วันนี้ (13 มี.ค. 2568) ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทนายความเข้าเยี่ยม “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ที่กำลังอดอาหารประท้วงในเรือนจำเป็นวันที่ 21 หลังจากศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดีมาตรา 112 กรณีปราศรัยในการชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ แม้จะยื่นขอประกันตัวไปแล้วถึง 15 ครั้ง
ขนุนได้รับแจ้งว่าพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) เวลา 09.00 น. โรงพยาบาลราชทัณฑ์จะส่งตัวเขาไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อทำการตรวจคลื่นหัวใจ หลังจากขนุนมีความรู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นช้าลงและหายใจไม่ค่อยอิ่ม ส่วนอาการโดยรวมพบว่ามีอาการกล้ามเนื้อชามากขึ้น และผิวหนังเริ่มลอก ส่วนน้ำหนักก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
.
ทนายความเข้าเยี่ยมขนุนในช่วงเช้าของวัน แต่ห้องเยี่ยมทนายที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์กลับเต็ม ทำให้ต้องเข้าเยี่ยมขนุนผ่านการโทรศัพท์ที่ห้องเยี่ยมญาติ
ขนุนนั่งอยู่บนรถเข็น ตัวเขาดูซูบผอมจมไปกลับเก้าอี้ผ้าใบรถเข็น และมีสีหน้าอิดโรย เมื่อยกหูโทรศัพท์พูดคุย เขารีบแจ้งว่าตอนนี้กินยาสองตัวนี้อยู่คือ ‘Clonazepam (โคลนาซีแพม)’ ซึ่งตัวนี้กินไป 2 เม็ด เมื่อคืนก่อนหน้า กับเมื่อคืนนี้ ส่วนยาอีกตัวหนึ่งคือ ‘Amitriptyline (อะมิทริปไทลิน)’ ซึ่งปกติยานี้จะใช้รักษาโรคซึมเศร้า แต่ถ้าใช้ในโดสที่ไม่สูงจะช่วยอาการปวดเรื้อรัง เมื่อคืนเขากินเข้าไป 1 เม็ด เขาพบว่าตัวเองรู้สึกมึน ๆ ถึงขนาดว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำถึงกับทรุดล้มลงบนรถเข็น ส่วนตอนนี้เหมือนรู้สึกมึน ๆ หัวตื้อ ๆ ไม่ค่อยสดชื่น หลับตาลงแล้วมีอาการบ้านหมุน ตอนนี้หมอให้เขาหยุดกินยาทั้ง 2 ชนิดนี้แล้ว
ขนุนเล่าว่าเขามีอาการกล้ามเนื้อชามากขึ้น แค่นั่งลงก็ชาแล้ว ก่อนหน้านี้นั่งนานสักพักถึงจะชา แต่ตอนนี้นั่งนิ่งก็จะมีอาการชาขึ้นมาทันที และผิวหนังยังเริ่มลอก พร้อมกับยื่นแขนบริเวณที่เวลาเจาะเลือดเสร็จจะแปะเทปห้ามเลือดไว้ ซึ่งทนายสังเกตว่าผิวหนังลอกเป็นขุย ๆ ดวง ๆ
‘ร่างกายน่าจะขาดวิตามินมากขึ้น’ ขนุนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ต่อมาขนุนอัปเดตสภาพร่างกายของตัวเขาว่า ตอนนี้เขามีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 64.05 กิโลกรัม (ในวันแรกที่เริ่มต้นอดอาหารเขาน้ำหนักประมาณ 73.3 กิโล เท่ากับว่าลดลงไป 9.25 กิโลแล้ว)
ปริมาณเม็ดเลือดขาว 4,680 (ตามเกณฑ์ 5,000 – 10,000), ค่าภูมิแพ้อยู่ที่ 7.9, ฟอสฟอรัส 4.8 (ตามเกณฑ์คือ 2.7 – 4.5), ค่าไตจากเดิม 0.94 ตอนนี้ขึ้นมาเป็น 1.0 (ค่าไตเพิ่มขึ้น แสดงว่าไตทำงานหนักขึ้น), โพแทสเซียม 3.6 (ตามเกณฑ์คือ 3.5 – 5) และค่าแมกนีเซียม 2.1 (ตามเกณฑ์คือ 1.7 – 2.5)
จากนั้นเขาอัปเดตอาการผื่นที่หน้าอกว่ายังคงมีอยู่ (ทนายสังเกตเห็นว่าผื่นยังคงขึ้นชัด และออกจะลามด้วยซ้ำ) เขาบอกว่ากินยาครบโดสแล้ว รู้สึกว่าผื่นเริ่มแห้ง รอหมอประเมินอีกครั้งว่าจะรักษาอย่างไรต่อ ส่วนอาการบวมที่โคนนิ้วก้อยซ้ายก็ยังคงบวมอยู่และมีอาการเจ็บจี๊ด ซึ่งขนุนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดจากอะไร
นอกจากนั้นมีพยาบาลเข้ามาแจ้งว่า พรุ่งนี้ (14 มี.ค.) ขนุนต้องออกไปตรวจคลื่นหัวใจ ที่ รพ. ธรรมศาสตร์ แล้วดูอาการอีกทีว่าจะได้แอดมิทหรือไม่ เบื้องต้นที่หมอ รพ.ราชทัณฑ์ ตรวจ (เป็นเครื่องมือปกติ) แล้วบอกว่าหัวใจฟังดูปกติดี แต่ขนุนมีความรู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นช้าลง และหายใจไม่ค่อยอิ่ม หมอก็เลยอยากจะให้ไปตรวจคลื่นหัวใจให้แน่ใจ
“ส่วนอาการร่างกายกระตุกยังคงมีอยู่ หมอบอกว่าเพราะกล้ามเนื้อหัวใจของผมค่อย ๆ ถูกย่อยสลาย ร่างกายก็เลยเกิดอาการกระตุก” ขนุนเล่าให้ทนายฟัง
.
สักพักหนึ่งห้องเยี่ยมทนายว่าง จึงได้ย้ายสถานที่พูดคุยกัน โดยทนายและครอบครัวเข้ามาก่อน สักพักหนึ่งขนุนถูกเข็นเข้ามา โดยผู้ช่วยพยาบาลต้องคอยประคองให้ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ เนื่องจากขนุนมีอาการเซ ประคองตัวนั่งแบบปกติไม่ได้แล้ว ต้องพิงผนังห้องเยี่ยม หรือพิงที่พักแขนขิงรถเข็น และปกติขนุนจะกอดขวดน้ำเล็ก ๆ ไว้ที่อก แต่วันนี้ดูไม่มีแรง จึงต้องวางขวดน้ำบนรถเข็นแนบกับตัวออกมา
ขนุนเล่าเรื่องน่ารัก ๆ เรื่องหนึ่งให้ฟังว่า เมื่อวานนี้หลังจากเยี่ยมญาติเสร็จ เขากลับขึ้นไปข้างบนและระหว่างที่นั่งอยู่ ก็มีผู้ช่วยพยาบาลมาถามว่าอยากจะไปห้องสมุดหรือไม่ อนุญาตให้ไป 5 คน แล้วขนุนก็ยกมือขอไปด้วย จากนั้นขนุนจึงถูกเข็นลงไปที่ชั้น 1 เป็นห้องสมุดของโครงการราชทัณฑ์ปันสุข มีพี่พยาบาลคอยเฝ้าดูแล ขนุนสังเกตว่าเขามีท่าทางดุ ๆ และคอยกำชับว่าต้องสวมหน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี ซึ่งขนุนใส่ถูกวิธีอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร
จากนั้นพยาบาลท่านนั้นถามว่าใครจะอ่านหนังสือหรือจะเล่นเกมส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยกมือเล่นเกมส์ พยาบาลมาถามขนุนว่ายืนขึ้นได้ไหม ขนุนตอบว่า “ผมยืนไม่ได้ ไม่มีแรง” พยาบาลถามต่อว่าขนุนป่วยเป็นอะไร ขนุนจึงตอบไปว่า “ผมอดอาหาร” แล้วพยาบาลก็ถามต่อว่าอดทำไม เขาก็อธิบายถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัดสินใจอดอาหาร พยาบาลคนนั้นก็มีท่าทีที่เหมือนสงสารขนุน และบอกว่าพี่ก็เคารพการตัดสินใจ แต่ก็เป็นห่วงสุขภาพ
ต่อมาก็มีกิจกรรมให้แนะนำตัว โดยให้บอกชื่อ และมาจากเรือนจำไหน โดยไม่ต้องบอกอายุ ไม่ต้องบอกคดีที่ทำให้เข้ามา พยาบาลให้เหตุผลว่าเพราะเข้ามาตรงนี้ก็เหมือนเป็นเพื่อนกัน และมีการเปิดวิดีทัศน์ให้ดู ซึ่งเป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่อง HIV พยาบาลให้ความรู้ว่าโรคนี้คนอื่นอาจจะมองว่าน่ารังเกียจ แต่ว่าแค่มองว่าเขาต้องกินยาทุกวันเพื่อต้านโรคนี้วันละเม็ด อย่าไปตีตราเขา
จากนั้นก็มีคนถามเกี่ยวกับเรื่องโรคไวรัสตับอักเสบ แกก็ตั้งคำถามว่ามีใครรู้จักโรคนี้ไหมว่าเกิดจากอะไร ซึ่งขนุนยกมือตอบบอกว่าเกิดจากสารคัดหลั่ง แกก็บอกให้คนอื่นตอบบ้าง ซึ่งวิดีทัศน์เรื่องโรคเหล่านี้เป็นของโรงบาลจุฬาฯ ขนุนมองว่ามันให้ความรู้ค่อนข้างดี
หลังจากนั้นขนุนก็สะท้อนว่าที่นี่ยังไม่ค่อยมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ซึ่งพอดี 1 ใน 5 คน ที่ลงมาพร้อมกับขนุนก็เป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วย พยาบาลเห็นด้วยว่าที่นี่ยังไม่มีการให้ความรู้หรือทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็อยากให้มีการเข้ามาให้ความรู้หรือปูพื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอยู่เหมือนกัน
พอตอนใกล้จะกลับ ขนุนขออนุญาตดูหนังสือในห้องสมุด พบว่าในห้องสมุดมีหนังสือหลากหลายหมวดทั้งเรื่องการท่องเที่ยว สารคดี และมีหมวดการเมืองด้วย ซึ่งหมวดการเมืองส่วนใหญ่เป็นหนังสือของมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ น่าจะเป็นของอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ แล้วก็มีหนังสือที่มาจากสำนักพิมพ์มติชน ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
“ผมยืมหนังสือมา 2 เล่ม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า เพราะว่ามันมีเรื่องเกี่ยวกับพม่า อีกเล่มหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับประเทศฟิลิปปินส์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเปลี่ยนผ่านมาเป็นประชาธิปไตย ในโซนนั้นมีหนังสือดี ๆ เยอะ
“พี่พยาบาลบอกว่าปกติจะไม่ค่อยให้ใครยืมเพราะบางทีผู้ป่วยออกไปก็ไม่เอามาคืน แต่เขาบอกว่าไม่ค่อยมีใครไปโซนหนังสือทางการเมือง เดี๋ยวจะอนุญาตให้ผมยืม ผมจึงรับปากว่าถ้าผมย้ายโรงพยาบาลก็จะให้ผู้ช่วยพยาบาลเอามาคืน ท่าทีพี่พยาบาลที่ดูดุ ๆ พูดเสียงแข็ง ๆ เขาดูใจดีกับผมขึ้น ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ารัก ๆ ของเมื่อวาน”
.
วันนี้ ขนุนยังฝากข้อความส่งถึงนิสิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) หลังจากทราบว่าองค์กรนิสิตของคณะ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวเเก่ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 รวมทั้งกล่าวถึงขนุนในฐานะศิษย์เก่าด้วย
ถึง ชาวสิงห์เงิน
คงเป็นอีกวันนึงที่บัณฑิตคนนี้ยังถูกจองจำโดยไม่ได้รับสิทธิ์ ไม่ได้มีโอกาสกลับไปชั้น 11 กลับไปงานเสวนา กลับไปในคลาสที่เพื่อน ๆ คณาจารย์ และพี่คณะ จัด
นานแค่ไหนแล้ว ที่ผมไม่ได้ไปก่อกวนหรือไปพูดคุย มันเป็นทั้งเวลาที่น่าจดจำตลอดสี่ปีที่เรียนมา และอีกหนึ่งปีที่ได้ก้าวไปสู่โลกภายนอกโลกแห่งการศึกษากว้างใหญ่
ทุกวันที่อยู่ในนี้มักมีข่าวสารเกี่ยวกับภาคถึงความเจริญงอกงามของความรู้ด้านวิชาการและความสดใหม่ของเนื้อหา เสียดายที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานั้น
ผมหวังเพียงได้ออกไปได้กลับไปหาอาจารย์ และเพื่อน ๆ ทุกคนในภาค ไม่ว่าจะรุ่นไหน ขอบคุณที่ตระหนักถึงคุณค่าของอิสรภาพ เราคนนี้จะอดทน จนกว่าเราจะได้พบกันใหม่
ป.ล. อยากกลับไปกินช็อคสติ๊กของ มศว. มาก ๆ เลย
ขนุน สิรภพ
13 มีนาคม 2568
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
จากคณาจารย์ถึง ‘ขนุน’: “อยากให้เขาได้รับโอกาสในการเรียนต่อ เขาไม่ควรเสียโอกาสไปแบบนี้”
รู้ว่ายาก แต่อยากเคียงข้าง “ขนุน”: เมื่อ ม.112 ทำคนชิดใกล้ ให้ไกลห่าง