เปิด Map ใหม่ของผู้ต้องขังทางการเมือง: พบถูกบังคับย้ายเรือนจำ 16 ราย เผชิญปัญหาการเยี่ยม-ส่งจดหมาย

จากสถานการณ์โยกย้ายผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พบว่ามีการย้ายตัวผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองที่เคยถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำอื่น ๆ พร้อมการย้ายผู้ต้องขังทั่วไปด้วย 

ในวันที่ 4 มี.ค. 2568 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ออกประกาศชี้แจง เรื่องการย้ายผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกรมราชทัณฑ์ ได้กำหนดให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเรือนจำสำหรับรองรับควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี (Hub) ทุกประเภท 

นโยบายดังกล่าว ส่งผลให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต้องย้ายผู้ต้องขังที่คดีเด็ดขาดแล้ว ไปควบคุมตัวที่เรือนจำอื่น ๆ แทน แต่ในความเป็นจริง กลุ่มผู้ต้องขังที่คดียังไม่สิ้นสุด อย่างผู้ต้องขังระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกาเองก็ถูกย้ายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งส่งผลกระทบกับผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

จนถึงวันที่ 8 พ.ค. 2568 พบว่ามีการย้ายผู้ต้องขังทางการเมืองไปแล้ว 16 คน (เป็นผู้ต้องขังคดีถึงที่สุด 5 คน) กระจายไปในเรือนจำ 4 แห่ง โดยทุกกรณีไม่มีการแจ้งญาติล่วงหน้า ทำให้เกิดปัญหาการติดตามไปขอเยี่ยมในช่วงต้น

การโยกย้ายดังกล่าว ส่งผลกระทบในหลายด้าน มีทั้งด้านดีที่บางคนพบว่าเรือนจำใหม่ไม่แออัดเท่าเรือนจำเดิม และอาหารพอจะมีคุณภาพมากกว่า แต่ก็มีด้านที่ต้องเผชิญกับกฎระเบียบที่แตกต่างกัน เผชิญกับการปรับตัวใหม่ รวมทั้งปัญหาเรื่องการเยี่ยมและการส่งจดหมายสื่อสารกับบุคคลภายนอก ซึ่งนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับมาตรฐานของแต่ละเรือนจำของกรมราชทัณฑ์

.

ผู้ต้องขังการเมือง 16 ราย ย้ายเรือนจำไปคุมขังตามที่ต่าง ๆ แม้หลายคนคดียังไม่สิ้นสุด

ปัจจุบันมีผู้ต้องขังทางการเมืองถูกย้ายตากเรือนจำ เข้าไปคุมขังตามเรือนจำต่าง ๆ แบ่งเป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 8 ราย และคดีที่เกี่ยวเนื่องกับระเบิดในพื้นที่ชุมนุม อีกจำนวน 8 ราย ซึ่งถูกจำแนกไปยังเรือนจำต่าง ๆ รวม 4 เรือนจำ ได้แก่ เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา และเรือนจำพิเศษธนบุรี

  • เรือนจำกลางบางขวาง แบ่งเป็นผู้ต้องขังคดี ม.112 จำนวน 5 ราย และคดีที่เกี่ยวเนื่องกับระเบิด จำนวน 4 ราย ได้แก่ คเชนทร์, ขุนแผน, จักรี, วีรภาพ วงษ์สมาน, อัฐสิษฎ, พีรพงษ์, ก้อง อุกฤษฎ์, สถาพร และ บุ๊ค ธนายุทธ
  • เรือนจำกลางคลองเปรม แบ่งเป็นผู้ต้องขังคดีที่เกี่ยวเนื่องกับระเบิด จำนวน 4 ราย, คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำนวน 1 ราย ได้แก่ ขจรศักดิ์, ประวิตร, วีรวัฒน์, เมธี อมรวุฒิกุล และวิจิตร
  • เรือนจำพิเศษธนบุรี เป็นผู้ต้องขังคดีม.112 จำนวน 1 ราย ได้แก่ อนุชา
  • เรือนจำกลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นคดีของผู้ต้องขังคดี ม.112 จำนวน 1 ราย ได้แก่ ทีปกร 

ก่อนหน้านี้ทางเรือนจำมีความพยายามในการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยการย้ายตัวผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้ว ไปยังเรือนจำอื่นๆ ทั่วประเทศ อ้างอิงระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การคัดเลือกและย้ายนักโทษเด็ดขาดไปเรือนจำชั่วคราวและทัณฑสถานเปิด พ.ศ. 2564

เมื่อปี 2566 ศูนย์ทนายฯ พบว่ามีการย้ายตัวผู้ต้องขังทางการเมือง ได้แก่ กฤษณะ และ วรรณภา สองผู้ต้องขังในคดีสหพันธรัฐไท ซึ่งมีสถานะทางคดีสิ้นสุดแล้ว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ไปยังเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา และทัณฑสถานหญิงชลบุรี ตามลำดับ ซึ่งภายหลังทั้งสองคนได้รับพระราชทานอภัยโทษและถูกปล่อยตัวแล้วเมื่อปี 2567 

แต่การโยกย้ายครั้งนี้ เป็นนโยบายใหม่ของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องการเปลี่ยนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้เป็นเรือนจำสำหรับคุมขังระหว่างสืบสวนและพิจารณาคดี ซึ่งตามหลักถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์เนื่องจากยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา เรือนจำนำไปคุมขังรวมกับผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดแล้วเรื่อยมา 

แต่พบว่าการโยกย้ายนี้ ได้จัดแบ่งประเภทผู้ต้องขังที่อยู่ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นผู้ต้องขังในกลุ่มที่ถูกโยกย้ายไปด้วย ทั้งยังมีการย้ายผู้ต้องขังที่ถูกศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่มากนัก ไปยังเรือนจำที่ก่อนหน้านี้ใช้คุมขังผู้ต้องขังที่มีโทษหนัก อาทิ เรือนจำกลางคลองเปรม เคยถูกใช้รองรับผู้ต้องขังที่มีโทษจำคุกเกิน 15 ปี หรือ เรือนจำกลางบางขวาง ถูกเรียกว่าเป็นเรือนจำมหันตโทษ ใช้คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จนถึงโทษประหารชีวิต 

รวมทั้งการโยกย้ายครั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่ามีการเลือกผู้ต้องขังที่จะถูกโยกย้ายอย่างไร เมื่อผู้ต้องขังที่มีสถานะทางคดีลักษณะเดียวกัน บางคนถูกย้ายไป แต่บางคนไม่ได้ถูกย้าย โดยจากคำชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ ดูเหมือนจะมีการกำหนดจำนวนยอดที่จะโยกย้ายเอาไว้ และจัดแบ่่งผู้ต้องขังให้ครบตามยอด

.

จนถึงวันที่ 8 พ.ค. 2568 ผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำต่าง ๆ รวมทั้งหมด 16 คน มีรายละเอียดดังนี้

ลำดับชื่อ – สกุลคดี/ โทษสถานะคดีเรือนจำที่ถูกย้ายไป
1.ทีปกร (สงวนนามสกุล)คดี ม.112 ลงโทษจำคุก 3 ปี  คดีสิ้นสุดแล้วเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา
2.ขจรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) คดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 11 ปี 6 เดือนอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางคลองเปรม
3.คเชนทร์ (สงวนนามสกุล)คดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 11 ปี 6 เดือนอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางบางขวาง
4.เชน ชีวอบัญชา หรือ “ขุนแผน” คดี ม.112 – หมิ่นศาล ลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือนอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางบางขวาง
5.จักรี (สงวนนามสกุล)คดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 1 ปีตัดสินใจไม่ฎีกาคดีต่อ ทำให้รอคดีสิ้นสุดเรือนจำกลางบางขวาง
6.ประวิตร (สงวนนามสกุล)คดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 6 ปี 4 เดือนอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางคลองเปรม
7.วีรภาพ วงษ์สมานคดี ม.112 ลงโทษจำคุก 3 ปี อยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางบางขวาง
8.อัฐสิษฎ (สงวนนามสกุล)คดี ม.112 ลงโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือนอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางบางขวาง
9.“พีรพงศ์” (นามสมมติ)คดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 15 วันอยู่ระหว่างฎีกาเรือนจำกลางบางขวาง
10.อนุชา (สงวนนามสกุล)คดี ม.112 ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนคดีสิ้นสุดแล้วเรือนจำพิเศษธนบุรี
11.วีรวัฒน์ (สงวนนามสกุล)คดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือนคดีสิ้นสุดแล้วเรือนจำกลางคลองเปรม
12.เมธี อมรวุฒิกุลคดีครอบครองอาวุธปืน ลงโทษจำคุก 2 ปี คดีสิ้นสุดแล้วเรือนจำกลางคลองเปรม
13.“ก้อง” อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุลคดี ม.112 รวม 2 คดี 7 ปี 30 เดือนอยู่ระหว่างฎีกาเรือนจำกลางบางขวาง
14.สถาพร (สงวนนามสกุล)คดี ม.112 ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางบางขวาง
15.“บุ๊ค” ธนายุทธ ณ อยุธยาคดีครอบครองวัตถุระเบิด ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนคดีสิ้นสุดแล้วเรือนจำกลางบางขวาง
16.“วิจิตร” (นามสมมติ)คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลงโทษจำคุก 10 ปีอยู่ระหว่างอุทธรณ์เรือนจำกลางคลองเปรม
X