ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษ “จักรี” คดีพกระเบิดปิงปองม็อบดินแดง ลดเหลือจำคุก 1 ปี ก่อนส่งขัง รอศาลสูงสั่งประกัน

วันที่ 15 ม.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีของ จักรี (สงวนสกุล) อดีตทหารปลดประจำการวัย 36 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหามีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จากกรณีเข้าร่วมม็อบทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2564

คดีนี้ จักรีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง จับกุม ในวันที่ 16 ก.ย. 2564 พร้อมระเบิดปิงปองจำนวน 6 ลูก ชั้นจับกุมและสอบสวนจักรีให้การรับสารภาพ และถูกฝากขังรวม 84 วัน โดยศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกัน ก่อนได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2564 เนื่องจากครบกำหนดฝากขัง แต่อัยการยังไม่ได้ยื่นฟ้อง ก่อนที่อัยการจะยื่นฟ้องในอีก 1 เดือนต่อมา อย่างไรก็ตาม ในชั้นพิจารณาศาลอนุญาตให้ประกันจักรีโดยเรียกหลักประกันเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท 

ต่อมา เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ด้วยหลักประกันเป็นเงิน 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แก้โทษจำคุกจากเดิม 4 ปี เหลือ 2 ปี ก่อนลดกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 

ณ ห้องพิจารณาคดี 608 เวลาประมาณ 09.50 น. ผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ มีใจความโดยสรุปดังนี้ 

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า โทษจำคุกของจำเลยสมควรให้รอการลงโทษหรือไม่ ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ในคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรง แม้ว่าจำเลยจะไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน แต่ก็ไม่เพียงพอให้เป็นเหตุให้รอการลงโทษไว้ ส่วนนี้ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า โทษจำคุกไม่ควรให้รอการลงโทษ

ต่อมา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงพฤติการณ์ของจำเลยในคดีนี้ ซึ่งเห็นว่ายังมีข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกันอยู่ โดยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คุมประพฤติได้ความว่า จำเลยได้ทำกิจกรรมทางการเมืองและระหว่างการชุมนุมได้เก็บระเบิดปิงปองขึ้นมา ซึ่งอยู่ในสภาพใช้ทำการระเบิดได้ด้วยการขว้าง ปา หรือกระทบ และเมื่อระเบิดขึ้นสามารถทำอันตรายต่อร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บ หากถูกอวัยวะสำคัญอาจทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้จากเจ้าพนักงานคุมประพฤติ

ส่วนข้อมูลจากจำเลยนั้นได้ความว่า ในวันเกิดเหตุมีการชุมนุมที่ดินแดงเป็นการทำกิจกรรมทางการเมืองจำเลยบังเอิญได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปในบริเวณการชุมนุม และเห็นระเบิดปิงปองตกอยู่ที่พื้นถนน จำเลยจึงเข้าไปเก็บเพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับผู้อื่น เป็นเหตุให้ต่อมาจำเลยถูกทำร้ายในที่ชุมนุม และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุในที่สุด 

ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นบางส่วน และอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน จึงพิพากษาแก้โทษเป็น ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี โดยไม่ให้รอการลงโทษเช่นเดิม 

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาจบ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เดินเข้ามาใส่กุญแจมือจำเลย และควบคุมตัวไปยังห้องขังใต้ถุนศาลระหว่างรอฟังผลการยื่นประกันตัวในชั้นฎีกา

ปัจจุบันจักรีอายุ 36 ปี (ขณะเกิดเหตุอายุ 33 ปี) เขาต้องทำงานรับผิดชอบดูแลครอบครัวที่มีกว่า 3 ชีวิต ทั้งแม่ แฟน และลูกติดของแฟนวัย 10 ขวบเศษ จักรีบอกด้วยว่า เดือนมกราคมนี้คือเดือนสุดท้ายของการฝึกทดลองงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หากได้รับการประเมินว่าผ่านการทดลองงาน ในเดือนถัดไปเขาจะรับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ จะมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น และมีความมั่นคงทางอาชีพ 

ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 16.50 น. ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ศาลสูงพิจารณา ทำให้จักรีต้องถูกส่งตัวไปขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างรอฟังคำสั่ง หากศาลสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวชั้นฎีกา จักรีอาจจะต้องถูกคุมขังต่อไปเป็นระยะเวลาอีก 9 เดือนเศษจึงจะครบตามกำหนดโทษ 1 ปีของศาลอุทธรณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้จักรีถูกขังในชั้นสอบสวนมาแล้ว 84 วัน 

การที่ศาลอาญาไม่สั่งคำร้องขอประกันจักรี รวมทั้งสถาพรและจิรัชยาซึ่งฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นในวันนี้ ทำให้ล่าสุดมีจำนวนผู้ต้องขังทางการเมืองรวมถึง 42 คนแล้ว 

*อัปเดต หลังจากคำร้องขอปล่อยชั่วคราวถูกส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาสั่ง ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยระบุคำสั่งว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยอาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา” คำสั่งดังกล่าวเป็นผลให้จักรียังคงถูกคุมขังในเรือนจำต่อไป

X