วันที่ 28 สิงหาคม 2564 ก้านของ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักกิจกรรม “คณะอุบลปลดแอก” ให้ข้อมูลกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า หลังจากเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2564 เขาเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานีไปร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบที่จังหวัดอำนาจเจริญ #อำนาจไม่ทนคนหลงอำนาจ
วันที่ 26 สิงหาคม 2564 ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านที่ก้านของอาศัยอยู่ในอำเภอวารินชำราบ โทรมาแจ้งว่าเมื่อวันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 ตำรวจจาก สภ.เมืองอำนาจเจริญ เข้ามาพบผู้ใหญ่บ้าน โดยสอบถามทางไปบ้านของก้านของเพื่อจะส่งหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร่วมกันชุมนุมหรือจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หลังได้ข้อมูลพิกัดบ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปพบก้านของที่บ้าน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่บ้าน ตำรวจจึงกลับไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านและฝากหมายเรียกไว้ให้ก้านของ
ขณะที่ตำรวจจากอำนาจเจริญไปหาที่บ้าน ก้านของไปเรียนออนไลน์อยู่บ้านเพื่อน ส่วนพ่อและแม่ไปทำงาน เมื่อก้านของได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านจึงได้ไปรับหมายเรียกที่บ้านผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ได้บอกก้านของด้วยว่า ตำรวจฝากเตือนให้เขางดทำกิจกรรมการเมืองหรือเข้าร่วมชุมนุมอีก แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุว่าเพราะอะไร เมื่อก้านของดูหมายเรียกผู้ต้องหา จึงเห็นว่าออกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 หลังคาร์ม็อบที่เขาไปร่วมเพียง 1 วัน หมายเรียกยังระบุว่า พ.ต.ท.เทวราช เอื้อประเสริฐวงษ์ เป็นผู้กล่าวหา และ ร.ต.ท.พิษณุ เพชรจิตร เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี นัดหมายให้ก้านของไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 สิงหาคม 2564
มีข้อมูลด้วยว่า วันเดียวกันตำรวจ สภ.เมืองอำนาจเจริญ ยังได้ไปส่งหมายเรียกผู้ต้องหาที่บ้านของเค้ก (นามสมมติ) นักกิจกรรมคณะอุบลปลดแอกอีกราย ขณะที่ ฉัตรชัย แก้วคำปอด และวิศรุต สวัสดิ์วร นักกิจกรรมกลุ่มเดียวกัน ซึ่งได้รับแจ้งว่าถูกออกหมายเรียกกรณีเข้าร่วมคาร์ม็อบอำนาจเจริญด้วยเช่นกัน กลับไม่มีตำรวจ สภ.เมืองอำนาจเจริญ ไปส่งหมายเรียกที่บ้าน
โดยปกติการส่งหมายเรียกให้บุคคลที่อยู่นอกพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจที่ออกหมาย พนักงานสอบสวนจะส่งไปยังสถานีตำรวจในท้องที่นั้นๆ เพื่อให้ตำรวจท้องที่เป็นผู้ดำเนินการส่งหมายไปยังบ้านของบุคคลที่ถูกออกหมาย การที่ตำรวจ สภ.อำนาจเจริญ ไปส่งหมายเรียกนอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง โดยเลือกเป้าหมายเฉพาะนักกิจกรรมรุ่นใหม่ อีกทั้งยังมีการสั่งห้ามไปร่วมชุมนุมอีก จึงมองได้ว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ข่มขู่คุกคามนักกิจกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อปิดกั้นคาร์ม็อบไล่รัฐบาลที่มีการประชาสัมพันธ์ว่าจะจัดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 สิงหาคม 2564
สำหรับก้านของก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองในจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกับคณะอุบลปลดแอกตั้งแต่ปี 2563 กระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม 2564 กิจกรรมคาร์ม็อบครั้งแรกที่จังหวัดอำนาจเจริญ ก้านของสนใจเดินทางไปเข้าร่วมเพราะอยากแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ให้ตำรวจหยุดคุกคามประชาชน รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง
ก่อนเริ่มขบวนบริเวณหอนาฬิกาจังหวัดอำนาจเจริญ ก้านของได้กล่าวผ่านโทรโข่งที่ติดตัวไปด้วยว่าที่มาวันนี้เพราะมาแสดงจุดยืนเคียงข้างประชาชนจังหวัดอำนาจเจริญ โดยเขาได้ประชาสัมพันธ์ย้ำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคติดต่อ ให้รักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อขบวนคาร์ม็อบกลับไปถึงที่หมายบริเวณหอนาฬิกา ผู้ชุมนุมก็ได้แยกย้ายกันกลับ
ปัจจุบันก้านของอยู่ระหว่างเตรียมสอบเข้าเรียนต่อที่สถาบันศิลปะแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ตัวเขาสนใจเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในอีสาน โดยเฉพาะขบวนการผีบุญที่ต่อสู้กับอำนาจรัฐส่วนกลางในอดีตเนื่องจากถูกรีดภาษีและถูกหลงลืม ไม่ได้รับการพัฒนา ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ก้านของอยากออกมาเรียกร้องคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าด้วยการเข้าร่วมชุมนุมที่ผ่านๆ มา และอยากจะเล่าเรื่องการต่อสู้ของกบฎผีบุญในที่ชุมนุม
กับเรื่องที่เขาถูกดำเนินคดี ครอบครัวค่อนข้างเป็นกังวลเพราะเป็นเรื่องไม่คาดคิด หลังได้รับหมายเรียกครอบครัวจึงปรามไม่ให้ก้านของออกไปชุมนุมอีก อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2564 กิจกรรมคาร์ม็อบครั้งที่ 2 ที่จังหวัดอำนาจเจริญ ก้านของก็ไปเข้าร่วมอีกครั้ง โดยบอกกับคนที่บ้านว่าไปครั้งนี้เพื่อไปประกาศว่าเขาได้รับหมายเรียกแล้ว และไปเพื่อแสดงให้ตำรวจเห็นว่าตัวเขาไม่ใช่ผู้ทำผิดตามที่ถูกออกหมายเรียก
“ส่วนตัวคิดว่า ผมไม่น่าผิด เพราะดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคทุกอย่าง ใครไม่สวมแมสก์เรามีแมสก์ให้ด้วย และประกาศอยู่ตลอดให้เว้นระยะห่าง ล้างมือ ใส่แมสก์ และต้องผ่านจุดคัดกรองทุกคน โดยไม่ให้ยืนต่อคิวแบบแออัด” ก้านของกล่าวถึงเหตุการณ์วันดังกล่าวอีกครั้ง
สำหรับคาร์ม็อบอันเป็นเหตุในคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2564 จัดขึ้น ที่สวนมิ่งมงคลใกล้กับหอนาฬิกา โดยเคลื่อนขบวนออกจากสวนมิ่งมงคลเข้าสู่ถนนชยางกูร สายหลัก (อำนาจเจริญ- มุกดาหาร) ตลาดตัวเมืองอำนาจเจริญ เมื่อผ่านจุดชุมชน จะมีการกดแตรรถ พร้อมกับมีการกล่าวปราศรัย ให้นายกรัฐมนตรีลาออก กระทั่งขบวนคาร์ม็อบไปถึงพุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง จากนั้น ได้วกกลับไปตามถนนชยางกูร เข้าตัวเมืองอำนาจเจริญ จนถึงหอนาฬิกาอันเป็นจุดสิ้นสุด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบในอำนาจเจริญสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด และคอยถ่ายภาพผู้ชุมนุมและรถที่เข้าชุมนุมจนเสร็จสิ้นกิจกรรมในราว 18.00 น.
นอกจากที่จังหวัดอำนาจเจริญ หลายจังหวัดในภาคอีสานมีประชาชนทะยอยถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกิจกรรมคาร์ม็อบ ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ 1 ราย, หนองบัวลำภู 2 ราย ส่วนขอนแก่น ซึ่งจัดคาร์ม็อบมาแล้ว 3 ครั้ง มีข้อมูลว่าตำรวจออกหมายเรียกนักเรียน นักกิจกรรม ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาใน 3 คดี ถึง 15 ราย เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 ราย และที่นครราชสีมามีผู้ถูกออกหมายเรียกจากคาร์ม็อบ 4 ครั้ง และกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ประณามตำรวจหน้าตำรวจภูธรภาค 3 รวม 5 คดี จำนวน 19 ราย โดยเป็นเยาวชนถึง 5 ราย อายุน้อยที่สุดคือ 14 ปี ถูกออกหมายเรียกถึง 2 คดีอีกด้วย
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
สรุปคดี “คาร์ม็อบไล่ประยุทธ์” ทั่วประเทศ มีไม่น้อยกว่า 22 คดีแล้ว
หนุ่มไรเดอร์ถูกแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังร่วมคาร์ม็อบชัยภูมิ ส่งเสียงไล่ประยุทธ์