“ธนพร” ผู้ต้องขัง ม.112 ถูกส่งไปตรวจที่ รพ.ราชทัณฑ์ พบเป็น “ปลายประสาทอักเสบ” อาการดีขึ้น แต่ยังชาแขนถึงนิ้วมือ ยังต้องติดตามต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้าเยี่ยม ธนพร หรือ “พลอย” แม่ลูกอ่อนจากจังหวัดอุทัยธานีวัย 24 ปี และผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรีอีกครั้ง หลังจากเดือนก่อนหน้านี้  เธอเล่าถึงอาการชาที่ร่างกายซีกขวา และเล็บที่กลายเป็นสีม่วง โดยยังไม่ได้รับการรักษาจากเรือนจำ ก่อนจะมีการยื่นหนังสือต่อทางเรือนจำให้ดูแลอาการของธนพร

.

แพทย์วินิจฉัยเป็น “โรคปลายประสาทอักเสบ” ผ่านไปเกือบเดือน แม้อาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังชา และนิ้วยังเป็นสีม่วง 

พลอยเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า การปฏิบัติต่อเธอในเรือนจำเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดหลังจากมีการนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นไป โดยเจ้าหน้าที่พูดคุยด้วยดีขึ้น คอยถามไถ่ และให้ความสนใจต่อเธอมากขึ้น

ก่อนหน้านี้หลังเผยแพร่เรื่องสุขภาพของพลอย เธอได้รับการส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์อย่างรวดเร็ว ในครั้งแรกที่ไป เธอได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอ็กซเรย์ ตรวจเลือด และได้พบแพทย์สามคน เธอใช้คำว่า “ละเอียดมาก ๆ” เพราะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างแท้จริง

จากการตรวจของแพทย์ในตอนแรก พลอยได้ยาถึง 7 ชนิดมากิน (7 เม็ดที่แตกต่างกัน) เธอไม่แน่ใจว่าเป็นยาอะไรบ้าง รู้ว่ามีวิตามินบำรุงต่าง ๆ ด้วย เมื่อกินแล้วอาการดีขึ้นบ้าง

หลังจากการตรวจผ่านไปราวครึ่งเดือน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2568 พลอยได้รับการวินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็น “โรคปลายประสาทอักเสบ”  ขณะนี้ ยาหลายตัวที่เคยได้รับในช่วงแรก หมอให้รับประทานเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น เนื่องจากยาเหล่านั้นส่งผลต่อร่างกายมาก โดยช่วงที่เธอรับประทานจะรู้สึกมึนหัวอยู่ตลอด ปัจจุบันเธอได้รับวิตามินสำหรับบำรุงเส้นประสาทและต้องติดตามอาการต่อไป

สำหรับอาการของพลอยตอนนี้ เดิมทีเธอมีอาการเจ็บชาแขนถึงนิ้วมือทั้งสองข้าง 100% ตอนนี้ลดลง เธอระบุว่าเหลือประมาณ 80% ซึ่งก็เท่ากับว่าอาการยังไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมด

แม้จะยังไม่ดีขึ้นเต็มที่ แต่เธอบอกว่าขยับแขนได้ดีขึ้น และไม่รู้สึกชา ๆ ช็อต ๆ เหมือนเดือนก่อน ขณะที่ก่อนหน้านี้แทบจะยกของไม่ได้เลย แต่นิ้วมือของเธอยังคงเป็นสีม่วง ซึ่งมองด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ชัดว่าต่างจากคนปกติ โดยก่อนหน้านี้คิดว่ามีเพียงแขนข้างขวาที่มีอาการชารุนแรง แต่แท้จริงแล้วพลอยมีอาการชาที่แขนทั้งสองข้าง เพียงแต่ข้างขวาอาการหนักกว่า

พลอยเล่าเสริมว่า เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยรถกระบะที่ดัดแปลงเป็นตู้คุมขังด้านหลัง โดยปกติแล้ว ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ออกไป มักเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด  เธอถูกส่งไปตรวจสองครั้ง และเกือบจะได้ไปอีกครั้งหนึ่งเพื่อฟังผลตรวจ แต่เธอตัดสินใจไม่ไป เพราะกระบวนการเข้าออกเรือนจำมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เธอเลือกที่จะรอฟังผลอยู่ในเรือนจำแทน

.

ผู้ต้องขังแออัดขึ้น หลังการย้ายเรือนจำ — การส่งแว่นตาจากภายนอกได้รับการอนุมัติ

ช่วงนี้พลอยมีสุขภาพจิตดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เล่าว่าสภาพเรือนจำตอนนี้ กลับมาแออัดมากขึ้น เนื่องจากมีการย้ายนักโทษจากทัณฑสถานหญิงกลางเข้ามาคุมขังที่นี่เพิ่มขึ้น เป็นจำนวนหลายร้อยคน

นอกจากเรื่องสุขภาพ พลอยยังเล่าให้ฟังถึงเรื่องแว่นตาที่เธอได้รับจากเรือนจำ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองสายตาสั้น ทำให้เธอได้ลงทะเบียนตัดแว่นกับทางเรือนจำ  จนได้แว่นสายตามา แต่ใช้ไปได้ไม่ถึงเดือน แว่นก็ “พังไปแล้ว” และเพื่อนในเรือนจำที่ได้รับแว่นแบบเดียวกัน ก็บอกว่าแว่นของพวกเขาก็พังไปก่อนเธอเสียอีก 

ก่อนหน้านี้ พลอยต้องเผชิญกับความล่าช้าในการส่งคำร้องขอแว่นตาออกไปข้างนอก แต่ปัจจุบันทุกอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น เพราะเรือนจำเริ่มตระหนักถึงความกังวลของผู้ต้องขังและหลีกเลี่ยงการถูกร้องเรียน เมื่อไปติดตามคำร้องเรื่องแว่นของเธอหลังการเยี่ยม ก็ได้รับการอนุมัติในทันที ต่างจากช่วงก่อนที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือน

ทั้งนี้ ธนพรถูกคุมขังตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา มาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2567 ขณะนี้เธอถูกจองจำมาแล้วเกือบ 10 เดือน

.

ย้อนอ่านเรื่องราวของธนพร “อยากเป่าเค้กวันเกิดกับลูกอีกสักครั้ง”: คุยกับ “ธนพร” แม่ลูกอ่อน จำเลย ม.112 ในวันใกล้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

ดูคลิปวิดีโอ คุยกับ “ธนพร” แม่ลูกอ่อน ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112

.

X