บันทึกเยี่ยมวารุณี : ไม่อยากเสียน้ำตาให้มาตรา 112

วันแรกที่เราเข้าเยี่ยมวารุณี ผ่านระบบไลน์ หลังจากวานนี้ (28 มิ.ย. 2566) ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกเธอ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และมีคำสั่งส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาคำร้องประกัน ทำให้เธอต้องถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อรอผลประกันจากศาลอุทธรณ์ก่อนราว 2-3 วัน

วารุณีถูกดำเนินคดีจากการโพสต์ภาพพระแก้วที่ถูกตัดต่อใส่ชุดราตรี แบรนด์ SIRIVANNAVARI ในภาพมีรัชกาลที่ 10 กำลังทำพิธีเปลี่ยนชุดพระแก้วมรกต ภาพนี้ถูกทำเป็นมีมและโพสต์ในกรุ๊ปๆ หนึ่ง เธอเอามาโพสต์ต่อโดยเขียนคำบรรยายว่า “แก้วมรกตX Sirivannavari Bangkok” เพราะเห็นว่าภาพตัดต่อได้เป๊ะมากและมองเป็นเรื่องแฟชั่น จนถูกฟ้องข้อหามาตรา 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และเหยียดหยามศาสนา

ในวันนัดสืบพยานเธอรับสารภาพในข้อหามาตรา 112 และตั้งใจสู้ในฐานความผิด “เหยียดหยามศาสนา” เพราะเธอไม่ได้กระทำการใดๆ ต่อวัตถุหรือสถานที่ของศาสนา แต่ศาลชี้แจงว่าในเมื่อรับข้อหา ม.112 ก็ควรจะรับสารภาพข้อหาอื่นๆ ไปด้วย เพราะหากศาลมีคำพิพากษาก็จะลงโทษในข้อหา ม.112 ที่มีบทลงโทษหนักที่สุดเพียงข้อหาเดียวอยู่แล้ว เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนไปรับสารภาพทุกข้อหา 

เธอไม่ได้อ้างอาการป่วยเพื่อให้พ้นโทษ แต่อาการป่วยไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) ของเธอทำให้สภาพจิตใจไม่มั่นคงซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจใดๆ ของเธอ 

ทนายความประเมินว่า เทียบกับความหนักเบาในคดีมาตรา 112 อื่นก่อนหน้านี้ คดีของวารุณีมีโอกาสที่ศาลจะพิพากษารอการลงโทษไว้  อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าการโพสต์ภาพดังกล่าวนั้นร้ายแรงจึงพิพากษาให้จำคุก โดยไม่รอลงอาญาแต่อย่างใด

สภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำต้องปรับตัวหลายอย่าง

วารุณีมาในชุดผู้ต้องขังใส่หน้ากากอนามัย ใส่เฟซชิลด์ เธอต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 10 วัน อยู่ในแดนแรกรับ เราคุยเรื่องการประกันตัวเป็นเรื่องแรก เราประมาณการว่า ศาลอุทธรณ์น่าจะมีคำสั่งว่าจะให้ประกันหรือไม่ภายไม่เกินวันเสาร์นี้ (1 ก.ค. 2566) 

“วันเสาร์ก็ประกันได้ใช่ไหมพี่” เราตอบกลับไปว่าสามารถทำได้ และชี้แจงต่อว่าหากศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต เราก็ยังสามารถอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลฎีกาได้อีก  

เธออยากได้ยา เราแจ้งว่าได้ฝากยาเข้าไปแล้วเมื่อเช้านี้ แต่การรับยารักษาโรคในเรือนจำมีขั้นตอนปฏิบัติอยู่ โดยจะต้องเข้าพบกับแพทย์เสียก่อน ซึ่งจิตแพทย์จะเข้ามาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หมายความว่าในอาทิตย์นี้ ‘เธอจะยังไม่ได้รับยา’ ทั้งที่ต้องทานยาเป็นประจำทุกวัน

เมื่อถามถึงความเป็นอยู่ด้านใน เธอตอบว่า “ต้องปรับตัวเยอะ อะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำก็ต้องปรับตัว ต้องเอาผ้าห่มมาม้วนเป็นหมอนหนุนนอน เพราะว่าได้ผ้าห่มมาเพียง 3 ผืน ต้องใช้ทักษะการเอาตัวรอดพอสมควร เมื่อคืนนอนหลับสนิทดี เพราะว่าคืนก่อนหน้าที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษานอนไปแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่เวลานอนต้องนอนคลุมโปง เพราะเรือนจำเขาเปิดไฟสว่างทั้งคืน” 

เธอได้รับแจกสิ่งของจำเป็นพื้นฐาน อย่างยาสีฟัน แปรงสีฟัน ชุดนอน 1 ชุด  และชุดที่เธอใส่ออกมาพบเรา “ส่วนห้องน้ำก็ตามสภาพ มันสะอาดนะ แต่ไม่มีที่กั้น” เราถามถึงเรื่องอาหาร

“อาหารไม่เริด อยากกินหมูกระทะ ไม่อยากกินมาม่า อาหารแห้ง ปลากระป๋อง”  

ไม่อยากให้มาตรา 112 ได้น้ำตาหนูไป

เมื่อถามถึงความรู้สึกของเธอ เธอตอบว่า

“หนูไม่อยากให้มาตรา 112 ได้น้ำตาหนูไป หนูไม่เป็นไร  โอเค แค่คิดถึงเพื่อน คิดถึงเฟซบุ๊ก ไม่รู้ว่าจะได้ออกมั้ย หวังว่าศาลจะให้ประกัน”

“หนูรู้สึกว่าคาดหวังกับความยุติธรรมมากเกินไป แต่ไม่โทษศาลนะ เพราะคนเรามีมุมมองที่ต่างกัน หนูได้คิดและตกตะกอนว่า สิ่งที่หนูทำก็คงมีคนไม่เห็นด้วย แต่หนูยังมีความหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความยุติธรรมกับหนู เพราะนี่เป็นการกระทำความผิดครั้งแรก”

วารุณียังฝากกำลังใจให้ทนายความว่าเธอกำลังใจดีมาก เราอ่านข้อความจากเพื่อนและญาติให้เธอฟัง เธอเลยฝากอัปเดทถึงเพื่อนๆ ว่า “ตอนนี้ไม่มีน้ำตาเลย มีแต่ความคิดถึง กำลังใจดีมาก ขอบคุณทุกๆ คนแล้วจะรีบกลับไป”

X