วันนี้ (1 ส.ค. 64) เวลาประมาณ 11.50 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ทำการจับกุมตัวนักกิจกรรมและประชาชนจำนวน 9 ราย จากกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี บริเวณหน้าทางเข้าศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ระหว่างเดินทางไปร่วมชุมนุม #ม็อบ1สิงหา หรือ #CarMob เพื่อเรียกร้องให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนมีการแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาต่อผู้ถูกจับกุม 7 ราย
เจ้าหน้าที่ตำรวจราว 15 นาย ได้เข้าจับกุมนักกิจกรรมและประชาชนทั้ง 9 ราย ระหว่างเดินทางอยู่บนรถเครื่องขยายเสียง พร้อมนำตัวไปยัง สภ.รัตนาธิเบศร์ โดยในตอนแรก เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งแน่ชัดว่ามีการดำเนินคดีในข้อหาใด และไม่ยอมปล่อยตัว โดยอ้างว่ารอคำสั่งจาก “นาย” หรือผู้บังคับบัญชา
จนเวลา 15.30 น. เกือบ 4 ชั่วโมงหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มจัดทำบันทึกจับกุม โดยได้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรีจำนวน 7 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ส่งเสียงอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับผู้ถูกดำเนินคดีแบ่งเป็นชาย 3 คน และหญิง 4 คน ได้แก่ วิชญ์ (นามสมมติ), มนทิรา ทุมาภา, ชัชชัย เบียดกลาง, ภควัต รุธีรยุทธ, ปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์, กนกพร วิทยเวชอมรชัย และญาชนา โนนเทา
หลังจากจัดทำบันทึกการจับกุมเสร็จสิ้น เวลาประมาณ 16.20 น. เจ้าหน้าที่ได้เร่งรีบนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนขึ้นรถไปควบคุมยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี ในขณะที่ ผู้ถูกจับกุมอีก 2 ราย ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและได้รับการปล่อยตัวไป
ตร.อ้างชุมนุม #Carmob เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค-ก่อความรำคาญแก่ประชาชน
ในส่วนของบันทึกจับกุมระบุว่า ในคดีนี้อยู่ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.อําพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าพนักงานตำรวจประจำจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ ทั้งหมด 15 นาย ได้เข้าจับกุมตัวผู้ชุมนุม ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผู้กำกับสภ.รัตนาธิเบศรื
ในส่วนของพฤติการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่อ้างข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงวันที่ 19 มิ.ย. 64 ซึ่งกำหนดให้จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งห้ามไม่ให้มีการชุมนุมและการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคของบุคคลที่มีจํานวนรวมกันมากกว่า 5 คนขึ้นไป หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย
ต่อมา หน่วยสันติบาลจังหวัดนนทบุรีได้แจ้งว่าในวันที่ 1 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 10.00 น. แกนนํากลุ่มนนทบุรีคนรุ่นใหม่จะนัดรวมตัวกันที่สถานีรถไฟฟ้า MRT พระนั่งเกล้า โดยลักษณะชุมนุมแบบ Carmob หรือ การชุมนุมในลักษณะมีการใช้รถที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียงอยู่บนรถ และจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่บนรถและขับขี่รถไปตามสถานที่ต่างๆ ที่กําหนด และมีรถของผู้ร่วมชุมนุมขับขี่ติดตามไปเป็นขบวน
สภ.รัตนาธิเบศร์ จึงได้วางแผนเพื่อรอรับสถานการณ์การชุมนุมดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าว เสี่ยงต่อการแพร์โรคระบาด เพราะการที่ผู้ชุมนุมขึ้นไปอยู่บนรถในลักษณะเปิดโล่ง จํานวนหลายคน และขับขี่ไปตามเส้นทางต่างๆ ในเขตชุมชน อาจทําให้เป็นการแพร่ระบาดโรคได้
ต่อมาเวลา 09.45 น. ได้มีกลุ่มแกนนําดังกล่าว ขับขี่รถยนต์บรรทุก โดยกระบะท้ายมีการดัดแปลงเป็นเวทีและมีการติดตั้งเครื่องขยายเสียงบนรถ มาจอดบริเวณริมถนนรัตนาธิเบศร์ ขาออกได้สถานีรถไฟฟ้า MRT พระนั่งเกล้า เจ้าพนักงานตํารวจได้เข้าไปประชาสัมพันธ์ว่า การกระทําในลักษณะดังกล่าวจะเป็นการแพร่โรคระบาดโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จึงขอให้ยุติการการกระทําในลักษณะดังกล่าว
ต่อมาผู้ขับขี่รถยนต์ได้ขับขี่รถออกไปจากบริเวณดังกล่าว โดยใช้เส้นทางกลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้า และขับขี่รถไปตามถนนรัตนาธิเบศร์ และขับขี่รถวนไปมาหลายครั้ง และมีการเปิดเครื่องขยายในระดับที่ดังมากและก่อความเดือนร้อนรําคาญให้กับประชาชนโดยทั่วไป นอกจากนั้นยังมีการขับขี่รถไปยังสถานที่สําคัญและมีประชาชนทํางานและพักอาศัยอยู่จํานวนมาก เช่น กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงสาธารณสุข , กรมราชทัณฑ์ โดยการกระทําของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อไปจอดสถานที่ใดจะหยุดรถ และบีบแตรให้เกิดเสียงดัง พร้อมเปิดเครื่องขยายเสียงพูดเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง
ภายหลังต่อมา เจ้าหน้าที่ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางไปที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี เพื่อไปกระทําการในลักษณะข้างต้นอีก
เจ้าพนักงานตํารวจ เห็นว่าการกระทําดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิที่กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น อันมิใช่เจตนารมณ์ที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นการกระทําผิดกฎหมาย และระเบียบดังที่กล่าวข้างต้น จึงได้วางแผนการจับกุม โดยได้นํากําลังไปรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณประตูทางเข้าศูนย์ราชการฯ
ต่อมาเวลาประมาณ 11.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขับขี่รถมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ ใช้เส้นทางคู่ขนาน และมาถึงบริเวณก่อนถึงประตูทางเข้าศูนย์ราชการฯ ประมาณ 100 เมตร เจ้าพนักงานตํารวจจึงได้เข้าแสดงตัว และเข้าทําการควบคุมตัวบุคคลรวม 7 คน โดยแจ้งให้ทราบว่าเนื่องจากกระทําการจัดกิจกรรมในลักษณะรวมกลุ่มเกิน 5 คน และเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และเป็นการกระทำซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า
ตำรวจยังได้ตรวจยึดรถยนต์บรรทุกที่ติดตั้งลําโพงจํานวน 5 ตัว เครื่องขยายเสียงจำนวน 1 เครื่อง ไมโคนโฟนจำนวน 2 อัน พร้อมทั้งเครื่องกําเนิดไฟฟ้าจำนวน 1 เครื่อง
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะถูกนำตัวไปบก.ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี เพื่อทำการสอบสวน
ต่อมา เวลาประมาณ 17.30 น. ภายหลังนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนไปที่บก.ตชด. ภาค 1 ได้มีกลุ่มนักศึกษาแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมกับประชาชนที่ทราบข่าวติดตามไปที่ด้านหน้า ตชด. พร้อมกับปราศรัยเรียกร้องให้ปล่อยประชาชนที่ถูกควบคุมตัว โดยเจ้าหน้าที่มีการวางแนวรั้วลวดหนาม และยืนกั้นแนวที่ด้านหน้าเอาไว้
จนเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดสินใจปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง 7 คน จาก บก.ตชด.ภาค 1 โดยยังไม่ได้มีการสอบปากคำ แต่ได้นัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ในวันที่ 4 ส.ค. 64 เวลา 9.00 น. เพื่อสอบปากคำ อีกทั้งการปล่อยตัวไม่ต้องวางหลักประกันแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การนำตัวผู้ถูกจับกุมจาก #ม็อบ1สิงหา ไปควบคุมที่ บก.ตชด.ภาค 1 อีก 7 ราย ทำให้นับตั้งแต่เดือนตุลา 63 มีผู้ถูกจับกุมจากการชุมนุมทางการเมือง ถูกนำตัวไปสอบปากคำยังสถานที่ควบคุมตัว ที่ไม่ใช่สถานีตำรวจท้องที่จับกุม หรือสถานีตำรวจเจ้าของคดีแล้ว ไม่น้อยกว่า 299 ราย
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสถิติผู้ถูกควบคุมตัวไป บก.ตชด. ภาค 1 – บช.ปส. จากการชุมนุมทางการเมือง