บันทึกเยี่ยมวารุณี: “คิดถึงแม่ที่เสียไปแล้ว ขอให้แม่ช่วยพาหนูออกไปจากที่นี่ ออกเป็นก็ได้ หรือออกตายก็ได้”

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “น้ำ” วารุณี ชาวพิษณุโลกวัย 30 ปี ซึ่งถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2566 ในข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพรัชกาลที่ 10 ขณะเปลี่ยนเครื่องทรง “พระแก้วมรกต” เป็นชุดกระโปรงยาวสีม่วงจากแบรนด์ Sirivannavari และใส่ภาพสุนัข ปัจจุบัน (18 ก.ค. 2566) วารุณีถูกขังมาแล้ว 21 วัน

ทั้งนี้หลังการยื่นฎีกาคำสั่งไม่อนุญาตประกันตัวของวารุณี ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2566 ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง เห็นว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยอาจจะหลบหนี และเหตุผลตามคำร้องที่อ้างอาการเจ็บป่วย จำเลยมีสิทธิ์ได้รับการรักษาตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว” 

วันนี้น้ำออกมาพบช้าและมีท่าทางไม่สดใสเหมือนเดิม เธอบอกว่าเพิ่งอบรมผู้ต้องหาใหม่เสร็จก็รีบออกมาเลย ทนายแจ้งคำสั่งของศาลฎีกาที่ยังคงสั่งไม่ให้ประกันตัว ทำให้วารุณีดูเศร้าขึ้นไปอีก

“หนูก็คิดไว้อยู่แล้ว เพราะ 2-3 วันนี้ มันเงียบมากเลย คิดว่าถ้าได้ปล่อยตัวคงได้ออกไปศาลหรือไปดำเนินการอะไรบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย ครั้งนี้เรายื่นขอติด EM ไปด้วย ศาลก็ยังไม่ให้ออก ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนักหนา”

“เครียดมากเลยพี่ ร้องไห้บ้างแล้ว เป็นห่วงครอบครัว เป็นห่วงน้อง มันจะสิ้นเดือนแล้ว ค่าใช้จ่ายที่หนูรับผิดชอบอยู่ มันก็กำลังจะมา น้องจะเอาที่ไหนจ่าย (น้ำตาคลอ) หนูต้องมาติดคุกแบบนี้ ตอนที่ครอบครัวยังไม่แข็งแรงเลย หนูเป็นเสาหลักคนเดียวของบ้าน เค้าจะอยู่กันยังไง”

“ถามว่าอยู่ได้มั้ย มันก็อยู่ได้แหละพี่ แต่เป็นห่วงคนข้างนอกมาก” วารุณีพูดทั้งน้ำตา

จากการเยี่ยมครั้งก่อนทำให้ทนายทราบว่ายานอนหลับของเธอเหลือเพียงเม็ดเดียว จึงได้สอบถามว่าเธอได้รับยาเพิ่มแล้วหรือยัง 

“ยังเลยค่ะ คิดว่าน่าจะได้วันนี้หรือพรุ่งนี้ 2-3 วันที่ผ่านมา หนูได้นอนวันละ 3 ชั่วโมง แบบไม่ติดกันนะ ความคิดมันฟุ้งซ่านไปเรื่อย (น้ำตาคลอ)”

“หนูว่าจะไม่รักษาแล้วค่ะ เพราะเค้าย้ายประวัติการรักษามาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว หนูไม่รู้ว่าจะได้ยาแบบเดียวกับที่เดิมมั้ย จะได้ยาอะไร เลยคิดว่าจะรับแค่ยานอนหลับพอ”

“คือในนี้อะ มันขอยาได้วันละ 5 คนต่อห้อง ถ้าวันไหนมีคนป่วยหนัก เราก็ต้องให้เขาก่อน เพราะหนูขอแค่ยานอนหลับ”

วารุณีได้ระบายความในใจเกี่ยวกับความกดดันในเรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่ครอบครัวต้องแบกรับและการตกอยู่ในห้วงความคิดและความกังวลของตัวเอง

“น้ำหนักลดลงไป 2-3 โลแล้วมั้งพี่ เครียดมากเลย ความฟุ้งส่วนหนึ่งมันมาจากโรคที่เราเป็นด้วย ยิ่งเรานอนไม่หลับ มันก็มีเวลาคิดมาก คิดวนไปวนมา พูดซ้ำไปซ้ำมา เครียดง่าย ความจำก็ไม่ดี เฝ้าโทษตัวเองอยู่อย่างนั้น”

“คิดถึงแม่ที่เสียไปแล้ว ขอให้แม่ช่วยพาหนูออกไปจากที่นี่ได้มั้ย ออกเป็นก็ได้ หรือออกตายก็ได้ ”

“เมื่ออาทิตย์ก่อนพี่มาเยี่ยม หนูยังยิ้มได้เลยใช่มั้ยคะ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ความคิดมันไปไกลมาก ไม่สนุกแล้ว ยิ่งรู้ว่าประกันไม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก หนูต้องมานั่งประสาทเสียทุก 3 วัน ลุ้นผลประกัน”

“บางทีก็คิดว่าหรือเราจะไม่สู้ต่อแล้ว ติดไปให้มันจบๆ 1 ปี 6 เดือน แต่พอมาคิดถึงภาระค่าใช้จ่ายที่น้องต้องรับผิดชอบระหว่างหนูไม่อยู่ 18 เดือน มันก็เป็นล้านแล้วนะ (น้ำตาคลอ) การที่ศาลเอาหนูมาขังไว้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”

“คือเครียดมาก จนไปถามเพื่อนในห้องขังว่า เราไม่พบทนาย ไม่คุยกับใครเลยดีมั้ย จะได้เป็นการกดดันให้เค้ารีบเอาเราออกมา ความคิดโง่ๆ อะพี่ เพื่อนก็บอกว่า อย่าทำแบบนั้น ออกไปคุยกับเขา พวกเขาพยายามเอาเธอออกจากประตูห้องขังอยู่ มันแค่ยังทำไม่สำเร็จ”

อย่างไรก็ตาม น้ำยังยิ้มและหัวเราะอยู่บ้างตอนแลกเปลี่ยนเรื่องข่าวสารสถานการณ์ทางการเมืองให้ฟัง เธอบอกว่า ครั้งหน้าถ้ามา ช่วยเอามาเล่าให้ฟังอีกหน่อย และฝากถามเรื่องความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป

X