การต่อสู้ภายในจิตใจของ “แม็กกี้” เมื่อถูกส่งตัวจาก รพ.ราชทัณฑ์ กลับเรือนจำคลองเปรม

ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ทนายความเข้าเยี่ยมและติดตามสถานการณ์ของ “แม็กกี้” ผู้ต้องขังผู้มีความหลากหลายทางเพศวัย 28 ปี ผู้ถูกคุมขังคดีมาตรา 112 ซึ่งถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากภาวะแพนิคที่เกิดขึ้นกับเธอ ต่อมาได้ถูกส่งตัวกลับมาที่เรือนจำกลางคลองเปรมแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ในช่วงที่ผ่านมา แม็กกี้มีอารมณ์แปรปรวนขึ้นลงอย่างรุนแรง บางวันเธอมีชีวิตชีวา พยายามแต่งหน้าด้วยสีไม้ บางวันซึมจนไม่ค่อยอยากพูดคุยหรือรับประทานอาหาร เธอเล่าถึงอาการประหลาดที่เกิดขึ้น ทั้งการเห็นภาพหลอน และภาวะอารมณ์ที่ดิ่งลงอย่างฉับพลัน

จากการรับฟัง สิ่งที่แม็กกี้ต้องการมากที่สุดคือการได้รับยาฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอัตลักษณ์ความเป็นผู้หญิงของเธอไว้ ความต้องการอีกประการที่เด่นชัดคือการแยกตัวจากสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย แม็กกี้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการต้องกลับไปที่แดนเดิม  นอกจากนี้ แม็กกี้ยังต้องการการรักษาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง แม้จะได้รับยาแล้ว แต่การรักษายังไม่มีการวินิจฉัยที่ชัดเจน เธอยังคงมีปัญหาการนอนไม่หลับ และภาวะอารมณ์แปรปรวน เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับนักจิตวิทยาที่เข้าใจสภาวะของเธอ 

ถึงที่สุดแม็กกี้พยายามสื่อสารว่าอยากเข้ารับการรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์และขอเวลาเพียงชั่วระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้มั่นคงก่อนกลับไปแดน 1 เนื่องจากเธอยังรู้สึกไม่พร้อมและต้องการเวลาผ่อนคลายเพื่อให้อาการทางจิตใจดีขึ้นอย่างแท้จริง

.

วันจันทร์ที่ 28 เม.ย. 2568

เมื่อก้าวเข้าไปในห้องเยี่ยมช่วงบ่าย สายตาปะทะกับร่างบอบบางที่นั่งพิงผนังห้อง ศีรษะก้มต่ำ เธอไม่รับรู้ถึงการมาถึง หลังจากเรียกชื่อ “แม็กกี้”  เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะค่อย ๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ทำไมวันนี้มาช้าจัง” เธอถามพร้อมรอยยิ้มเนือย ๆ 

วันนี้ใบหน้าของแม็กกี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น มีเงาสีอายแชโดว์บนเปลือกตา และที่โดดเด่นสะดุดตาคือลิปสติกสีแดงบนริมฝีปาก แม้ว่าใต้ดวงตายังคงบวมช้ำ แต่ดูบวมน้อยลงกว่าการเยี่ยมครั้งก่อน

ระหว่างกำลังคุยกัน แม็กกี้ขอตัวไปจัดการเรื่องใบรับยา ทำให้ได้เห็นว่าวันนี้เธอสวมผ้าถุงแบบผู้ป่วยหญิง  10 นาทีผ่านไป แม็กกี้กลับมาพร้อมข่าวดี “วันนี้ตรวจเลือดเพื่อขอรับยาฮอร์โมน และมีใบสั่งยาออกมาแล้ว”เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง เมื่อถามถึงการรักษา เธอเล่าว่ายังไม่ได้พบจิตแพทย์ แต่ได้พบหมอที่ประเมินเรื่องยา ซึ่งปรับเพิ่มยาเป็น 3 เม็ด กินตอน 2 ทุ่ม “ยาช่วยให้หลับดีขึ้น แต่มันทำให้ง่วงมากเกินไป ถึงตื่นก็ยังรู้สึกง่วงตลอดเวลา” 

เมื่อย้อนถามถึงอารมณ์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึเธอดูไม่มีชีวิตชีวา แม็กกี้ตอบว่า “ตอนวันศุกร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน แต่พอได้กลับขึ้นไป แล้วอาบน้ำ ก็รู้สึกดีขึ้น แบบดีขึ้นมาก จนผู้ช่วยงานเองยังตามอารมณ์ไม่ทัน”  

ก่อนแม็กกี้เล่าว่าค่าฮอร์โมนของเธอดีขึ้นมาก เธอยิ้มกว้างขึ้น “ยาฮอร์โมนช่วยทำให้หนูรู้สึกเป็นผู้หญิงขึ้น ก่อนหน้าที่จะเทคฮอร์โมน หนูไม่กล้าให้ใครมาจับหน้าเลยเพราะรู้สึกว่าผิวหน้ามันสากมือ แต่ตอนนี้รู้สึกหน้าเนียน แขนขาเนียนขึ้น แม้กระทั่งเสียงก็เปลี่ยนไป”

แม็กกี้เล่าถึงการปรับตัวในพื้นที่จำกัดให้มีสีสัน “เมื่อวานนี้ ด้วยความที่มีแค่ลิปสติกอันเดียว ที่แม่พยาบาลซื้อมาให้ หนูรู้สึกสีมันมีแค่สีเดียว มันเลือกไม่ได้ หนูก็เลยไปเอาสีไม้มาสเตอร์อาร์ต ซึ่งเขามีไว้ให้สำหรับผู้ป่วยที่นี่ในการวาดรูป หนูไปเอามาฝน ๆ แล้วผสมกับน้ำ แล้วก็เอามาทาปาก เอามาทาตา หนูอยากให้หนูปากมีสีลิปสติกสวย ๆ พอปากซีดมันรู้สึกไม่มีชีวิตชีวา” เธอพูดเบา ๆ 

ใกล้สิ้นสุดการเยี่ยม แม็กกี้เล่าถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่กำลังเผชิญ เหมือนมีช่วงที่จะกึ่งหลับกึ่งตื่น งัวเงียเหมือนกับไม่รู้ว่าฝัน หรือว่าละเมอ เพราะว่าแม็กกี้จะรู้สึกว่ากำลังคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกัน แล้วพอร่างกายจะลุกไปทำอะไรสักอย่าง แล้วมันสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมา ปรากฏว่าไม่มีเพื่อน ไม่ได้มีใครอยู่ตรงนั้น  เมื่อถามว่าเธอกลัวไหม เธอส่ายหน้า “ไม่ได้รู้สึกหลอน หรือกลัว แต่แค่รู้สึกว่ามันแปลกแค่นั้น” 

.

วันพุธที่ 30 เม.ย. 2568

เช้าอีกวัน ห้องเยี่ยมทนายมีเพียง 2 ห้องและทั้งสองห้องเต็ม ทำให้ต้องคุยกับแม็กกี้ผ่านช่องเยี่ยมญาติ วันนี้แม็กกี้ดูสดใสและผ่อนคลายมากขึ้น แม้ใต้ตายังคงบวม แต่ลิปสติกสีแดงบนริมฝีปากยังคงเป็นจุดเด่นที่แสดงถึงการดูแลตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ 

หลังพูดคุยเรื่องการใช้สีไม้เป็นเครื่องสำอาง แม้จะเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ แต่ก็อาจไม่ปลอดภัยสำหรับผิวหน้าและริมฝีปาก แม็กกี้รีบบอกว่า “ทาเฉพาะตอนลงมาเยี่ยม หลังจากนี้ขึ้นห้องก็จะลบออกแล้ว กับเวลาจะกินข้าวเธอก็เช็ดออก คือระวังไม่ให้เข้าปาก”

การรักษาของแม็กกี้ยังคงดำเนินไป แต่เท่าที่เล่าให้ฟัง ทางโรงพยาบาลยังไม่มีการวินิจฉัยที่ชัดเจน “หมอที่เป็นจิตแพทย์ ยังไม่ได้มาคุยด้วย มีแค่หมอที่ดูแลเรื่องยาที่มาคุย” เธอเล่า “หนูขอหมอปรับยาไปแล้ว ตอนนี้หมอให้กินยาเม็ดสีเหลืองกลม ๆ เล็ก ๆ 1 เม็ด เพิ่งเริ่มกินวันนี้”

วันนี้แม็กกี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เช่น พายุฝนที่พัดผ่านเมื่อวาน “ลมแรงพัดมาถึงข้างในห้องพัก หนูรู้สึกว่ามันเริ่ด แบบเย็นสบาย แต่แป๊บ ๆ นะแม่ แดดก็ออก” เธอยิ้มขณะเล่าต่อถึงกล่องโฟมใส่น้ำแข็งในห้องพักกลายเป็นความสุขเล็ก ๆ สำหรับแม็กกี้  “เวลาผู้ต้องขังมีนม น้ำผลไม้ ก็เอาไปแช่ได้ นมแล็คตาซอยที่แม่สั่งใหญ่ หนูก็เอาไปแช่ เอามากินเย็น ๆ มันเริ่ด อร่อยดี”

แต่ท่ามกลางความสุขเล็ก ๆ เหล่านั้น ยังมีความกังวลที่แม็กกี้เผชิญ “เมื่อวาน อยู่ ๆ ก็ร้องไห้ อารมณ์มันมา ไม่พูดกับใคร ไม่ตอบโต้ใคร ไม่นั่งตรงริมหน้าต่าง เห็นรถวิ่ง เห็นตึก หนูก็ร้องไห้ มองแล้วท้อใจว่าออกไปไม่ได้”  เธอเล่าด้วยสีหน้าเศร้าลง “อารมณ์เป็นมาจนถึงช่วงบ่าย 3 บ่าย 4 โมง แล้วอยู่ ๆ อารมณ์ดิ่งมันก็หายไป แบบหายไปเลย โดยที่หนูก็ไม่รู้ตัว” 

.

วันศุกร์ที่ 2 พ.ค. 2568

ครั้งที่สามของสัปดาห์ แม็กกี้ดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด “วันนี้ยังมีอาการซึม ๆ นี้เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นเอง อยู่ ๆ อารมณ์นี้ก็มาเอง” เธอเล่าด้วยเสียงที่เบาลง “วันนี้หนูรู้สึกค่อนข้างเครียด เพราะในใจกังวลว่า อยู่มา 2 อาทิตย์แล้ว อาจจะต้องกลับแดนหรือเปล่า”

แม็กกี้บอกย้ำถึงสถานการณ์ตัวเอง “เวลาที่อยู่ในแดนสิ่งที่ต้องการ คืออยากจะอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร อ่านหนังสือคนเดียว ง่วงก็หลับ ฟีลนั้น” เธอบอก 

การนอนยังคงเป็นปัญหาสำหรับแม็กกี้ แม้จะได้รับยาคลายเครียดและยานอนหลับ “ยาที่กินตอน 2 ทุ่ม กว่าจะหลับก็ประมาณ 5 ทุ่ม – เที่ยงคืน แล้วก็ตื่นอีกทีตี 4 พอตื่นขึ้นมากว่าจะหลับก็ยาก” เธอบอก “หรือบางทีก็นอนไม่หลับ จนถึงเข้าเลย แล้ววันนั้นทำให้รู้สึกว่าปวดหัว และมีอาการเพลีย ๆ” 

เธอยังเล่าถึงอาการดิ่งและเครียดในช่วงคืนที่ผ่านมา พร้อมกับอาการแปลก ๆ ที่แม็กกี้เคยเล่าในครั้งก่อนยังคงเกิดขึ้น “ล่าสุดที่มีอาการสะลึมสะลือ แล้วเหมือนมีผู้หญิงแต่งหน้าสวย ๆ เดินเข้ามาคุยด้วย ก็มีการพูดคุยกันระหว่างกัน จากนั้นเหมือนแม็กกี้ ขอดูเครื่องสำอาง” เธอเล่าด้วยสีหน้ากังวล “จังหวะแบบจะขยับตัว ก็รู้สึกตัว แล้วปรากฏว่าไม่ได้คุยกับใครอยู่”

เมื่อแสดงความเห็นว่าเรื่องนี้ฟังแล้วค่อนข้างหลอน แม็กกี้กลับมีประกายในดวงตา “เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ” เธอพูดพร้อมสีหน้าแปลกใจ “แม่ฟังเดอะโกสต์ด้วยหรอ”

บทสนทนาเปลี่ยนไปเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว แม็กกี้บอกว่าเธอชอบเรื่องหลอน ๆ ก่อนเข้ามาในเรือนจำ เธอได้อ่านนิยายชื่อ “เรื่องเล่าหลังควันธูป” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สะเทือนอารมณ์สำหรับเธอ 

.

วันอังคารที่ 6 พ.ค. 2568

วันนี้ทราบว่าแม็กกี้ถูกย้ายกลับมาที่เรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มในห้องเยี่ยม แม็กกี้ยังไม่ปรากฏตัว เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้พยายามประสานงาน ก็พบกับความไม่แน่นอนว่าผู้ต้องขังรายนี้อยู่ที่แดนใดกันแน่

จนได้ข้อสรุปว่าเธออยู่ที่แดน 7 อันเป็นแดนย่อยจากแดน 10 ตอนแรกคิดว่าวันนี้น่าจะไม่สามารถเยี่ยมได้แล้ว เพราะที่แดนพยาบาลเอาผู้ต้องขังขึ้นเรือนนอนแล้ว แต่ต่อมาก็เบิกตัวแม็กกี้ออกมาได้

พบว่าเธออยู่ในสภาพอิดโรย ใบหน้าซีดเซียว มือถือขวดน้ำผลไม้ออกมาด้วย เธอยิ้มให้ และรับทราบเรื่องการจัดการเรื่องยาฮอร์โมนที่เธอต้องกินแล้ว ยังต้องรอรับอีก 2-3 วัน

แม็กกี้ย้อนเล่าว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา เธอไม่รู้ตัวว่าจะต้องถูกย้ายกลับ หลังจากการเยี่ยมเสร็จ เธอขึ้นไปยังเรือนนอน จนบ่ายสามกว่า ๆ ก็มีหมอเข้ามาแจ้งเรื่องการย้ายกลับ โดยไม่แน่ใจว่าประเมินอาการของเธออย่างไร และไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า

“ตอนที่กลับมาที่คลองเปรม หนูผ่านแดน 1 หนูเห็น หนูก็เศร้าแล้ว แต่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลเขาให้เรามาอยู่แดนพยาบาล คือกักตัว 5 วัน และวันนี้ครบวันที่ 5 หนูก็คงถูกส่งกลับ” 

แม็กกี้บอกว่าวานนี้ เธอก็ยังคงมีอารมณ์ดิ่งและเศร้า เพราะการถูกย้ายกลับกะทันหัน ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ จนถึงขั้นลงมือทำร้ายตัวเอง เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวไปยังแดน 10 พยายามให้เธอสงบสติอารมณ์ นอนกำหนดลมหายใจ และให้ยาคลายเครียด จนเริ่มดีขึ้น จึงได้กลับแดน

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทางทนายความได้แจ้งข้อมูลเรื่องการทำหนังสือถึงทางเรือนจำ เพื่อให้แม็กกี้ได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากอาการยังไม่หายดี ทำให้ยังต้องดูแลอาการต่อไป

.

วันพุธที่ 7 พ.ค. 2568 

ทนายความเข้าเยี่ยมแม็กกี้อีกครั้งเพื่อติดตามเรื่องหนังสือขอให้เรือนจำคลองเปรมส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นครั้งที่ 2 โดยระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่แม็กกี้ทำร้ายร่างกายตัวเอง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งหนังสือฉบับแรกอยู่ในระหว่างดำเนินการ และถูกส่งเข้าไปในแดนพยาบาลแล้ว 

ในวันนี้ ต้องนั่งรอเยี่ยมแม็กกี้อยู่เกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะเห็นเธอเดินเข้ามาในห้องเยี่ยม แม็กกี้ไม่ได้โบกไม้โบกมือให้เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่มีใบหน้าเศร้า แต่งหน้าโทนอ่อน และยิ้มให้เพียงเล็กน้อย แต่ยังคงทาปากสีแดงสวยเหมือนเดิม โดยทราบว่าเธอถูกย้ายกลับไปยังแดน 1 ที่เคยอยู่แล้ว

หนูไม่เข้าใจเลยว่าเขาเอาอะไรมาประเมินว่าหนูดีขึ้นแล้ว โรงพยาบาลย้ายเราแบบปุ๊บปั๊บ พอกลับมาที่แดน 1 มาเจอสภาพแวดล้อมเดิม ยิ่งทำให้เครียดเพิ่มขึ้น” 

แม็กกี้เล่าว่าตอนนี้เธอได้กินยาคลายเครียด 2 เวลา คือหลังเข้าแถวตอนเช้า และได้รับอีกทีตอนช่วงประมาณบ่ายโมง “แต่ที่นี่จะไม่เห็นเม็ดยา เขาจะให้อาสาเรือนจำบดแล้วก็ผสมใส่น้ำเปล่าเอามาให้เรากิน สีมันจะออกขาว ๆ รสชาติมันเย็น ๆ คล้ายพวกยาแอนตาซิล ยาธาตุน้ำขาว”

แม็กกี้เล่าว่าตอนนี้เธอรู้สึกเบลอ ๆ คงเพราะฤทธิ์ยา แม้จะมีเพื่อนเข้ามาชวนพูดคุยหรือเข้ามาโอบกอด แม็กกี้บอกว่าไม่ได้ช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอยังรู้สึกบล็อกทุกคนออกจากตัวเอง อยากแค่นอนและเหม่อมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล หนูรู้สึกว่ามันเป็นเซฟโซนของหนู หมอเขาไม่ได้เข้ามาคุย ไม่ได้เข้ามาประเมิน เราไม่ได้จะขออยู่ตลอดไป แต่เราขอให้อยู่ในจุดที่เราสบายใจ จุดที่เป็นเซฟโซนของเราก่อน อยากมีเวลาพักผ่อน ได้อยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ที่คลองเปรมมันวุ่นวายตลอด” 

หลังจากนั้น ทนายได้พูดคุยกับพยาบาลของเรือนจำอีกครั้งหนึ่ง และได้แจ้งอาการของแม็กกี้ให้พยาบาลทราบ ตลอดจนถามถึงการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น และแสดงความกังวลเกี่ยวกับสภาวะความเครียด อาการป่วยทางจิตใจที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก 

พยาบาลได้แจ้งว่าหนังสือฉบับแรกที่ยื่นเข้ามา จิตแพทย์ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับการรักษาของแม็กกี้แล้ว แต่ในส่วนเรื่องขอดูประวัติการรักษาสุขภาพจิตที่ทนายขอตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ขอให้มาติดตามอีกทีใน 2-3 วันข้างหน้า พยาบาลได้ชี้แจงว่าจะช่วยติดตามอาการของแม็กกี้

.

วันอังคารที่ 13 พ.ค. 2568

วันนี้ แม็กกี้ภายใต้ใบหน้าปัดมาสคาร่า และทาปากแดงเช่นเดิม แจ้งว่าอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าไร มีอาการเวียนหัว เหนื่อย และหัวใจเต้นแรงแบบผิดจังหวะ จึงได้ขอให้คนมาดูอาการ คนที่มาดูน่าจะไม่ใช่หมอ โดยได้ให้ยาบรรเทาอาการวิงเวียนมา เธอคิดว่าอาการเวียนหัวอาจจะมายากที่ทานไปก่อนหน้านั้น

แม็กกี้บอกว่าช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เธอยังมีอารมณ์ดิ่งเป็นระยะ มีหลากหลายความคิดเข้ามาเข้ามา และคิดแต่ว่าไม่อยากจะขึ้นไปที่เรือนนอน แต่สุดท้ายก็ยังดำเนินกิจวัตรของเรือนจำต่อไป พยายามเตือนสติตัวเองไว้ โดยภายในสัปดาห์นี้ น่าจะได้พูดคุยกับหมออีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่าเธอจะถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลหรือไม่

แม็กกี้เล่าย้ำเรื่องความรู้สึกของเธอต่อแดน 1 ที่มีการจิกกัดกันไปมา บางทีก็เล่นกันแรง ๆ โดยที่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกกันเท่าไร และตัวเธอเองอยากที่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่ต้องมารบกวนกัน การอยู่ในแดนนี้ได้สร้างความเครียดให้กับเธอมาก

แม็กกี้เล่าว่า ช่วงนี้ฝนตกหลายวัน ทำให้ในเรือนจำมีปัญหาอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ไม่แห้ง เรือนจำนั้นให้ตากผ้าได้เฉพาะตอนกลางวัน กรณีผู้ต้องขังซักผ้าช่วงเย็น ก็ไม่สามารถตากผ้าได้ หลายคนก็นำเสื้อผ้าที่ไม่แห้งไปใส่ไว้ในตู้ล็อกเกอร์ แล้วในตู้ก็มีเสื้อผ้าที่แห้งแล้วอยู่ด้วย ทำให้เสื้อผ้าต้องปะปนกัน และเกิดความเหม็นอับ โดยทางเรือนจำก็เริ่มอนุโลม ให้ตากผ้าช่วงกลางคืนได้แล้ว

แม็กกี้ยังเล่าถึงกฎระเบียบการซื้อขายสินค้าในเรือนจำ พบว่ามีขายสินค้าประเภทลูกชิ้น ไส้กรอก ผักสดและผลไม้ต่าง ๆ แต่ในแดน กลับไม่ได้มีอุปกรณ์หรือเครื่องครัวที่จะใช้ประกอบอาหารได้ พอซื้อมาแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนจึงหาทางประยุกต์อุปกรณ์ขึ้นมาเอง เพื่อใช้ทำอาหาร แต่เจ้าหน้าที่ก็มายึดไปอีก จึงเป็นปัญหาที่ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

ระหว่างนั้น แม็กกี้เห็นญาติของผู้ต้องขังที่มาเยี่ยม และกำลังเดินกลับ เธอทักขึ้นว่าเห็นแจ็คเก็ตดำลายขาวไหม “หนูอยากใส่บ้าง แต่ตอนนี้ยังอยู่ในนี้ มันก็คงใส่ไม่ได้หรอกค่ะ หนูค่อนข้างชอบความแฟชั่น ทุกวันที่มานั่งตรงนี้ก็จะชอบนั่งดูว่าญาติแต่ละคนสวมใส่ชุด หรือมีแฟชั่นอะไรบ้าง” เธอเล่า  

แม็กกี้เล่าต่อว่า การถูกคุมขังช่วงนี้ไม่ได้มีกิจกรรมให้ทำเท่าไร มีได้ดูทีวีบ้าง แต่ก็ได้ดูแค่ 2 ช่อง ที่เรือนจำกลางคลองเปรมยังดีว่ามีเปิดข่าวสารให้ดูด้วย ต่างกับที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่ไม่ให้ดูเลย 

“การดูข่าว ทำให้หนูรู้สึกได้สัมผัสกับชีวิตข้างนอกบ้างค่ะ เนื่องจากเราได้รู้ความเป็นไปของโลกภายนอก หนูได้ดูละครด้วยนะคะ ได้ดูละครที่ต้าห์อู๋แสดงค่ะ และอีกเรื่องที่หนูได้ดูคือเจลบอย ก็เป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อน วุ่นวายค่ะ หนูชอบที่ได้เห็นเขาทำเล็บเจล แฟชั่นต่าง ๆ ในเรื่อง ตลอดถึงโลเคชั่นกลางสยาม พูดแล้วหนูก็อยากไปเดินบ้าง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว”

จนถึงปัจจุบัน แม็กกี้ถูกคุมขังมาแล้ว 1 ปีครึ่งเศษ จากโทษตามคำพิพากษาคือจำคุกถึง 25 ปี จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ 

.

ย้อนดูคดีของแม็กกี้

เผยกรณี “แม็กกี้” ถูกคุมขังคดี ม.112 มาแล้ว 19 วัน หลังถูกจับกุม-กล่าวหาทวีต 18 ข้อความ 

X