วันนี้ (11 ต.ค. 64) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เวลา 09.00 น. มีนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐานในคดีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ในการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี #ม็อบ26ตุลา หรือ #26ตุลาไปสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563
ณ ห้องพิจารณาคดี 503 หลังคู่ความรอนานกว่า 4 ชั่วโมง ผู้พิพากษาได้นั่งบัลลังก์ และทำการตรวจเช็คจำนวนคู่ความในห้องพิจารณาคดีว่ามาครบหรือไม่ อีกทั้งได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ศาลขึ้นบัลลังก์ล่าช้า เนื่องจากวันนี้มีนัดในหลายคดีด้วยกัน
เมื่อสิ้นเสียงผู้พิพากษา ‘โจเซฟ’ (นามสมมติ) หนึ่งในจำเลยคดีนี้ได้ลุกยืนขึ้น
‘ขออนุญาตศาลที่เคารพ’ เขาพูด
จากนั้นชายหนุ่มเดินจากที่นั่งในห้องพิจารณาตรงไปยังคอกหน้าบัลลังก์ ขณะนี้เขายืนประชันหน้าอยู่ตรงข้ามกับผู้พิพากษา ก่อนจะเอ่ยถ้อยแถลงว่า
“ผมขอฝากข้อความนี้ถึงอธิบดีศาลและคณะผู้บริหารศาลทุกท่าน เสื้อที่ผมใส่มาวันนี้ คนหนึ่งชื่อ ‘อานนท์ นำภา’ อีกคนชื่อ ‘เบนจา อะปัญ’ สองคนไม่ได้ประกันตัวภายใต้ศาลแห่งนี้
“ผมจึงอยากจะฝากท่านไปบอกอธิบดีศาลว่า ทั้งสองคนยังเป็นเพียงผู้ต้องหาที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่ามีความผิด แต่การที่ศาลไม่ให้ประกันและสั่งจองจำทั้งสองนั้นเท่ากับว่าศาลได้ตัดสินพวกเขาไปแล้วว่ามีความผิด”
.

เมื่อพูดเสร็จ ชายหนุ่มใช้มือขวาล้วงมีดคัตเตอร์ออกจากกระเป๋าข้างกางเกง และตั้งศอกแขนซ้ายขึ้นมา พร้อมกับกล่าวว่า “สองคนนี้ไม่ได้ประกันตัว พวกเขาชื่อ อานนท์ นำภา…” ก่อนเขาจะดันเปิดใบมีดออกมาและค่อยๆ ใช้มันกรีดลงที่หลังแขนระนาบเดียวกับหลังมือในลักษณะของการปาดแนวนอนในฉับเดียว
“เบนจา อะปัญ” เขาพูดพร้อมกรีดย้ำแผลที่แขนตัวเองเป็นครั้งที่สอง “อานนท์ นำภา” เขาพูดและลงคมมีดเป็นครั้งที่สาม “เบนจา อะปัญ อานนท์ นำภา …”
ทุกคนในห้องพิจารณาคดีแน่นิ่ง ทุกอย่างในนั้นเงียบสงบลงจนได้ยินเสียงลงใบมีดเฉือนเนื้อแขนของชายหนุ่มอย่างชัดเจน
เขาพูดชื่อเพื่อนทั้งสองพร้อมกับลงมืดที่แขนซ้ายของตัวเองไม่น้อยกว่า 6-8 ครั้ง ก่อนเขาจะค่อยๆ เก็บมีดเข้ากระเป๋ากางเกง และเอาอีกมือป้องแขนบริเวณที่มีแผล ซึ่งขณะนี้มีเลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุด จากนั้นเขาค่อยๆ หันตัวเดินกลับมานั่งยังเก้าอี้ตัวเดิมที่ลุกไป
เลือดของเขาไหลหยดลงกับพื้นลากทางยาวมาจนถึงเก้าอี้ที่เขานั่งลงแล้ว ตอนนี้ทุกคนในห้องหายจากความตกใจเมื่อครู่ และต่างพากันกรูเข้ามาถามไถ่โจเซฟว่า ‘โอเคหรือเปล่า’ ‘ออกไปทำแผลก่อนดีไหม’
เขาตอบแต่เพียงว่า “ผมทนไหว” และยืนยันว่าจะอยู่จนจบการพิจารณาคดีในวันนี้ จากนั้นเขาใช้กระดาษทิชชู่เพียงไม่กี่แผ่นปิดแผลไว้ และนั่งฟังตลอดการพิจารณาคดีต่ออย่างใจเย็น
ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที ศาลได้แถลงถึงเหตุผลที่ไม่ให้ประกันตัวอานนท์และเบนจา โดยได้กล่าวได้ทำนองว่า “การที่ทั้งสองไม่ได้ประกันนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติในการฟ้องร้องหมิ่นประมาท เหมือนกับการฟ้องร้องของบุคคลทั่วไป สองคนนี้ก็เหมือนกัน
“ผมเพียงคนเดียวไม่มีอำนาจตัดสินใจให้ปล่อยตัวใครได้หรอก แต่ผมจะไปเรียนผู้พิพากษาที่ท่านมีอำนาจในเรื่องนี้ให้ก็แล้วกัน”
โจเซฟนั่งอดทนกับบาดแผลของเขาอยู่ในห้องพิจารณาคดีจนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นเวลากว่า 15 นาที นับตั้งแต่เขาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการกรีดแขนตัวเอง
.

‘เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
เราอยากช่วยเพื่อนจริงๆ’
.
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ในเวลาต่อมาเราได้มีโอกาสไปพูดคุยกับโจเซฟถึงการตัดสินใจแสดงออกดังกล่าว
“แผลโอเคแล้ว ผ่านไปไม่ถึง 20 นาทีเลือดก็หยุดไหล และได้ทำแผลเรียบร้อยแล้วครับ
“แผลไม่ถึงกับโดนเส้นเลือดใหญ่ ที่เรากรีดมันเป็นแขนระนาบเดียวกับหลังฝ่ามือ ไม่ใช่ตรงข้อมือที่มีเส้นเลือดใหญ่ เรารู้ว่าถ้ากรีดตรงนั้นมันอาจจะวิกฤติได้ เพราะถ้าให้พูดตามตรงก็คือเราวางแผนประท้วงศาลมานานแล้ว ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดี
“ผมโดนกล่าวหาคดี 112 จากการไปร่วมชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ใต้อำนาจของศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเบนจาน้องของเราก็ไม่ได้ประกันตัวจากศาลนี้ ทนายอานนท์ก็ไม่ได้ประกันตัวจากศาลนี้
“เราที่เป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เลยอยากจะส่งเสียงให้ถึงอธิบดีของศาล แต่ด้วยสถานะของเราที่เป็นอยู่ เราไม่รู้เลยว่าจะส่งสารให้ไปถึงพวกเขาได้ยังไง สารที่จะทำให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของทุกคน
“ถ้าเราลุกขึ้นมาพูดอย่างเดียว เรารู้ว่ามันจะไม่ดังพอ ซึ่งเราก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี
.
.
“ผมเข้าใจนะว่าหลายๆ คนคงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผมในวันนี้ แต่ผมได้วางแผนมาว่าเราจะไม่ทำร้ายตัวเองถึงตาย เราไม่ได้กรีดแขนตัวเองให้เสียเลือดโดยเปล่าประโยชน์ แต่เลือดของเราที่หลั่งไปในศาลวันนี้ เพื่อให้ศาลรู้ว่า ‘มันเป็นความรู้สึกเจ็บที่เล็กน้อยมาก ถ้าเทียบกับความเสียสละของเบนจาและทนายอานนท์’
“ก่อนผมจะยืนกรีดแขนตัวเอง ผมก็พูดกับศาลว่า ‘การที่ศาลไม่ให้ประกันตัวเบนจาและอานนท์ ทำให้พวกเขาไม่มีสิทธิที่จะมาต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เพราะเขาต้องถูกขังอยู่ข้างในเรือนจำ’
“การที่ศาลไม่ให้ประกันมันเป็นการตัดสินไปแล้วว่าเขามีความผิด ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนยังไม่มีใครเลยที่ศาลได้ตัดสินจนถึงที่สุด ไม่ว่าจะคดีมาตรา 112 หรือคดีไหนๆ ก็ตาม
“ผมจึงต้องตั้งคำถาม เพราะจะให้ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไปได้ยังไง
“ผมรู้ว่าหลายคนก็ไม่เห็นด้วยหรอก แต่ผมนั่งคิด นอนคิดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า ผมจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อเพื่อนของเรา ให้เพื่อนได้ออกมา ให้สังคมได้รับรู้ว่าพวกเขายังอยู่ข้างในนั้น มันก็ดีกว่าให้ผมอยู่เฉยๆ เราอยากช่วยให้เพื่อนออกมา แต่ว่าเราไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าจะช่วยพวกเขายังไง”
“เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราอยากช่วยเพื่อนจริงๆ” เขาพูดย้ำอีกครั้ง
.

.
จนถึงขณะนี้ ‘อานนท์ นำภา’ ถูกคุมขังมาแล้วเป็นระยะทั้งสิ้น 63 วัน และ ‘เบนจา อะปัญ’ ถูกคุมขังมาแล้วเป็นระยะเวลา 3 วันแล้ว ซึ่งล้วนแต่เป็นคำสั่งภายใต้การพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้
ในการพิจารณาคดี #26ตุลาไปสถานทูตเยอรมัน ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 25 ต.ค. 64 เวลา 9.00 น. เนื่องจากยังไม่สามารถเบิกตัวเบนจา ที่เป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย มาคอนเฟอร์เรนซ์ได้ เพราะถูกคุมตัวอยู่ในแดนกักโรคของเรือนจำ
.
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
‘เบนจา อะปัญ’ ผู้ต้องหา ม.112 รายล่าสุดที่ไม่ได้ประกัน ดันเลขรวมผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 20 ราย
.