เมื่อวันที่ 4 และ 18 เม.ย. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “ตรัณ” (นามสมมติ) ผู้ประกอบอาชีพขับไรเดอร์วัย 25 ปี ที่กลายเป็นผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังถูกศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน จากกรณีคอมเมนต์ใต้ไลฟ์สดในเพจศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2564 โดยไม่ได้รับประกันตัวในระหว่างการฎีกา เป็นระยะเวลากว่า 22 วันแล้ว
คดีนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับทราบข้อมูลภายหลังศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โดยคดีเป็นสำนวนของ บก.ปอท. ตรัณได้ถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2565 เขาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยไม่ได้มีทนายความร่วมในการสอบสวนด้วย และในชั้นพิจารณาคดี
.
“ผมไม่เข้าใจ ผมไม่ได้ฆ่าคนตาย”: วันแรกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ทนายความเข้าเยี่ยมตรัณเป็นครั้งแรก ผ่านจอภาพ เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้ต้องขังใหม่กำลังถูกกักตัว ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้องที่มีจอภาพ ก็พบว่าอีกด้านหนึ่งตรัณได้มานั่งรอแล้ว เขาถูกตัดผมสั้น สวมใส่เสื้อยืดสีฟ้า และมีสีหน้าของคนที่มีความร้อนใจ และแสดงความกังวล
การสนทนาเริ่มต้นจากการสอบถามความเป็นอยู่ของตรัณ เขาระบายความครุ่นข้องใจทันทีว่า “ผมไม่อยากอยู่ที่นี้ครับ มันไม่มีอิสระ ผมอยากออกไปข้างนอก ผมเป็นห่วงครอบครัว และแฟนผมครับ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไรต่อไป”
ตรัณแสดงความกังวลเกี่ยวกับครอบครัวมากที่สุด เขาไม่ได้ทันตั้งตัว ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเข้ามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ “ผมไม่เข้าใจครับ ทำไมการที่ผมแค่คอมเมนต์แค่นั้น มันถึงทำให้ผมต้องมาติดคุก ผมไม่เข้าใจ ผมไม่ได้ฆ่าคนตายสักหน่อย”
เขาพูดย้ำต่อเหมือนสงสัยว่ามีความผิดพลาดที่ตรงไหนในกระบวนการ โดยบอกว่าแทบทุกครั้งที่มีนัดหมายคดีให้ไปรายงานตัว เขาก็ไปตามนัดหมายโดยตลอด เขาไม่เข้าใจว่าพฤติการณ์แบบนี้ทำไมศาลไม่นำมาพิจารณาบ้าง ตรัณพรั่งพรูความคิด ก่อนน้ำตาค่อย ๆ ไหลลงมา
“ตอนนี้ผมรู้สึกวิตกกังวลครับ ผมไม่อยากอยู่ที่นี้เลยแม้วินาทีเดียว ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน พวกเขาเปิดไฟทิ้งไว้ตลอด ผมนอนไม่หลับ ผมต้องใช้ผ้าปิดตาเพื่อช่วยให้สามารถนอนหลับได้” และทุก ๆ ครั้งที่ตื่นขึ้นมาอยู่ในนั้น ตรัณบอกว่าเขาคิดถึงครอบครัวตลอดว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
“แฟนผมเขาจะทำอย่างไรต่อสำหรับการขายของ (ขายยำในตลาด) เพราะในทุก ๆ วัน ตั้งแต่เช้า ผมจะพาแฟนไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด จากนั้นในช่วงบ่าย ๆ ก็จะเตรียมวัตถุดิบด้วยกัน และในช่วงเย็นก็จะต้องเดินทางจากบ้านไปที่ตลาดเพื่อตั้งแผงขายของ แฟนผมเขาเป็นคนตัวเล็กครับ สูงประมาณ 140-150 ซม. เขายกของไม่ไหว ปกติผมจะช่วยยกของหนักให้ แต่พอผมต้องมาอยู่ในนี้ แฟนผมเขาจะทำอย่างไรต่อไป”
ตรัณบอกว่า เขาเป็นเสาหลักของครอบครัวแฟนที่กินอยู่ด้วยกัน ส่วนใหญ่ในบ้านมีแต่คนสูงอายุทั้งนั้น เขามีคำถามอยู่ในหัวตลอดว่า เขาเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอำนาจหรือสามารถไปทำอะไรใครได้เลย การกระทำของเขาเป็นเพียงแค่คอมเมนต์เดียวเท่านั้น
นอกจากขายของกับแฟนแล้ว ตรัณยังมีอาชีพขับไรเดอร์ส่งอาหาร โดยหากบัญชีที่ทำงานไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน 14 วัน บัญชีเขาจะถูกระงับไป ทำให้เขากังวลเรื่องอาชีพของตนเองด้วย
“ผมไม่หนีไปที่ไหนหรอกครับ ผมไม่เคยทำพาสปอร์ตเลยด้วยซ้ำ” ตรัณบอก ก่อนแสดงความเห็นถึงมาตรา 112 ว่ามันมีปัญหาจริง ๆ มาตรานี้ควรแก้ให้ชัดเจนว่า “ใคร” บ้างที่มีอำนาจจะดำเนินการฟ้องในกฎหมายนี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะกลั่นแกล้งกัน โดยคดีของเขาเข้าใจว่าถูกกล่าวหาโดยกลุ่ม ศปปส. ซึ่งเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย
.
“สถานที่แห่งนี้อะไรที่คิดว่าไม่น่าจะมี แต่พวกเขาก็สามารถหามาได้” – ตรัณกับชีวิตในเรือนจำครึ่งเดือนแรก
วันที่ 18 เม.ย. 2568 ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ทนายความได้เข้าไปเยี่ยมตรัณอีกครั้ง เขาปรากฏตัวด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกัน
ตรัณเล่าว่าเขามีทีมฟุตบอลทีมโปรด ก็คือ “แมนยูฯ” จึงชวนกันพูดคุยเกี่ยวกับฟุตบอล “ผมจำไม่ได้แล้วว่าเริ่มดูบอลตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูบอล” เขากล่าว นอกจากนี้เขายังได้เริ่มเล่นฟุตบอลในเรือนจำอยู่บ้าง
ปัจจุบัน ตรัณถูกย้ายมาแดน 8 แล้ว เขาบอกว่าที่แดนนี้เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยก็มีฟูกนอนและผ้าห่ม 3 ผืน ส่วนผู้ต้องขังร่วมห้องก็ปฏิบัติตัวกับเขาเป็นอย่างดี ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น
ตรัณเล่าว่าที่แดน 8 มีการจัดสถานที่สำหรับกิจกรรมสงกรานต์ “ในนี้มีลูกโปร่งด้วยครับ ผู้ต้องขังจะเอาน้ำมาใส่ในลูกโปร่งแล้วปาใส่กันให้มันแตก ผมก็ไปยืนดู และยังมีกิจกรรมโชว์จากกลุ่มผู้ต้องขัง LGBTQ+ ด้วย”
เมื่อถามถึงกิจกรรมทั่วไป ตรัณเล่าว่าเขามักจะไปอยู่ที่ห้องสมุดเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีมังงะที่ตัวเองชื่นชอบพอให้ได้อ่านอยู่ในนี้บ้าง “ผมอ่าน Berserk ครับ และผมก็อ่าน One piece ด้วยครับ มังงะที่มีอยู่ในห้องสมุดมีไม่น้อยเลยครับ แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก อย่างน้อยที่ผมเจอในเวลานี้ ก็มีประมาณ 10 เรื่อง”
นอกจากเรื่องทั่ว ๆ ไป ก่อนบอกลากัน เขาเล่าเรื่องหนึ่งว่า เมื่อถึงเวลาต้องเข้าห้องนอนแล้ว เขาจะเตือนตัวเองว่า “อย่าหันไปทางหน้าต่าง”
“ผมเคยไปยืนมองหน้าต่างอยู่ครั้งหนึ่ง ในมุมที่ผมเห็นนั้น เห็นว่าผู้คนใช้ชีวิตกันตามปกติ รถขับไปมาบนท้องถนน ณ ขณะที่ได้มองไปนั้น ก็ทำให้ผมคิดว่า ก็ดูดิเขาอิสระขนาดนั้น
“ผมคิดซ้ำ ๆ อยากได้อิสระแบบนั้นบ้าง แต่ตัวผมประเมินแล้วตัวเองไม่มีภาวะที่จะฆ่าตัวตายหรืออะไรครับ เพราะผมจะคิดถึงครอบครัว และแฟนตลอด อีกทั้งถ้าผมจะมีอาการอะไรภายหลังจากออกจากเรือนจำ ก็คงไม่พ้นความวิตกกังวล และอาจจะมีอาการนอนไม่หลับมากกว่า เพราะทุกวันนี้ไฟของที่นี้ก็ไม่เคยดับเลย แม้แต่ในเวลาที่ผมหลับตานอน”
.