จดหมายจาก “เก็ท” โสภณ: รำลึก 93 ปี อภิวัฒน์สยาม ยังฝันถึงฟ้าสีทองผ่องอำไพ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน

วันที่ 23 มิ.ย. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม   “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำวัย 26 ปี และผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเป็นเวลา 1 ปี กับ 10 เดือนเศษแล้ว   

การพบกันครั้งนี้เก็ทส่งข้อความสื่อสาร อันเป็นจดหมายรำลึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความหวังในโอกาสครบรอบ 93 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครองวันที่ 24 มิ.ย. 2475 เริ่มต้นด้วยการยกย่องคุณค่าของประชาชนธรรมดาที่เป็นกำลังแท้จริงในการสร้างชาติ พร้อมทั้งตั้งคำถามเชิงวิพากษ์ต่อระบบอำนาจที่ยังคงยึดติดกับอดีต

ในจดหมายนี้ เก็ทวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาว่าแม้ประเทศไทยจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมากว่าเก้าทศวรรษแล้ว แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นเพียงระบอบผสมผสานระหว่างประชาธิปไตยกับสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 

อดีตนักศึกษาแพทย์รังสีระบุให้เห็นถึงการที่อำนาจเก่ายังคงใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการควบคุมและปราบปรามผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง  โดยท้ายที่สุดเก็ทส่งต่อความหวังและเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตยที่เต็มรูปแบบเพื่อให้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ และอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงในวันข้างหน้า

______________________________________________________________________-

รำลึก 24 มิถุนายน

“ราษฎรทั้งหลายพึ่งรู้ไว้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง” (ความตอนหนึ่งจากแถลงการณ์ของคณะราษฎร เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2475)

สยามยังอยู่ยั่งยืนยงมาได้ขนาดนี้ ก็ไม่ใช่เพียงเพราะกลุ่มคนในราชวงศ์และข้าของเขาเท่านั้น หากแต่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจหลั่งเหงื่อแลกเลือดของผู้คนจำนวนมาก ตั้งแต่คนรากหญ้าที่ถูกมองข้ามจากสังคม นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ประชาชนจำนวนมหาศาล ขับเคลื่อนจากรุ่นสู่รุ่น คนเหล่านี้ที่ชนชั้นนำมองเป็นเพียงฝุ่นใต้เท้านั้นแหละ คือคนที่สร้างชาติ แม้ไม่ถูกสรรเสริญ แต่คุณูปการของประชาชนนั้นก็มีอยู่จริง 

ครบรอบ 93 ปีการอภิวัฒน์สยาม 93 ปีที่ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย 93 ปีที่ผ่านมาผู้คนคงได้ตระหนักแล้วว่า การที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการอภิปราย ร่วมกันตัดสินใจแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศนั้นดีกว่าการผูกขาดอำนาจอธิปไตยไว้ที่คณะหรือบุคคลใดเพียงกลุ่มหรือบุคคลเดียวเป็นไหน ๆ แม้การเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองลุล่วงไปเร็วกว่า 93 ปี แต่สังคมไทยก็ยังไม่มีประชาธิปไตยที่เต็มใบ

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะประชาชนยังไม่ชนะขั้วอำนาจเก่าที่มีมาก่อน พ.ศ. 2475 อย่างสมบูรณ์ อีกส่วนหนึ่งอำนาจเก่านั้นก็พยายามหาทางช่วงชิงและเถลิงอำนาจมาโดยตลอด หากกล่าวอย่างถึงที่สุดก็ต้องพูดตามตรงว่า ในลายลักษณ์อักษรเราปกครองกันด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ในทางปฏิบัติระหว่างที่เป็นอยู่นั้นคือระบอบพันทางระหว่างประชาธิปไตยกับสมบูรณาญาสิทธิราชย์

หากเราพัฒนาถึงวันที่ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ฝันถึงวันที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เราก็จำเป็นต้องหันหน้ามาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ความจริงก็คือการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันเป็นพฤติการณ์ที่เป็นภัยความมั่นคงนั้นมีอยู่จริง และกระทำโดยกลุ่มอภิสิทธิ์ชนเสียด้วย ตำรวจ ทหาร ศาล คุก เป็นเครื่องมือของพวกเขาในการปราบปรามผู้เห็นต่าง กำราบคู่ขัดแย้ง เหตุใดวันชาติที่เคยเป็นวันที่ 24 มิถุนายน ถึงเปลี่ยนเป็นวันอื่น นี่คือกระบวนการทางการเมืองวัฒนธรรมใช่หรือไม่?  

เหตุใดมรดกของคณะราษฎรถึงค่อย ๆ ถูกลบเลือน หมุดคณะราษฎรหายไปไหน หากมองว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นความบังเอิญผู้มองเช่นนั้นก็จะคงไร้เดียงสามากทีเดียว การเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นสำนักงานพระคลังข้างที่ ตามที่ปรากฏก็มีสัญญะทางการเมืองทั้งสิ้น

93 ปีที่ผ่านมา ประชาธิปไตยก็เติบโตขึ้นมาก ผมก็คาดหวังว่าปีที่ 94, 95 และในอนาคตอันใกล้ ประชาธิปไตยจะเบ่งบานอย่างเต็มใบ การที่ประชาชนจะได้อำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ประชาชนก็ต้องช่วยกันสร้างช่วยกันพัฒนาทั้งทางด้านโครงสร้างและสำนึก อะไรที่ไม่ชอบธรรมตามระบอบก็ต้องออกมาคัดค้าน อะไรที่สมควรวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายก็ต้องออกมาหารือพูดคุยกัน 

เมื่อรักษาจุดยืนทางอุดมการณ์ประชาธิปไตยไว้ได้แล้ว สังคมประชาธิปไตยที่เต็มใบคงอยู่ไม่ไกล

รำลึกการปฏิวัติ 2475

โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง

.

ย้อนอ่านจดหมายของเก็ท

จดหมายสองฉบับของ “เก็ท” ถึงคนเสื้อแดง ที่ส่งออกไม่ได้ – ระบบส่ง “จดหมายหลังกำแพง” เตรียมหยุดปรับปรุง

.

📩  สามารถร่วมเขียนจดหมายถึงเก็ท โดยฝากถึง “โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง แดน 4 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 33 ถนนงามวงค์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900”

หรือเขียนจดหมายออนไลน์ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล
X