เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ “ครูใหญ่” ในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีการปราศรัยในการชุมนุมทางการเมืองบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2563
คดีนี้มี “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต สส. จังหวัดราชบุรี จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้กล่าวหาอรรถพลไว้ที่ สน.ลุมพินี และเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566 อรรถพลได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ต่อมาตำรวจได้ส่งสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2567 และอัยการใช้เวลาราว 10 เดือน ได้มีคำสั่งฟ้องคดี
อัยการสั่งฟ้องเห็นว่าจำเลยปราศรัยเกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ทำให้เข้าใจว่า ร.10 เข้าไปยุ่งเกี่ยว
เวลา 13.00 น. โกวิท จงจิต พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นผู้เรียงฟ้องคดีนี้ คำฟ้องมีเนื้อหาโดยสรุปว่าเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2563 จำเลยได้กล่าวข้อความ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความ อาฆาตมาดร้ายรัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน ในระหว่างการชุมนุมสาธารณะ บริเวณแยกราชประสงค์
อัยการบรรยายฟ้องอ้างว่าคำปราศรัยดังกล่าวเป็นความเท็จ เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 และ 2561 คำกล่าวของจำเลยที่ได้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์และการปกครองพระสงฆ์ เมื่อบุคคลที่สามได้ฟัง ย่อมทำให้ผู้ฟังและผู้ที่ทราบข้อความนั้นเข้าใจได้ว่า รัชกาลที่ 10 ทรงเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง แต่งตั้ง สั่งการ หรือแก้ไขบุคคลที่จะเป็นพระสังฆราช พระราชาคณะและมหาเถรสมาคม ยุ่งเกี่ยวกับการปกครองพระสงฆ์
คำฟ้องอ้างว่า แท้จริงแล้วสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ ที่พระมหากษัตริย์ทรงถวาย เป็นเพียงการถวายตำแหน่งทางการปกครองแก่พระสงฆ์เท่านั้น อันเป็นการปฏิบัติสืบทอดกันมาตามโบราณประเพณี ส่วนการปกครองพระสงฆ์นั้นเป็นเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่จะปกครองกันเอง ไม่ใช่เป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์เข้าไปก้าวก่ายปกครองพระสงฆ์
อัยการอ้างว่า คำกล่าวดังกล่าวสื่อให้ผู้ที่รับฟังเข้าใจว่ามิได้ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ อันเป็นการใส่ความ หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังอย่างร้ายแรง
อัยการบรรยายท้ายฟ้อง เรื่องการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณา ว่าโจทก์ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล
เวลาประมาณ 16.30 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี โดยใช้หลักประกันเป็นเงินสด 200,000 บาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีในวันที่ 3 มี.ค. 2568 เวลา 13.30 น.
ทั้งนี้ ในการแจ้งข้อกล่าวหาชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนระบุถึงพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2563 เวลาประมาณ 1.00 น. ขณะที่ปารีณา ไกรคุปต์ ได้เปิดดูสื่อสังคมออนไลน์ พบการปราศรัยของอรรถพลในการชุมนุมทางการเมืองบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2563 เวลาประมาณ 16.00 – 20.23 น. จึงได้มากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม ให้ดำเนินคดีกับอรรถพล
สำหรับการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2563 บริเวณแยกราชประสงค์ เป็นการชุมนุมหลังจากที่ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ได้รับการประกันตัวจากคดีชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร ทำให้มีการนัดหมายชุมนุเพื่อยืนยันข้อเรียกร้องของราษฎร
อรรถพล ถูกกล่าวหาคดีมาตรา 112 คดีนี้ นับเป็นคดีที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ เขาถูกกล่าวหาในคดีร่วมปราศรัยในการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบพยาน และการปราศรัยในกิจกรรมหน้า สภ.ภูเขียว เรียกร้องให้ตำรวจขอโทษจากการคุกคามนักเรียน กรณีจัดค่าย “ราษฎรออนทัวร์” เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ซึ่งศาลจังหวัดภูเขียวได้พิพากษาว่ามีความผิดและลงโทษจำคุก 3 ปี อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา
.
ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์
สนทนาหลายช่วงเวลาชีวิต “ครูใหญ่” จำเลย ‘112’ ปราศรัยจำกัดงบกษัตริย์ฯ