวจจึงบอกว่าจะดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้กลุ่มชุมนุม ขออย่าทำผิดกฎหมาย ตนจึงกลับมาปราศรัยกับกลุ่มชุมนุมว่า ขอให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย อย่าทำผิดกฎหมาย ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้

จากนั้นมีผู้มาพูดผ่านไมค์แแจ้งเส้นทางและกิจกรรมระหว่างเคลื่อนขบวน ซึ่งตนไม่ทราบว่าใคร และเมื่อขบวนจะเคลื่อนออกจากตลาดเมืองใหม่ มีคนเรียกตนให้ขึ้นรถติดเครื่องขยายเสียง และให้พูดเรียกร้องวัคซีนคุณภาพ โดยระหว่างเคลื่อนขบวนมีคนขึ้นพูดปราศรัยบนรถคันดังกล่าวรวม 3 คน ตนทราบว่าขบวนจะไปที่บ้านพัก สส. สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่ทราบว่าตั้งอยู่ที่จุดไหน

เมื่อขบวนไปถึงบ้านของ สส. ได้มีคนขึ้นปราศรัยโจมตีการทำงานของ สส.คนดังกล่าว รวมถึงการบริหารงานของรัฐบาล และเรียกร้องขอวัคซีนคุณภาพมาให้ประชาชน จากนั้นกลุ่มคนซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นใครได้ยื่นหนังสือต่อเลขา สส. และเรียกให้ตนไปถ่ายรูปด้วย ตนเข้าใจว่า เป็นเพราะตนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.

ขบวนเคลื่อนต่อไปถึงสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติประมาณ 17.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมมีการยืนถ่ายรูปร่วมกัน มีคนประกาศผ่านไมค์ให้ผู้ชุมนุมรอเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. ซึ่งตนไม่ทราบว่าใคร หลังเคารพธงชาติเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ

นิรันดร์เบิกความย้ำว่า ตนเป็นผู้ร่วมกิจกรรมเท่านั้น ไม่ทราบว่ากิจกรรมดังกล่าวใครเป็นคนกำหนดสถานที่ เส้นทางการเคลื่อนขบวน กิจกรรมระหว่างเคลื่อนขบวน และระยะเวลาในการเคลื่อนขบวน

เมื่ออัยการถามค้าน นิรันดร์เบิกความตอบว่า ไม่ทราบว่ากิจกรรมดังกล่าวได้รับอนุญาตให้จัดหรือไม่ และมีการตรวจเอทีเคของผู้ร่วมชุมนุมหรือไม่ แต่ตนไม่ได้ตรวจ เนื่องจากเห็นว่าผู้ร่วมชุมนุมสวนหน้ากากอนามัยอยู่แล้ว

จำเลยที่ 2  ยืนยัน เพียงคัดลอกข้อความจากเพจอื่นเพื่อชวนชุมนุม และโพสต์บัญชีธนาคารเพื่อระดมเงินทำธงสัญลักษณ์กลุ่มในการชุมนุมเท่านั้น

วิสณุพร สมนาม จำเลยที่ 2 เบิกความว่า ตนเป็นคนสุรินทร์โดยกำเนิด ประกอบอาชีพพนักงานขายของบริษัทแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับกิจกรรมตามฟ้อง ตนเห็นข้อความเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรมสุรินทร์คาร์ม็อบครั้งที่ 3 จากเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนสุรินทร์เพื่อประชาธิปไตย ที่แชร์จากเพจ สุรินทร์เด็ม ตนจึงคัดลอกภาพเชิญชวนดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ คำว่ารักมันใหญ่มาก

ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. 2564 เพจ เยาวชนสุรินทร์เพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์เส้นทางการเคลื่อนขบวน ตนก็ได้คัดลอกมาโพสต์ลงเพจ คนสุรินทร์ไม่เอาเผด็จการ ซึ่งตนดูแล โดยใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว

กรณีที่ตนใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวโพสต์ลงในเพจ คนสุรินทร์ไม่เอาเผด็จการ ขอรับเงินบริจาคเพื่อทำธงนั้น เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มดังกล่าว เห็นว่าน่าจะมีการทำธงแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มในการร่วมชุมนุมครั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว จึงเปิดรับบริจาคค่าใช้จ่ายในการทำธงโดยใช้บัญชีธนาคารส่วนตัว มีผู้ร่วมบริจาคมาทั้งสิ้น 5,800 บาท

ส่วนกรณีที่ตนใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวโพสต์ในเพจ คนสุรินทร์ไม่เอาเผด็จการ มีข้อความว่า ถึง…ทุกคนในทีม ท่านใดมีรถเครื่องเสียงหรือรถโมบายใช้เสียงและพูดออกไมค์ได้ ติดต่อผมด้วยนะครับ เนื่องจากมีการติดต่อส่วนตัวมาหา โดยสอบถามว่า มีรถที่จะสามารถใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากรถของกลุ่ม เยาวชนสุรินทร์เพื่อประชาธิปไตย อยู่ไกล ไม่สามารถนำมาใช้ในวันทำกิจกรรมได้ ตนจึงได้โพสต์ถามสมาชิกในเพจ คนสุรินทร์ไม่เอาเผด็จการ เผื่อว่ามีใครสามารถจัดหารถดังกล่าวได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถหารถที่มีเครื่องขยายเสียงได้ ส่วนรถกระบะที่บรรทุกเครื่องเสียงและใช้ในการจัดกิจกรรมในวันเกิดเหตุนั้น ตนไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ

วันเกิดเหตุตนไปถึงตลาดเมืองใหม่ก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย โดยขับรถยนต์ส่วนตัวไปกับเพื่อนคนหนึ่ง และใช้โทรศัพท์มือถือไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขณะเคลื่อนขบวนตนเป็นคนขับรถ ส่วนเพื่อนจะเป็นคนไลฟ์สด แต่ก็มีบางกรณีที่ตนลงจากรถและเป็นคนไลฟ์สดเอง รถยนต์ของตนเป็นคันสุดท้ายของขบวน ซึ่งเส้นทางที่เคลื่อนขบวนนั้นตนทราบจากแผนที่ที่แชร์ในเพจ เยาวชนสุรินทร์เพื่อประชาธิปไตย โดยตนไม่ได้เป็นคนกำหนดเส้นทางเอง

วิสณุพรเบิกความด้วยว่า ระหว่างเข้าร่วมชุมนุมตนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นก็สวมหน้ากากอนามัยด้วย แต่จะมีบางส่วนที่ถอดหน้ากากอนามัยบางเวลา

X