อัยการยื่นฟ้องแม่บ้านชาวหนองคาย “ทำร้ายร่างกาย-ดูหมิ่น จนท.” หลังตะโกนด่า-กัด สันติบาล เหตุถูกลากตัวขึ้นรถตู้ ไม่มีหมายจับ  

7 ต.ค. 2565 เวลา 10.30 น. อนุนาท (นามสมมติ) แม่บ้านชาวหนองคาย พร้อมทนายความเครือข่ายของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางไปตามนัดส่งฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย ในคดีที่เธอถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา ต่อสู้ขัดขวางและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หลังขัดขืนพร้อมกัดเข้าที่ไหล่ ทั้งตะโกนด่าตำรวจสันติบาลที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และแสดงเพียงหมายค้นออกโดยศาลจังหวัดหนองคาย ไม่มีหมายจับ แต่พยายามใช้กำลังลากตัวเธอขึ้นรถตู้โดยไม่ฟังเธอที่ต้องการรอให้ญาติไปด้วย ทั้งยังไม่แจ้งถึงสถานที่พาตัวไปให้ทราบอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เธอตกใจกลัว

>>>หญิงชาวหนองคายตะโกนด่า-ขัดขืน ขณะสันติบาลคุมตัวขึ้นรถ หลังแสดงเพียงหมายค้นที่ยังไม่ถึงเวลาค้น กลับเจอข้อหา ต่อสู้ขัดขวาง-ดูหมิ่น จนท. 

ก่อนหน้านี้ 2 วัน คือเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2565 อนุนาทและทนายความเพิ่งเดินทางไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย เนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย นัดส่งตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนให้อัยการ โดยอัยการนัดฟังคำสั่งวันที่ 7 ต.ค. 2565 แต่ในวันต่อมา ทนายความก็ได้รับแจ้งว่า อัยการมีคำสั่งฟ้องคดีแล้ว นัดฟังคำสั่งอัยการในครั้งแรกเจ้าหน้าที่จึงจะนำตัวไปฟ้องที่ศาลจังหวัดหนองคายทันที

หลังอนุนาทไปถึงศาล เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการฯ ได้ส่งตัวไปให้ตำรวจประจำศาลควบคุมตัวไว้ในห้องรอประกันซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับห้องขังใต้ถุนศาล จากนั้นจึงนำคำฟ้องยื่นต่อศาล 

ด้านทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดีโดยไม่มีหลักประกัน ระบุเหตุผลว่า อนุนาทถูกฟ้องในคดีนี้ด้วยข้อหาที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงหรือมีอัตราโทษสูง ประกอบกับจำเลยให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ทั้งจำเลยประสงค์จะต่อสู้คดีจึงไม่มีเหตุผลที่จะหลบหนีแต่อย่างใด

ราว 15.00 น. หลังศาลรับฟ้องคดีและสอบคำให้การเบื้องต้นของอนุนาท ซึ่งเธอยืนยันให้การปฏิเสธเช่นเดียวกับในชั้นสอบสวน ศาลจึงนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 1 พ.ย. 2565 ก่อนมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี แต่ให้วางหลักประกันเป็นเงินสด 40,000 บาท ทนายความจึงใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์วางต่อศาล ไม่นานจากนั้นอนุนาทก็ได้รับการปล่อยตัว รวมเวลาถูกควบคุมตัวราว 5 ชั่วโมง

.

คำฟ้องของ ศรุต ราชปรีชา พนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย ระบุฐานความผิดที่ฟ้องอนุนาทรวม 3 ข้อหา ได้แก่ “ทําร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กําลังประทุษร้าย และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําตามหน้าที่” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 138, 295 และ 296 โดยบรรยายพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าเป็นความผิดรวม 2 กรรม ดังนี้ 

1. เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2565 พ.ต.ท.แทน ไชยแสง ผู้เสียหายที่ 1 กับพวก เจ้าหน้าที่ตํารวจสังกัดกองบัญชาการตํารวจสันติบาล 2 ซึ่งได้รับมอบหมายให้นําหมายค้นของศาลจังหวัดหนองคายเข้าทําการตรวจค้นสถานที่และบุคคลน่าสงสัยว่าจะกระทําความผิดตามกฎหมาย ได้เดินทางถึงสถานที่ตามหมายค้น และพบเห็นจําเลยซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องสงสัย จึงได้แสดงตัวเข้าทําการสอบถามเพื่อที่จะดําเนินการให้เป็นไปตามหมายค้น แต่จําเลยไม่ยินยอม และได้ต่อสู้ขัดขวาง โดยใช้ปากกัดบริเวณหัวไหล่ของผู้เสียหายที่ 1 อย่างแรงเป็นเวลานาน เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดเจ็บ เป็นอันตรายแก่กาย 

2. จากนั้นในขณะที่ พ.ต.ท.แทน ไชยแสง ผู้เสียหายที่ 1 และ พ.ต.ต.ครรชิต สีหะรอด ผู้เสียหายที่ 2 กําลังพูดคุยเพื่ออธิบายทําความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานแก่จําเลย จําเลยได้ดูหมิ่นผู้เสียหายทั้งสองด้วยการกล่าวถ้อยคําว่า “ตํารวจเหี้ยๆ ตํารวจขี้ข้า กูไม่กลัวมึง” จํานวนหลายครั้ง ทําให้ผู้เสียหายทั้งสองถูกดูถูกเหยียดหยาม อันเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทําตามหน้าที่ 

ท้ายคำฟ้องอัยการได้แนบผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของ พ.ต.ท.แทน ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลหนองคายระบุว่า ตรวจพบผิวหนังถลอก รอยฟกช้ำบริเวณหัวไหล่ซ้ายขนาดประมาณ 8 ซม. ลักษณะกลมรี โดยลงความเห็นว่า น่าจะเกิดจากของแข็งไม่มีคม และใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน ถ้าไม่มีโรคหรือภาวะแทรกซ้อน 

.

อนุนาทในวัย 53 ปี สนใจการเมืองผ่านการติดตามทางโซเชียลมีเดีย โดยไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองที่ไหนมาก่อน ชีวิตทุกวันทำงานธุรกิจครอบครัวในพื้นที่จังหวัดหนองคาย และไม่เคยพบเจอเรื่องราวเช่นในวันเกิดเหตุมาก่อน 

พี (นามสมมติ) ลูกสาวของอนุนาท เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่สันติบาลมาพบแม่ ซึ่งเธออยู่ในเหตุการณ์ด้วยว่า ตำรวจพูดกับแม่ในระหว่างเข้าจับกุมและแม่ขัดขืนว่า “ถ้าไม่ร่วมมือ จะไม่ให้ลูกทำงานได้เลย สงสารลูกบ้างสิ ทำให้ครอบครัวไม่มีที่อยู่ที่ทำกิน”  ขณะเดียวกับตำรวจไม่ได้แจ้งสิทธิอะไรแก่พวกเธอเลย เอาแต่พูดถึงสิทธิของตัวเอง “จังหวะกระชากขึ้นรถตู้เขาทำเหมือนแม่เราไปฆ่าใครสักคน หรือหนีคดีร้ายแรงอะไรสักอย่างมา”  

.

X