จนท. ติดตามคุกคาม ประชาชน-นักกิจกรรมใต้อย่างน้อย 3 ราย เหตุสมาชิกราชวงศ์เสด็จงานรับปริญญาที่ ม.ราชภัฏสุราษฎร์

เนื่องด้วยในช่วงระหว่างวันที่ 28 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2565 มีกำหนดการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎเขตภาคใต้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยมีสมเด็จฯ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา เป็นผู้เสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่ามีประชาชนและนักกิจกรรมภาคใต้อย่างน้อย 3 ราย ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าไปติดตามคุกคามถึงที่บ้านและที่ทำงาน เพราะทางเจ้าหน้าที่ต้องการทราบว่ามีใครจะไปร่วมงานรับปริญญาบ้างหรือไม่

“วาฬ” (นามสมมติ) ประชาชนผู้เคยถูกดำเนินคดีจากการออกไปใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกในพื้นที่ภาคใต้ และศาลมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วนั้น เปิดเผยว่า แม้ตนเองจะเคยถูกดำเนินคดีการเมือง แต่ไม่เคยถูกเยี่ยมบ้านเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ออกไปเคลื่อนไหว หรือหลังจากโดนคดีแล้ว

สำหรับการถูกเยี่ยมบ้านในครั้งนี้ วาฬเล่าว่าเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2565 มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวน 3 นาย มาหาที่บ้าน อ้างว่ามาเยี่ยมเยียนและพูดคุยสอบถาม โดยเจ้าหน้าที่พยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ แต่วาฬก็ไม่ได้ตอบอะไรมาก จากนั้นทางฝ่ายเจ้าหน้าที่จึงบอกว่าจะขอถ่ายภาพด้วย ซึ่งวาฬก็ปฏิเสธ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพตน

ในวันต่อมาคือ 26 พ.ย. 2565 วาฬทราบจากเพื่อนบ้านว่าในช่วงที่เขาไปทำธุระข้างนอกมีเจ้าหน้าที่มาที่บ้านอีกครั้ง เมื่อไม่เจอเจ้าตัวจึงกลับออกไป ซึ่งเพื่อนบ้านได้ระบุด้วยว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดียวกับที่มาเมื่อวานนี้ (25 พ.ย. 2565)

ทั้งนี้ วาฬกล่าวว่าเขาไม่ทราบแน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่มาหาที่บ้านนั้นอยู่ในสังกัดใด พกอาวุธมาด้วยหรือไม่ และมาหาด้วยสาเหตุอะไร รวมทั้งไม่ทราบด้วยว่าจะมีคนสำคัญคนใดลงมาในพื้นที่หรือไม่ เพราะหลังจากถูกคดีและเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรอีก รวมถึงไม่ได้ติดตามเรื่องทำนองนี้เหมือนเช่นเดิมแล้วด้วย

อย่างไรก็ดี วาฬระบุว่าเขามีความกังวลและรู้สึกเครียดเล็กน้อยกับการถูกเยี่ยมบ้านคราวนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นส่วนตัว รวมถึงยังไม่เข้าใจด้วยว่าเจ้าหน้าที่จะมาติดตามคุกคามกันอีกทำไม ในเมื่อคดีที่มีอยู่นั้นศาลก็พิพากษาแล้ว

“กวาง” (นามสมมติ) เป็นนักกิจกรรมที่เคยทำการเคลื่อนไหวมาหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2563 เคยถูกดำเนินคดีทางการเมืองจากเหตุเดียวกันกับวาฬ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว และในส่วนของการถูกติดตามคุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ กวางเปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมีบุคคลสำคัญลงพื้นที่ในจังหวัดที่อาศัยอยู่หรือแม้แต่จังหวัดใกล้เคียง ก็มักมีเจ้าหน้าที่มาติดตามสอบถามอยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่จะไปหาถึงที่ทำงาน

สำหรับกรณีของตัวเองนั้น กวางเล่าว่าในวันที่ 30 พ.ย. 2565 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย ไปตามหาตัวถึงที่ทำงาน แต่ไม่พบตัวจึงไปสอบถามกับเพื่อนร่วมงานว่ากวางจะไปงานรับปริญญาหรือไม่

กวางคาดว่าคงเป็นเพราะเธอแชร์โพสเฟซบุ๊กของพี่สาวที่เชิญชวนเพื่อนพี่น้องไปร่วมงานรับปริญญาดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอาจจะติดตามเฟซบุ๊กของตนเองอยู่ มาหาถึงที่ทำงานเพื่อสอบถามให้ได้ความว่ากวางจะไปงานรับปริญญานี้หรือไม่

นอกจากนี้ กวางยังเปิดเผยอีกว่า ในปี 2565 นี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหาถึงที่ทำงานตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ. และวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 2 นาย ไปหาถึงที่ทำงาน เหตุเพราะต้องการทราบว่ากวางและเพื่อนนักกิจกรรมมีแผนจะเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ ในช่วงที่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาลงพื้นที่

ส่วนการถูกติดตามคุกคามครั้งล่าสุดนี้ กวางระบุว่าอาจเป็นเพราะเป็นช่วงที่จะมีสมาชิกราชวงศ์เสด็จมาพระราชทานปริญญาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกเยี่ยมบ้านและติดตามคุกคามนักกิจกรรม เพื่อสอบถามข้อมูลความเคลื่อนไหว

นอกเหนือจากทั้งวาฬและกวางแล้ว ยังได้รับรายงานว่ามีนักกิจกรรมในพื้นที่อีกรายหนึ่งที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามคุกคาม เพื่อสอบถามความเคลื่อนไหวในช่วงงานรับปริญญานี้ด้วย โดยมีการไปติดตามหาตัวทั้งที่บ้าน และร้านกาแฟที่ไปกินบ่อยๆ โดยพยายามให้ยืนยันว่าจะไม่เดินทางไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในช่วงอาทิตย์นี้

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่เข้าคุกคามประชาชนและนักกิจกรรมในจังหวัดต่างๆ ในช่วงที่มีขบวนเสด็จหรือบุคคลในรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่นั้น ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลายกรณีเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ เกินขอบเขตเรื่องการติดตามข้อมูลการข่าว โดยคุกคามและละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนอีกด้วย

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ตำรวจ – ทหาร บุกเยี่ยมบ้านนักกิจกรรมใต้อย่างน้อย 10 ราย ทั้งในช่วงก่อน – หลัง ร.10 เสด็จมัสยิดกลางปัตตานี

อ่านรายงานการคุกคามล่าสุด

ช่วง ก.ย. – ต.ค. 65 ยอดผู้ถูกคุกคามทะยานสูงขึ้น 56 ราย รวมเยาวชน เหตุบุคคลสำคัญลงพื้นที่ยังเป็นปัจจัยหลัก