วันที่ 27 มี.ค. 2566 “ฟลุค” กิตติพล (สงวนนามสกุล) กราฟิกดีไซเนอร์และนักกิจกรรมวัย 20 ปี เดินทางไปสำนักงานอัยการจังหวัดอุบลราชธานี ในนัดส่งฟ้องคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่า หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการชูกรอบรูปมีข้อความ “ไม่มีจะแดกในรัชกาลที่ 10” ขณะเข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบอุบลฯ ในช่วงเดือนสิงหาคม 2564
เมื่อไปถึงสำนักงานอัยการฯ เจ้าหน้าที่แจ้งกับฟลุคให้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนศาลจะรับฟ้อง และออกหมายขัง โดยมีทนายความและนายประกันเตรียมยื่นประกันตัว ระหว่างนั้นฟลุคต้องไปอยู่ในห้องควบคุมตัวบริเวณใต้ถุนศาล
สำหรับคำบรรยายฟ้อง รุ่งโรจน์ สาเรศ พนักงานอัยการระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยหนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม “อุบลคาร์ม็อบ/4” ซึ่งเป็นกิจกรรมชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล บริเวณสวนสาธารณะห้วยม่วง
แล้วต่อมาจำเลยได้ใส่ความต่อพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ด้วยการทำให้ปรากฏข้อความเป็นตัวอักษรสีดำลงบนกระดาษหรือวัสดุอื่นใดสีขาวจำนวน 1 แผ่น เป็นข้อความว่า “ไม่มีจะแดกในรัชกาลที่ 10” (ไม่มีจะกินในรัชกาลที่ 10) จากนั้นจำเลยได้เอาแผ่นข้อความบรรจุลงกรอบรูปสีทอง แล้วนำกรอบรูปที่มีข้อความดังกล่าวไปยืนถ่ายภาพบริเวณด้านหน้าของพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10
อัยการระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงกิริยาเหยียดหยามพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ และสื่อความหมายให้แก่ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นเข้าใจว่า รัชกาลที่ 10 ปกครองบ้านเมืองไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพจนทำให้ประชาชนอดอยาก ไม่มีจะกิน ขนาดขาดแคลน และอดสู อันเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะความจริงแล้วรัชกาลที่ 10 ไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ เนื่องจากทรงอยู่เหนือการเมือง อันเป็นการกระทำหมิ่นประมาทรัชกาลที่ 10
ประกอบกับองค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เนื่องจากเป็นประมุขของประเทศและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองการบริหารประเทศ และยังเป็นการกระทำผิดราชประเพณีและขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทย ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ เป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการหมิ่นพระเกียรติและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ลักษณะ 1 หมวด 1
อย่างไรก็ตาม ท้ายคำฟ้องอัยการไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี ระบุว่า ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
ทั้งทนายและนายประกันรอจนกระทั่งถึงช่วง 14.30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เรียกหลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาท โดยใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์ประกันตัว ก่อนที่ฟลุคจะถูกปล่อยตัวออกมา โดยศาลนัดคุ้มครองสิทธิและตรวจพยานหลักฐานวันที่ 31 พ.ค. 2566
หลังได้รับอิสรภาพ ฟลุคกล่าวว่า “ถึงจะใช้เหตุผลในการต่อสู้ทางความคิดมากเท่าไหร่ ระบบนิติรัฐของไทยก็ยังใช้ระบบกล่าวหา หน่วยงานที่เกี่ยวกับความยุติธรรมล้วนมีธงในหัวใจว่า อยากจะเล่นงานคนที่เข้าข่ายด้วยข้อหานี้ให้ได้มากแค่ไหน จะช่วงชิงประโยชน์จากการเอาชีวิตคนสังเวยกับคดีนี้ได้มากแค่ไหน พูดตามตรงตอนนี้ผมไม่ไว้ใจความเป็นรัฐมากขึ้นทุกวัน แต่ผมไม่ใช่พวกต่อต้านสังคม”
นอกจากคดีนี้กิตติพลยังถูกดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบ ที่จัดขึ้นในจังหวัดอุบลราชธานีเมื่อปี 2564 อีก 2 คดี โดยคดียังอยู่ระหว่างอัยการพิจารณาว่าจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง