ตร.ไปบ้านนักกิจกรรม-เยาวชน “ราษฎรชัยภูมิ” หวั่นเคลื่อนไหวช่วง ‘เจ้า’ เสด็จฯ โคราช

ช่วงต้นสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2565 ‘หนึ่ง’ ศุภากร คำประดิษฐ นักกิจกรรมกลุ่มราษฎรชัยภูมิ ให้ข้อมูลว่า ขณะอยู่ที่บ้านในอำเภอเมือง มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 1 นาย ไปตามหาเขาพร้อมกระดาษสีขาว 1 แผ่น ที่มีการระบุที่อยู่ของหนึ่ง พ่อของหนึ่งได้พบตำรวจก่อนจึงเรียกหนึ่งให้ออกมาพบตำรวจนายนั้น ซึ่งได้สอบถามเขาว่า ช่วงนี้หนึ่งจะไปไหน ทำกิจกรรมอะไรหรือไม่ หนึ่งตอบกลับไปว่า เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลสนามได้ไม่กี่วัน เพราะติดโควิด-19 ช่วงนี้ต้องทำงาน จึงยังไม่อยากออกไปทำกิจกรรมที่ไหน 

ตำรวจยังขอดูรถมอเตอร์ไซค์ที่หนึ่งใช้ว่าใช้รถอะไร และทำงานอะไร หนึ่งแจ้งไปว่าตนทำงานขับรถส่งสินค้า

ก่อนกลับไปตำรวจทำการถ่ายภาพรถและตัวบ้านไปด้วย ขณะนั้นแม่ของหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน ตำรวจก็ถามชื่อแม่ด้วย 

วันต่อมารองสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ โทรมาหาบอกหนึ่งว่า ช่วงนี้ตำรวจจะไปพบเขาบ้าง อ้างว่ามีผู้ใหญ่ข้างบนบอกให้ไปดูบ้านแกนนำ ทั้งที่รองสารวัตรคนดังกล่าวมักจะนัดพบปะกับกลุ่มแกนนำในชัยภูมิเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตำรวจนายนั้นกล่าวด้วยว่า มีรายชื่อคนที่จะต้องไปพบอีกประมาณ 30 คน ทั่วชัยภูมิ

“เขาโทรมาบอกว่าช่วงนี้จะมีคนเสด็จฯ มานะ เราจะไปไหน ไปประท้วงอะไรไหม ผมบอกเพียงว่าถ้าเจ้ามาคงไม่ไปประท้วงอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนในรัฐบาลมาถึงจะออกไปจัดม็อบอยู่”

หนึ่งย้อนความว่าเมื่อเดือนกันยายน 2564 ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมาชัยภูมิ ก็มีประชาชนและนักกิจกรรมหลายรายถูกติดตามคุกคามถึงบ้าน สำหรับครั้งนี้หนึ่งไม่ทราบว่าใครจะมาที่ชัยภูมิ เพราะสนใจแต่นักการเมือง แม้ตำรวจจะบอกว่าไม่ต้องตกใจที่จะมีคนไปหาถึงบ้าน เพราะตำรวจก็รับคำสั่งมาอีกทีจึงต้องทำตามหน้าที่ แต่หนึ่งก็ยืนยันว่าช่วงนี้เขาและกลุ่มราษฎรชัยภูมิก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย จึงไม่อาจเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ หนึ่งเคยตกเป็นจำเลยคดี ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบชัยภูมิ “1 สิงหา คาร์ม็อบทั่วไทย ขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก่อนตัดสินใจให้การรับสารภาพในนัดถามคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน เนื่องจากไม่สะดวกในการต่อสู้คดี เขาอยากใช้เวลาที่ต้องมาศาลไปทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ศาลจังหวัดชัยภูมิจึงพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 10,200 บาท ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,100 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญามีกำหนด 1 ปี

ปัจจุบันหนึ่งยึดอาชีพไรเดอร์อิสระ แบรนด์ “เดลิเวอรี่ชัยภูมิ” ทำงานทุกวันตั้งแต่ 9.30 น. เลิก 22.00 น. ยกเว้นวันที่มีกิจกรรมขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งหนึ่งจะหยุดงานไปร่วมโดยไม่เคยขาด

นอกจากหนึ่งแล้ว เพจ Student Association of Chaiyaphum รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 มีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าจากหน่วยงานไหน เข้าคุกคามถึงบ้านสมาชิกกลุ่มราษฏรชัยภูมิที่เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี โดยทราบภายหลังว่าเยาวชนคนดังกล่าวคือ ต้นน้ำ (นามสมมติ) 

ต้นน้ำ (นามสมมติ) เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า เวลา 10.00 น. ขณะกำลังจะไปหาเพื่อนที่หอพักบริเวณใกล้กับโรงเรียนที่ห่างจากบ้านไปราว 10 กิโลเมตร ปรากฏว่า แม่ได้โทรศัพท์มาบอกว่ามีคนมาหา และให้เขาคุยโทรศัพท์กับชายคนดังกล่าว ต้นน้ำจึงทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานไหนสักแห่งกำลังมาติดตามตัวเขา โดยพยายามถามต้นน้ำว่า อยู่ที่ไหน แล้วทำไมต้องไปโรงเรียนในช่วงนี้ ต้นน้ำบอกเพียงว่าไปหาเพื่อน และพยายามถามกลับว่า คนที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยมาจากหน่วยงานไหน แต่ก็ไม่ได้ข้อมูล 

ก่อนยุติการสนทนาและกลับไป ชายคนนั้นได้เตือนต้นน้ำว่า ไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ หลังจากนั้นพ่อและแม่ที่สงสัยว่าชายคนนั้นมาด้วยสาเหตุใด จึงสอบถามเพื่อนบ้านที่เป็นตำรวจ และได้ข้อมูลว่า ชายคนที่มาน่าจะเป็นตำรวจสายสืบของจังหวัด มาจับตานักกิจกรรมเพราะหวั่นเกรงว่าจะมีกิจกรรมทางการเมืองในช่วงที่พระเทพฯ เสด็จนครราชสีมาในช่วงสัปดาห์นั้น โดยที่ตัวต้นน้ำและครอบครัวต่างไม่เข้าใจว่าจะส่งคนมาติดตามต้นน้ำทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองมาหลายเดือนแล้ว

นอกจากการติดตามคุกคามนักกิจกรรมและเยาวชนใน จ.ชัยภูมิ อย่างน้อย 2 ราย การเสด็จของพระเทพฯ ในต้นเดือนมีนาคม 2565 ที่ จ.นครราชสีมา ส่งผลให้มีนักกิจกรรมกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก 1 ราย และกลุ่ม Korat Movement อย่างน้อย 7 ราย ถูกคุกคาม หนำซ้ำมีเยาวชนและนักกิจกรรมรวม 5 ราย ถูกจับกุมจากการไปงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ก่อนถูกตำรวจปรับคนละ 2,000 บาท ข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

2 เดือนแรกปี 2565: จนท.รัฐติดตามประชาชนระหว่างมีขบวนเสด็จเข้มข้น ยอดผู้ถูกคุกคามไม่น้อยกว่า 83 ราย

X