แจ้ง ม.112 เพิ่ม! กรณี “หนุ่มนนทบุรี” ปลดรูป ร.10 หน้าหมู่บ้าน และทิ้งกรอบรูปลงคลอง

วันนี้ (30 ส.ค. 64) ที่สภ.รัตนธิเบศร์  นายศิระพัทธ์ ดีสวัสดิ์ ชาวจังหวัดนนทบุรี อายุ 35 ปี ประกอบอาชีพเป็นฟรีแลนซ์ และรับงานวาดรูปกับเล่นดนตรี ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในฐานความผิด “หมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  เหตุมีประชาชนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีลักเอาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 พร้อมกรอบรูปไปจากหน้าหมู่บ้านประชาชื่น จากนั้นนำกรอบรูปไปทิ้งที่คลองบางตลาด ในช่วงเวลา 03.30 น. ของวันที่ 8 ส.ค. 64 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ ได้จับกุมนายศิระพัทธ์ จากเหตุดังกล่าว โดยมีการแจ้งข้อหาศิระพัทธ์ 2 ข้อหา ได้แก่ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และออกนอกเคหสถานหลังเวลาเคอร์ฟิว ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยหลังการขอฝากขัง ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ให้ประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์ 100,000 บาท  ต่อมาศิระพัทธ์ได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก

>> “หนุ่มนนทบุรี” ถูก ตร.บุกจับไม่มีหมาย แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน กรณีนำกรอบรูป ร.10 ทิ้งคลอง ก่อนศาลให้ประกันตัว

.

ตร.แจ้งเพิ่ม ม.112 เหตุวางพระบรมฉายาลักษณ์ในสถานที่ที่มิบังควร ทำให้เกียรติภูมิแห่งองค์พระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย

เวลา 10.00 น. ศิระพัทธ์ พร้อมทนายความ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ร.ต.อ.ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์  รองสาวรวัตรสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์  ได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทําที่ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ 

เมื่อวันที่ 10 ส.ค 64 เวลา 09.41 น. ทรงศักดิ์ จันทโชติ อายุ 77 ปี ประธานกรรมการชุมชนหมู่บ้านประชาชื่น จังหวัดนนทบุรี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์เนื่องจากพบว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค 64 เวลาประมาณ 03.30 น. ได้มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด มาลักเอารูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พร้อมกรอบรูปลายกนกสีทองไป โดยมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะคนร้ายก่อเหตุไว้

เจ้าพนักงานตํารวจจึงได้เริ่มสืบสวน โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุ พบว่าเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 03.03 น. ได้มีชาย 1 คน เดินทางเข้ามาที่บริเวณหน้าป้อมยามรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านประชาชื่น ซึ่งด้านหน้าเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นผู้ต้องหาได้ปีนขึ้นไปเอาพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมกรอบรูปดังกล่าวลงมา และได้เดินลากกรอบรูปออกไป

จากการสอบถามผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้น เจ้าพนักงานตํารวจจึงพบศิระพัทธ์ ซึ่งมีตําหนิรูปพรรณตามภาพในกล้องวงจรปิดยืนอยู่บริเวณหน้าห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นว่าเป็นพนักงานตํารวจมาสืบสวนคดีลักทรัพย์ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมกับนําภาพผู้ต้องหาที่กล้องวงจรปิดบันทึกได้ ให้ผู้ถูกจับตรวจสอบ แล้วยืนยันว่าตนเองคือบุคคลที่ปรากฏในภาพดังกล่าว โดยบอกว่านำกรอบภาพไปทิ้งที่คลองบางตลาด 

ต่อมาเจ้าพนักงานตํารวจจึงได้ลงไปงมหาและพบกรอบรูปลายกนกสีทอง ซึ่งมีตําหนิรูปพรรณตรงกับกรอบรูป ที่ติดอยู่บริเวณหน้าป้อมยามหมู่บ้าน แต่ไม่พบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ฯ จึงได้สอบถามผู้ถูกจับกุม ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่ได้ลักเอาภาพพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมกรอบรูปแล้วได้ปลดภาพออก จากนั้นได้มอบให้กับเพื่อนที่รู้จักกันจากการไปร่วมชุมนุมทางการเมืองผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์

ต่อมา สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ดําเนินการสืบสวนเพิ่มเติมโดยตรวจสอบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุข้อเท็จจริงพบว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้เดินเข้ามาที่จุดที่พระบรมฉายาลักษณ์ติดตั้งอยู่ จากนั้นได้ปีนขึ้นไปแกะพระบรมฉายาลักษณ์และกรอบรูปลายกนกสีทอง จนหลุดออกจากผนัง เมื่อพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมกรอบรูปหลุดออกแล้ว ผู้ต้องหาได้นําพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมกรอบรูปหันด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ลงพื้น จากนั้นได้ลากพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมกรอบรูปไปกับพื้นถนนตั้งแต่ที่เกิดเหตุไปถึงตลาดสุขสมบูรณ์เป็นระยะทางประมาณ 190 เมตร ก่อนจะแกะพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากกรอบและมอบให้กนกวรรณ ฉิมทองไป ส่วนกรอบรูปได้นําไปทิ้งที่คลองบางตลาดซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร

จากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาถือว่าเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ เนื่องจากโดยปกติภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ประชาชนโดยทั่วไปจะให้ความเคารพ เทิดทูน และจะประดิษฐานไว้ในสถานที่เหมาะสม เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของพระองค์ท่าน และจะระมัดระวังไม่ให้ภาพพระบรมฉายาลักษณ์วางอยู่ในสถานที่ที่มิบังควร อันจะเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศ เกียรติภูมิแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ดังนั้นการกระทําของผู้ต้องหาเป็นการกระทำที่แสดงออกถึงการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แก่องค์พระมหากษัตริย์ 

ในวันนี้ พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเติมแก่ศิระพัทธ์ ทำให้ศิระพัทธ์ถูกแจ้งข้อหาจากเหตุนี้รวมทั้งหมด 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และ “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ด้านศิระพัทธ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  โดยจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 30 วัน ผู้ต้องหาได้ลงลายมือชื่อในบันทึกรับทราบข้อกล่าวหาและบันทึกประจำวัน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะปล่อยตัวไปโดยไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในกรณีที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 64 กนกวรรณ (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.รัตนาธิเบศร์ หลังทราบว่าตนถูกออกหมายจับ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีศิระพัทธ์ ลักเอาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 พร้อมกรอบรูปไปจากหน้าหมู่บ้านประชาชื่น จากนั้นนำกรอบรูปไปทิ้งที่คลองบางตลาด

กนกวรรณได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทําความผิดฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจร” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จากเหตุที่เธอรับมอบและเก็บรักษาพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่ถูกลักมาเอาไว้

ภายหลังเข้ามอบตัวแล้ว กนกวรรณได้ถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสด 90,000 บาท 

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หลังการกลับมาบังคับใช้มาตรา 112 อีกระลอกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ไปแล้วอย่างน้อย 124 คน ใน 126 คดี 

.

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

สาวโคราชถูกออกหมายจับ “รับของโจร” เหตุรับมอบรูป ร.10 ที่ถูกปลดมา ก่อนเข้ามอบตัว และศาลให้ประกัน

สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-64

X