19 มิ.ย. 2566 เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดาฯ พนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ได้มีความเห็นสั่งฟ้องคดีของ “สมพล” (นามสมมติ) พนักงานบริษัทวัย 28 ปี ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ “ทำให้เสียทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 รวมถึง พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาตรา 35 กรณีถูกกล่าวหาว่าปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในพื้นที่เขตดอนเมือง โดยนับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 6 ที่เขาถูกสั่งฟ้องแล้ว
คดีนี้มี พ.ต.ท.โอสถ ผ่าโผน รองผู้กำกับสอบสวน สน.ดอนเมือง เป็นผู้แจ้งข้อหา ระบุพฤติการณ์โดยสรุปว่าเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมือง ได้พบป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านแกรนคาเนล เขตดอนเมือง มีลักษณะเหมือนถูกคนใช้สีแดงปาใส่ ได้รับความเสียหาย จึงประสานฝ่ายสืบสวนให้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพบุคคลขี่รถจักรยายนต์มาจอดใช้ถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุสีแดง ขว้างปาใส่พระบรมฉายาลักษณ์ สมพลได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
วันนี้ ร้อยตำรวจเอกหญิงชญาณิศา กีรติชาญเดชา พนักงานอัยการ สำนักอัยการงานพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นผู้เรียงฟ้องโดยสรุปว่า การกระทำของจำเลยที่ใช้ถุงพลาสติกบรรจุสีแดงปาใส่ป้ายเฉลิมพระเกียรติพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี รวมทั้งหมด 4 ป้าย สื่อความหมาย คือจําเลยต้องการให้บุคคลที่สาม ประชาชนและบุคคลทั่วไป ที่ได้พบเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ถูกปาสีแดงใส่ดังกล่าวเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ
การกระทําของจําเลยดังกล่าวมีเจตนาลบหลู่ จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อรัชกาลที่ 10 พระราชินี และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจําเลยมีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง และไม่เคารพเทิดทูน
ฟ้องระบุว่าป้ายเฉลิมพระเกียรติ 4 ป้ายดังกล่าว แยกเป็นป้ายของสำนักงานเขตดอนเมือง 3 ป้าย คิดค่าเสียหายเป็นเงินรวม 15,000 บาท และอีกหนึ่งป้ายเป็นของนายการุณ โหสกุล คิดเป็นค่าเสียหาย 10,000 บาท
อัยการได้สั่งฟ้อง 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และข้อหา “ทำให้โคมไฟ ป้าย หรือสิ่งใดๆ ที่ราชการได้จัดทำไว้เพื่อสาธารณชนเกิดความเสียหายหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้” ตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาตรา 35
นอกจากนี้อัยการได้ขอให้ศาลนับโทษจําคุกต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีของศาลจังหวัดปทุมธานี ศาลจังหวัดนนทบุรี และศาลจังหวัดธัญบุรี
ภายหลังอัยการสั่งฟ้อง ศาลอาญาได้อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยในเวลา 15.30 น. โดยให้วางหลักทรัพย์จำนวน 180,000 บาท เนื่องจากเห็นว่ายังมีคดีที่ค้างอยู่ในศาลอื่น พร้อมกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งวันที่ 4 ก.ย. 2566 เวลา 9.00 น.
ก่อนหน้านี้ “สมพล” (นามสมมติ) ถูกฟ้องคดีตามมาตรา 112 ไปแล้วรวม 5 คดี โดยเป็นเหตุเกี่ยวกับปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 จำนวน 4 คดี แยกคดีไปตามท้องที่เกิดเหตุ ได้แก่ คดีของ สภ.ปากเกร็ด, สภ.เมืองปทุมธานี, สภ.ปากคลองรังสิต, สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และยังถูกแจ้งข้อหาอีกคดีหนึ่งของ สภ.คลองหลวง กรณีถูกกล่าวหาว่าพ่นสีสเปรย์ที่มีข้อความเกี่ยวกับกษัตริย์
จนถึงปัจจุบันมีคดีที่ศาลจังหวัดปทุมธานี 2 คดีที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว โดยพิพากษาให้ยกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 เนื่องจากเห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเท่านั้น แต่ศาลลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 รวมโทษจำคุกในสองคดีคือ 24 เดือน หรือ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ โดยคดียังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา ขณะที่คดีที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ก็มีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาสองคดีในช่วงเดือนสิงหาคมนี้
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
“เราต้องชนะในสักวัน เพราะผู้มีอำนาจไม่สามารถควบคุมเวลาได้” : คุยกับ “สมพล” ผู้ถูกกล่าวหาคดี 112 จากการแสดงออกทางความคิดบนพระบรมฉายาลักษณ์
ยกฟ้องข้อหา ม.112 “สมพล” สองคดีปาสีใส่รูปที่ปทุมธานี ชี้จำเลยมีเจตนามุ่งทำลายทรัพย์สินเท่านั้น แต่ข้อหา ม.360 ลงโทษจำคุก รวม 24 เดือน ไม่รอลงอาญา
ประมวลการต่อสู้คดีของ “สมพล” ผู้ถูกกล่าวหาคดี 112 จากการแสดงออกทางความคิดบนพระบรมฉายาลักษณ์