สั่งฟ้อง 5 นักกิจกรรม คดี “ม.112” จากกิจกรรม #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป เดินพารากอน ก่อนศาลให้ประกัน 2 แสน พร้อมเงื่อนไข “ห้ามทำกิจกรรมเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ”

29 มิ.ย. 64 ที่ ศาลอาญา กรุงเทพใต้ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องคดีของ เบนจา อะปัญ หนึ่งในสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ “ป๊อกกี้” ภวัต หิรัณย์ภณ ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” มาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา จากกิจกรรม #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป ไปเดินสยามพารากอน

ขณะเดียวกัน อัยการยังสั่งฟ้อง “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก ไปในคดีเดียวกันนี้แล้ว โดยยังไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาฟ้อง แต่จะมีการออกหมายนัดต่อไป

ต่อมา ศาลให้ประกันตัวโดยให้วางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 200,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลได้กำหนดเงื่อนไข ห้ามกระทำการใดในลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาตามฟ้อง อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และมาศาลตามกำหนดโดยเคร่งครัด

ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดสอบคำให้การต่อไปในวันที่ 2 ส.ค. 64 เวลา 09.00 น.

สำหรับ กิจกรรม #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป หรือ #แต่งครอปท็อปเดินห้างสยามพารากอน ไปเดินสยามพารากอน จัดขึ้นโดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 63 เพื่อรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112  ในกิจกรรมนี้ นักกิจกรรมได้ร่วมกันใส่เสื้อครอปท็อปเดินบริเวณห้างสยามพารากอน เพื่อยืนยันว่าการสวมชุดครอปท็อปไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย หลังเกิดกรณีของสายชล (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 16 ปี ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เพียงเพราะใส่ชุดครอปท็อปและเขียนข้อความบนตัวเอง 

ต่อมา ว่าที่ ร.ต.นรินทร์ ศักดิ์เจริญชัยกุล สมาชิกกลุ่มไทยภักดี ได้เป็นผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนมีการดำเนินต่อนักกิจกรรมทั้งหมด 7 คน โดยมีเยาวชนจำนวน 2 รายถูกดำเนินคดีนี้ด้วย 

>>> แจ้ง ‘112’ กิจกรรม #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป เดินพารากอน เจตนาล้อเลียนกษัตริย์ เพนกวินให้ พงส.เรียก ‘ประยุทธ์-สถิตย์พงษ์’ สอบเป็นพยาน

>>> แจ้ง 112 เพิ่มอีก 1 ราย จากกิจกรรม #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป เดินพารากอน ชี้เลียนแบบเข้าเฝ้ารับเสด็จร.10

 

เปิดคำฟ้อง ชี้ใส่ “ครอปท็อป” เจตนาล้อเลียนกษัตริย์ ก่อนให้ประกัน 2 แสน พร้อมเงื่อนไข

สำหรับการฟ้องคดีมีพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เป็นผู้ฟ้องคดี ในฐานความผิด หมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112

คำฟ้องโดยสรุประบุว่า วันที่ 14-19 ธ.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตํารวจฝ่ายสืบสวนสถานีตํารวจนครบาลปทุมวัน กองบัญชาการตํารวจนครบาล และกองบัญชาการตํารวจสันติบาลได้สืบสวนหาข่าว และทําการตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ พบว่าเพจเฟซบุ๊คชื่อ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม – United Front of Thammasat and Demonstration” และเพจ “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ParitChiwarak” ได้มีการโพสต์ข้อความประกาศเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม ร่วมกันใส่ชุด Crop Top (ครอปท็อป หรือชุดเสื้อกล้ามเอวลอย) เดินที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ในวันที่ 20 ธ.ค. 63 

ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีจําเลยทั้งห้า กับพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นเยาวชน พนักงานสอบสวนได้แยกสํานวนดําเนินคดีต่างหาก เป็นแกนนําทั้งเจ็ดผู้ร่วมจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในครั้งนี้ 

ครั้นเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 63 เวลากลางวันต่อเนื่องถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยง จําเลยทั้งห้า กับพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นเยาวชน ได้บังอาจกระทําความผิดต่อกฎหมายเป็นตัวการร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามที่ได้สมคบเตรียมการและนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงกิจกรรมล้อเลียนดูหมิ่นและต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อต้านพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยการแสดงบทบาทล้อเลียนดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยวิธีการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทํา ได้แก่ ร่วมกันแต่งกายใส่ชุด Crop Top (ครอปท็อป หรือชุดเสื้อกล้ามเอวลอย) ร่วมกันเขียนถ้อยคําหรือข้อความตามเนื้อตัวร่างกาย ร่วมกันกล่าวคําพูดหรือถ้อยคํา แสดงบทบาท แสดงกิริยาอาการทางร่างกาย ใบหน้า และวิธีอื่นใดในทํานองเดียวกัน แล้วเดินวนเวียนไปมาที่บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมขนาดใหญ่ 

คำฟ้องอัยการอ้างว่าการกระทำดังกล่าว มีเจตนาแสดงออกและสื่อความหมายให้ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลที่สามเข้าใจว่า กลุ่มจําเลยทั้งห้ากับพวกได้ร่วมกันแสดงตนหรือบทบาทล้อเลียนดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชินี และสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ประชาชนเสื่อมความเคารพ ความศรัทธาต่อองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ 

อัยการยังระบุรายละเอียดการกระทําของจําเลยแต่ละคน ซึ่งมีการเขียนข้อความตามร่างกายด้วยหมึกสีดำ อาทิ พริษฐ์เขียนข้อความว่า “ยกเลิก 112” และ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” บริเวณต้นแขนทั้งสองข้าง และมีการเขียนข้อความ “ไอ้บ้ากาม” และ “แม่ผมไม่ได้มีชู้” บริเวณท้องและเอว

ปนัสยาเขียนข้อความ “พ่อหนูมีคนเดียว” และ “ว่าไงไอ้ชาย” บริเวณท้องและเอว เบนจาเขียนข้อความ “พ่อไม่ได้ชื่อ…” “บ้าหรือเปล่าไอ้ชาย” บริเวณท้องและเอว รวมทั้งยังพฤติการณ์ถือพานทองที่มีกระเป๋าวางอยู่บนพาน และเดินตามพริษฐ์และปนัสยา ในลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นข้าราชบริพารเดินถือเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในการตามเสด็จ

ส่วนภวัต อัยการกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ในลักษณะอยู่ร่วมด้วยขณะทํากิจกรรม พร้อมกับพูดว่า “ทรงพระเจริญๆ” และทําท่าย่อตัวยกมือไหว้และมอบดอกไม้ให้กับพริษฐ์ และปนัสยา พร้อมกับพูดคําว่า “ขอบคุณค่ะท่าน” และ “ทรงพระเจริญค่ะท่าน” อัยการอ้างว่าจำเลยมีเจตนาแสดงล้อเลียนให้เห็นว่าตนเองเป็นประชาชนที่มาร่วมชมพระบารมีและถวายพระพร

ขณะที่ภาณุพงศ์ได้ร่วมแสดงออกในลักษณะเดียวกับกลุ่มจำเลยคนอื่นๆ และร่วมกันชูสามนิ้ว ที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง

อัยการระบุว่าจากการกระทําของจําเลยทั้งห้ากับพวก  โดยบริบททั้งหมดแสดงให้เห็นว่า จําเลยทั้งห้ากับพวกได้ร่วมกันใช้เสรีภาพในทางใดๆ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือปวงชนชาวไทยที่จะต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ 

จําเลยทั้งห้ากับพวกมีเจตนาร่วมกันที่จะมุ่งหมายทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (รัชกาลที่ 10) ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทําให้ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นเสื่อมศรัทธา เสื่อมความเคารพสักการะในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี โดยประการที่น่าจะทําให้พระมหากษัตริย์ พระราชินี เสื่อมเสียพระเกียรติ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

ด้านศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้รับฟ้องคดีนี้ไว้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1180/2564 และนัดสอบคำให้การต่อไปในวันที่ 2 ส.ค. 64 เวลา 09.00 น.

ต่อมาเวลา 12.22 น. ศาลให้ประกันตัวจำเลยสองราย ได้แก่ เบนจา และภวัต โดยให้วางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 200,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ 

ศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวว่า ห้ามจำเลยกระทำการใดในลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาตามฟ้อง อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และมาศาลตามกำหนดโดยเคร่งครัด

X