สมาชิก ‘อุตรดิตถ์ปลดแอก’ ถูกตร.เข้าถ่ายรูปบ้าน-ทะเบียนรถ บ่ายเบี่ยงอ้างเป็นสายตรวจ ก่อนพบมาถ่ายบ้านหลังเดียว

3 พ.ค. 2565 ทองแสง ไชยแก้ว สมาชิกกลุ่มอุตรดิตถ์ปลดแอก วัย 29 ปี เปิดเผยว่าเขาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาติดตามถ่ายรูปถึงที่บ้าน โดยอ้างว่าเป็นสายตรวจ ผ่านมาถ่ายภาพบ้านหลายหลัง แต่หลังขอดูโทรศัพท์ พบว่าถ่ายบ้านเขาอยู่หลังเดียว และยังมีการถ่ายป้ายทะเบียนรถ จึงขอให้ลบรูปออกทั้งหมด เจ้าตัวเผยการกระทำลับๆ ล่อๆ สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ

ก่อนหน้านี้ ทองแสงถูกกล่าวหาในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีกิจกรรมคาร์ม็อบในจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 ทั้งที่เขาไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยตำรวจกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้โพสต์ข้อความในลักษณะกำกับดูแลกิจกรรมการชุมนุม โดยคดีนี้ยังอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ แต่อัยการได้สั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาคดีคาร์ม็อบอุตรดิตถ์อีกรายไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว

ทองแสงเปิดเผยว่า เวลาประมาณ 7.30 น. ระหว่างเขานั่งทำงานอยู่ แฟนได้เดินเข้ามาเรียกว่ามีตำรวจมาบ้าน โดยตำรวจได้สอบถามแฟนว่าบ้านหลังนี้อยู่กันกี่คน เมื่อเขาเดินออกไปดู พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบมาคนเดียว อายุน่าจะประมาณ 50 ปี ตำรวจมีการเดินเข้ามาถ่ายรูปถึงในบ้าน โดยไม่ได้ใช้รถตำรวจ หรือรถสายตรวจ แต่เป็นรถยนต์ธรรมดา และเหมือนว่าไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้วย

ทองแสงได้เข้าไปพูดคุย ตำรวจนายดังกล่าวอ้างว่าเป็นสายตรวจ ที่มาตรวจตราตามปกติ ผ่านมาตรวจบ้านหลายหลัง ไม่ใช่บ้านนี้เพียงบ้านเดียว แต่ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นสายตรวจหน่วยไหน สังกัดใด เมื่อเขาขอดูโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูป พบว่ามีการถ่ายรูปบริเวณบ้านเขาเพียงบ้านเดียว และมีการถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนรถของเขา ทั้งยังพบว่ามีการส่งรูปเข้าไปในกลุ่มไลน์ของตำรวจด้วย

ทองแสงจึงได้แจ้งขอให้ตำรวจลบรูปออกทั้งหมด โดยยืนยันว่าเป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัว เข้ามาในบ้านเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจจะสามารถดำเนินคดีกลับได้ ตำรวจพยายามเบี่ยงเบนไปมา แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่ามาถ่ายรูปบ้านหลังนี้บ้านเดียว แต่ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ที่ถ่ายรูปแน่ชัด ทองแสงคาดว่าน่าจะได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชามา ก่อนตำรวจได้ยินยอมลบรูปทั้งหมดออก แล้วขออนุญาตเดินทางกลับไป

ทองแสงระบุว่า ก่อนหน้านี้เขาไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด จึงไม่ทราบว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาถ่ายรูป หรือติดตามที่บ้านในช่วงที่เขาไม่อยู่หรือไม่ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกหลังเขากลับมาอยู่บ้าน สำหรับการคุกคามที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้กังวล แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่ก็ควรจะตรงไปตรงมา ยอมรับตรงๆ ว่าได้รับคำสั่งให้มาติดตามก็ได้ ไม่ใช่เบี่ยงเบนไปมา ตำรวจในพื้นที่ก็มีเบอร์ติดต่อเขา และเขาก็ต้องไปรายงานตัวในคดีที่ถูกกล่าวหาอยู่แล้ว สามารถโทรมาแจ้งก่อนล่วงหน้าได้ ว่าจะขอถ่ายรูปตามคำสั่ง ไม่ใช่แอบเข้ามาแบบนี้ วิธีแบบนี้ได้สร้างความรู้สึกไม่ไว้วางใจ และไม่ปลอดภัยจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

“พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เช่นนี้เป็นที่น่ากังวลมาก เพราะมันจะตอกย้ำความเชื่อของประชาชนว่า ไม่สามารถไว้วางใจตำรวจได้ ศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจจะถูกลดทอนคุณค่า เจ้าหน้าที่สามารถกระทำการอย่างตรงไปตรงมาได้ มีเอกสาร มีหนังสือ หรือสิ่งใดๆ เพื่อชี้แจงให้กับประชาชนได้เห็นที่ไปที่มาเราในฐานะประชาชนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ  

“ไม่ใช่มาแบบลับๆ ล่อๆ ขับรถที่ไม่ใช่รถสายตรวจ ไม่มีเอกสาร ไม่มีเหตุ ฯ มันเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่ความรู้สึกถึงการถูกติดตาม ถูกคุกคาม” เพจอุตรดิตถ์ปลดแอกระบุ

.

X