วันที่ 7 ส.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19 – 20 ก.ย. 2563 ที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง ต่อ หลังจากเลื่อนมาแล้วหลายครั้ง จากเหตุที่ศาลไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญบางส่วนให้ฝ่ายจำเลยตามที่ทนายจำเลยร้องขอ และในพยานเอกสารที่ศาลออกหมายเรียกให้แล้ว หน่วยงานที่ครอบครองเอกสารยังไม่จัดส่งเอกสารให้
คดีนี้มีจำเลยเป็นนักกิจกรรมทั้งหมด 22 ราย ถูกฟ้องด้วยข้อหาหลักตามมาตรา 112 จำนวน 7 คน คือ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ (จำเลยที่ 1), อานนท์ นำภา (จำเลยที่ 2), “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (จำเลยที่ 3), สมยศ พฤกษาเกษมสุข (จำเลยที่ 4), “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (จำเลยที่ 5), “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก (จำเลยที่ 6) และ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (จำเลยที่ 7) อีก 15 คน ถูกฟ้องในข้อหาหลักตามมาตรา 116 นอกจากนี้ยังมีข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหาตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ, พ.ร.บ.จราจรฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 912 ทนายความ จำเลย และประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ทั้งนั่งและยืนจนเต็มห้องพิจารณาคดีซึ่งมีขนาดเล็ก อานนท์ และ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง (จำเลยที่ 10) ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำโดยถูกพันธนาการด้วยกุญแจข้อเท้า
ในระหว่างรอศาลออกนั่งพิจารณาคดี อานนท์เดินเข้ามาในห้องพิจารณาคดีโดยอุ้มลูกชายวัย 1 ขวบ 9 เดือน ประชาชนที่มาสังเกตการณ์คดีแวะเวียนเข้ามาคุยและให้กำลังใจตลอดเวลา
เวลา 09.50 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี พร้อมขานชื่อจำเลยแต่ละคนให้รายงานตัว โดยในวันนี้มีจำเลยเดินทางมาศาลทั้งสิ้น 14 คน ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยขอพิจารณาคดีลับหลังแล้ว 5 คน และไม่ได้เดินทางมาศาล โดยไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ได้แจ้งเหตุจำเป็น 3 คน
ทนายความและจำเลยได้ลุกขึ้นแถลงว่า ห้องพิจารณาคดีมีขนาดที่เล็กเกินไป ไม่เหมาะสมกับจำนวนคนที่มีทั้งทนาย จำเลย และผู้มาสังเกตการณ์คดี และขอให้ศาลย้ายไปพิจารณาคดีในห้องที่ใหญ่ขึ้น ศาลได้กล่าวว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้มีเพียงทนายความ จำเลย และญาติใกล้ชิดเท่านั้น ที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี อย่างไรก็ตาม จำเลยและทนายความยืนยันขอให้พิจารณาคดีในห้องที่ใหญ่ขึ้น
.
‘ประชาชน – สมยศ’ ตั้งคำถามถึงสิทธิประกันตัวของอานนท์ ขอให้ได้ประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่
ประชาชนคนหนึ่งได้ขออนุญาตตั้งคำถามกับศาลว่า ทำไมคดีของทนายอานนท์ซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจึงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีเมตตาให้อานนท์ได้ประกันตัวในระหว่างที่คดียังไม่สิ้นสุด เพื่อให้ลูกชายจำได้ว่าใครคือพ่อ และเปรียบเทียบกับกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้ประกันตัวในคดีมาตรา 112
สมยศลุกขึ้นแถลงว่า ในฐานะจำเลยด้วยกัน มีความลักลั่นในการต่อสู้คดี เนื่องจากเมื่ออานนท์ไม่ได้ประกันตัวก็ไม่รู้จะต่อสู้คดีอย่างไร ไม่สามารถปรึกษาหารือเพื่อเตรียมต่อสู้คดีได้ โจทก์มีศักยภาพในการปรักปรำ แต่หากขังอานนท์ย่อมไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ขอให้ศาลงดสืบพยานและปรึกษาเรื่องนี้กับผู้บริหารเพื่อให้คดีเดินหน้าต่อไปได้
ศาลกล่าวว่า เรื่องการประกันตัว ผู้มีอำนาจสั่งให้ประกัน คือ ผู้บริหารศาล ศาลเองไม่มีอำนาจให้ประกัน และการประกันไม่จบแค่ศาลอาญา ยังมีศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา การอนุญาตให้ประกันหรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาลแต่ละคน ถ้าศาลสั่งเองก็คงจะตอบได้ว่า ให้หรือไม่ให้ประกันเพราะเหตุใด
.
‘อานนท์ – สมยศ – จตุภัทร์’ แถลงศาล เสนอให้อัยการถอนฟ้อง – ยุติการดำเนินคดี เพื่อไม่ให้เป็นผลเสียต่อบ้านเมืองและกระบวนการยุติธรรม
เวลา 10.35 น. ศาลได้ให้จำเลยที่ 8 ถึง 22 ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาหลักตามมาตรา 116 แยกไปที่ห้องพิจารณาคดีที่ 904 เพื่อปรึกษาแนวทางการต่อสู้คดีร่วมกับทนายความ และให้กลับขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีต่อในเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 901 ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้น
ในช่วงบ่ายจตุภัทร์แถลงว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง ในปี 2563 ถึง 2564 ประชาชนเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลใช้คดีเป็นเครื่องมือ โดยแนวทางการต่อสู้ของประชาชนไม่ได้มีแค่กระบวนการยุติธรรม แต่เกี่ยวข้องกับรัฐสภาด้วย เช่น การนิรโทษกรรม
สมยศแถลงว่า ขอเสนอให้อัยการถอนฟ้องมาตรา 116 จำเลยทุกคนในคดีนี้ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีการเมือง ประชาชนออกมาเรียกร้องในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การดำเนินคดีต่อไปไม่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ส่วนในข้อหาตามมาตรา 112 นั้น หากอ่านคำฟ้องให้ดีจะพบว่า ไม่ได้เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เลย อยากให้ศาลพิจารณาให้ยุติคดีไป เนื่องจากหากเดินหน้าต่อไปก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับพยานเอกสาร หรือหากอานนท์ไม่ได้ประกัน จำเลยคนอื่นก็จะมีความไม่สบายใจในการต่อสู้คดี
ทนายจำเลยแถลงเพิ่มเติมว่า เคยมีคดีสำคัญที่อัยการสูงสุดให้ถอนฟ้อง เพราะดำเนินคดีต่อไปก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นกัน
สมยศแถลงอีกว่า ในปี 2559 ถึง 2561 ศาลและอัยการเคยมีความร่วมมือกันไม่ดำเนินคดีมาตรา 112 กับประชาชน โดยถอนฟ้อง สั่งไม่ฟ้อง และยกฟ้อง คนที่ได้รับอานิสงส์ก็เป็นพลเมือง และเป็นผลดีต่อสถานการณ์พิเศษในตอนนั้น ตนเห็นว่า คดีพิพาทระหว่างรัฐและประชาชนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพ ศาลตัดสินไปก็เป็นผลเสียต่อสถาบันยุติธรรม สุดท้ายสมยศขอให้ถ้อยคำที่แต่ละคนแถลงไปถึงผู้บริหารศาล
ศาลกล่าวว่า เรื่องที่สมยศกล่าวมาเป็นเรื่องจริง ศาลเองก็เป็นผู้ตัดสินในคดีของ ทอม ดันดี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปตามนโยบายในสมัยนั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นนโยบายของใคร
อานนท์ลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่า ไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปใน 2 ประการ คือ หนึ่ง ความยุติธรรมเป็นไปอย่างลำบาก ถ้าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และ สอง จำเลยหลายคนจะพูดซ้ำเรื่องเดิม สืบพยานก็ต้องพูดเรื่องที่ไม่อยากพูดอีก ผมวิจารณ์พระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา เหมือนขับรถเร็ว ๆ เข้าเส้นชัย มันอาจล้ำเส้นไปบ้าง คำตัดสินของศาลก็เหมือนกัน เช่น คำตัดสินในคดีของผมระบุว่า พระมหากษัตริย์สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้
คดีเช่นนี้ หากตัดจบได้ก็จบ มันจะไหม้บ้านเรา หากไหม้บ้านเราก็ไหม้บ้านท่าน ถ้าต่างฝ่ายต่างล้ำเส้นนั้น หากสืบพยานผมก็ต้องพิสูจน์ว่าพูดความจริง ท่านก็ไม่อยากฟัง อย่าเอาคดีมาทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
เราก็ไม่สบายใจที่ต่างชาติวิจารณ์พระมหากษัตริย์ของเรา เราพูดโดยอยากให้มันดีขึ้น แต่ศาลบอกว่ากฎหมายมาตรา 112 ไม่มีบทยกเว้นความผิด ทั้งที่เราพูดความจริงที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ทำให้ต่างชาติมองว่ากระบวนการยุติธรรมเรามันประหลาด เช่น มาบอกว่าสวมชุดนักโทษห้ามใส่ครุย
อานนท์แถลงเพิ่มเติมอีกว่า คนที่ลี้ภัยไป เขาลี้ภัยด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่กลัวตาย แต่กลัวไม่ได้รับความยุติธรรม เวลาเห็นคนด่าศาล ผมก็เจ็บใจ วันที่มีคำตัดสินคดีแรกของผม ผมจัดงานเลี้ยงข้าวด้วยซ้ำ แสดงเจตนาว่าผมไม่หนี ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีต้นทุนที่ทำให้ผมไม่หนี
สุดท้ายศาลกล่าวว่า ศาลเข้าใจว่าความผิดในคดีนี้มีมูลเหตุเกิดจากการขับไล่รัฐบาลจากการรัฐประหาร แต่มีการแจ้งข้อหาจากเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจมีหรือไม่มีหลักฐาน แต่ศาลคือความยุติธรรมสุดท้าย ถ้ากฎหมายมาตรา 112 และ 116 ไม่เปลี่ยนแปลงไป ศาลต้องทำตามกฎหมาย ให้ไปกดดันรัฐสภาและพรรคการเมืองจะเป็นผลดีมากกว่า
.
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในวันนี้ พริษฐ์ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยไม่ได้แจ้งเหตุจำเป็นแก่ทนายความ ศาลเห็นว่า มีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ปรับตามสัญญาประกันเต็มจำนวน และออกหมายจับมาดำเนินคดีภายในอายุความ ก่อนมีคำสั่งให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่ 13 พ.ย. 2567 เวลา 09.00 น.
.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ถูกดำเนินคดี ม.112, 116, 215