ปรับ 14,000 บาท จำคุก 4 เดือน ก่อนลดครึ่ง-รอลงอาญา หลังแม่บ้านหนองคายอยากให้คดีจบ เปลี่ยนใจรับสารภาพ คดีตะโกนด่า-กัดสันติบาล  

วันที่ 10 ก.พ. 2566 อนุนาท (นามสมมติ) แม่บ้านชาวหนองคาย  พร้อมทนายความเดินทางไปที่ศาลจังหวัดหนองคาย ในนัดสืบพยานคดีที่เธอถูกจับกุมและดำเนินคดีข้อหา “ทําร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กําลังประทุษร้าย และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําตามหน้าที่” หลังขัดขืนพร้อมกัดเข้าที่ไหล่ ทั้งตะโกนด่าตำรวจสันติบาลที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และแสดงเพียงหมายค้นออกโดยศาลจังหวัดหนองคาย ไม่มีหมายจับ แต่พยายามใช้กำลังลากตัวเธอขึ้นรถตู้

>>อัยการยื่นฟ้องแม่บ้านชาวหนองคาย “ทำร้ายร่างกาย-ดูหมิ่น จนท.” หลังตะโกนด่า-กัด สันติบาล เหตุถูกลากตัวขึ้นรถตู้ ไม่มีหมายจับ  

ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2565  ครั้งนั้นศาลมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี ให้วางหลักประกันเป็นเงินสด 40,000 บาท ก่อนนัดสืบพยาน ที่โจทก์แถลงสืบพยาน 3 ปาก และพยานฝ่ายจำเลยอีก 3 ปาก

เวลา 09.45 น. ก่อนจะสืบพยาน อนุนาทแจ้งกับทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ขอเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ ก่อนทนายจะแจ้งเจ้าหน้าที่ในห้องพิจารณาคดี  

เวลา 10.00 น. คงคุณ เทพจินดา ผู้พิพากษาออกพิจารณาคดี สอบถามอนุนาทอีกครั้งว่า จะต่อสู้คดีหรือจะให้การรับสารภาพ และหากรับสารภาพจะยังติดใจอะไรหรือไม่ ให้แถลงกับศาลได้เลย โดยอนุนาทแจ้งว่าที่รับสารภาพเพราะอยากให้คดีจบลงโดยเร็ว และจะไปทำมาหากินต่อไป และคิดว่าได้ระบายสิ่งที่ตนเผชิญจากการมาของตำรวจด้วยการด่าไปแล้ว การมาศาลครั้งนี้จึงรู้สึกสงบลง และขอเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลสอบถามอนุนาทอีกว่า เคยถูกดำเนินคดีแล้วต้องโทษจำคุกมาก่อนหรือไม่ อนุนาทตอบคำถามว่าไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จากนั้นศาลแจ้งว่าคงจะมีคำพิพากษาในวันนี้เลย และแจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายรอฟังคำพิพากษา

ราว 30 นาทีผ่านไป  ศาลออกมาอ่านคำพิพากษา สรุปใจความได้ว่า อนุนาทมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136, 138 วรรคสอง, 296 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด จำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท, ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท รวมจำคุก 4 เดือน ปรับ 14,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 7,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี 

หลังศาลอ่านคำพิพากษา อนุนาทถูกคุมตัวไปห้องควบควบคุมตัว ขณะทนายไปชำระค่าปรับ 7,000 บาท หลังจากได้รับการปล่อยตัว อนุนาทกล่าวว่า ที่ตัดสินใจรับสารภาพเพราะอยากให้เรื่องคดีความนี้สิ้นสุดโดยไว เพื่อจะได้ไปช่วยลูกทำงานต่อไป

สำหรับอนุนาท สนใจการเมืองผ่านการติดตามทางโซเชียลมีเดีย ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองที่ไหนมาก่อน   เธอย้ำอยู่เสมอว่า ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาราว 8 ปีที่ผ่านมา เธอมีความเครียด เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่แย่ทำให้ธุรกิจที่ครอบครัวทำมีงานและรายได้น้อย จึงได้โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจเพื่อระบายความอึดอัด คับแค้นใจ ก่อนนำมาสู่เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าต่อสู้และด่า

ตำรวจ อนุนาทบอกอีกว่า หากวันนั้นตำรวจมา แล้วพูดจาดี ๆ ไม่มาในลักษณะบุกรุกเหมือนมาจับคนทำผิดเรื่องร้ายแรง ก็คงจะให้ความร่วมมือแต่โดยดี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

หญิงชาวหนองคายตะโกนด่า-ขัดขืน ขณะสันติบาลคุมตัวขึ้นรถ หลังแสดงเพียงหมายค้นที่ยังไม่ถึงเวลาค้น กลับเจอข้อหา ต่อสู้ขัดขวาง-ดูหมิ่น จนท.

ศาลไม่เชื่อ “บอส” ผลัก รอง ผบช.ภ.4 ชี้ไม่มีสิทธิทำร้ายผู้อื่นไม่ว่าด้วยสาเหตุใด พิพากษาผิดฐานพยายามทำร้าย จพง. ปรับ 10,000 จำคุก 6 เดือน ก่อนรอลงอาญา

X