แจกเอกสารคดี 112 ม็อบแฮรี่ พอตเตอร์ ‘อานนท์ นำภา’ ประกอบงานเสวนา “ถ้าใครพูด จะจับขังให้หมด” เพื่อให้คดีความมั่นคงเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 เวลา 17.00 น. ที่ห้องประชุมจี๊ด เศรษฐบุตร (LT.1) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดงานเสวนา “ถ้าใครพูด จะจับขังให้หมด” เสวนาจากห้องพิจารณาคดีลับ และความเป็นกลางของผู้พิพากษา (ย้อนดูคลิป)

ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย กฤษฎางค์ นุตจรัส, จันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ทนายความเครือข่าย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, รศ.สาวตรี สุขศรี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี จีรนุช เปรมชัยพร ที่ปรึกษาเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ และอดีต ผอ.สำนักข่าวประชาไท เป็นผู้ดำเนินรายการ 

การเสวนาครั้งนี้มีขึ้นโดยมีเหตุสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2567 ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ในคดีมาตรา 112 ของ “อานนท์ นำภา” ทนายความสิทธิมนุษยชน กรณีปราศรัยในม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมของอานนท์หลายประการ อาทิ ศาลยืนยันไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญที่ฝ่ายจำเลยต้องการใช้ถามค้านพยานโจทก์ โดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 6, ออกคำสั่งให้พิจารณาคดีโดยลับ โดยไม่ปรากฏเหตุตามกฎหมาย อีกทั้งเมื่อทนายจำเลยยืนยันไม่ถามค้าน เนื่องจากศาลไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญ ศาลก็ถือว่าไม่ติดใจถามค้าน และสั่งให้ทนายจำเลยนำพยานจำเลยเข้าสืบต่อในวันถัดไปโดยไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี 

นอกจากนี้ ในวันที่ 28 พ.ย. 2567 ผู้พิพากษาคนเดิมยังออกข้อกำหนดห้ามนำข้อมูลในห้องพิจารณาคดีไปเผยแพร่ ให้งดสืบพยานจำเลย และนัดวันฟังคำพิพากษาทันทีในวันที่ 19 ธ.ค. 2567 เหตุการณ์ดังกล่าวนำมาสู่การตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมไทยถึงสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมของจำเลยโดยเฉพาะในคดีมาตรา 112 ตลอดจนความเป็นกลางของผู้พิพากษา 

จึงเป็นเหตุให้จัดวงเสวนาเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง เล่าประสบการณ์ทำงานในห้องพิจารณาคดีลับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกระบวนการพิจารณาคดีลับ และความเป็นกลางของผู้พิพากษา ในคดีเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะคดีมาตรา ม112 ของ “อานนท์ นำภา” จากกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในหลักการทางกฎหมาย 

อีกทั้งเป็นการนำเสนอข้อเสนอแนะต่อการพัฒนากระบวนการยุติธรรมมีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการคัดกรองอคติของผู้พิพากษาที่จะทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีมาตรา 112 เพื่อเป็นหลักประกันว่าจำเลยจะได้รับการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยและเป็นธรรม โดยผู้พิพากษาที่ปราศจากอคติ เพื่อการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมอันพึงมี

อ่าน รายงานการเสวนา “ถ้าใครพูด จะจับขังให้หมด” จากห้องพิจารณาคดีลับ และความเป็นกลางของผู้พิพากษา ในคดี 112 ของ “อานนท์”

อย่างไรก็ตาม วงเสวนา “ถ้าใครพูด จะจับขังให้หมด” เสวนาจากห้องพิจารณาคดีลับ และความเป็นกลางของผู้พิพากษา ได้มีเอกสารแจกฟรีสำหรับผู้เข้าร่วมงานและประชาชนทั่วไป เพื่ออ่านและศึกษาทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงของการถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ของอานนท์ นำภา กรณีปราศรัยในปราศรัยข้อเสนอแนะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ เมื่อปี 2563 และการต่อสู้ของทนายจำเลยที่เกิดขึ้นหลังถูกออกคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้โดยลับ 

และเพื่อเป็นหลักยืนยันว่าคดีความในหมวดความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ที่เกิดจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมือง อย่างในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ และเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาว่ากระบวนพิจารณาในคดีนั้นเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ รวมถึงสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจของตุลาการในฐานะผู้ควบคุมการดำเนินคดีและวิธีการปฏิบัติต่อคู่ความ

ฐานข้อมูลคดี คดี 112 “อานนท์” ปราศรัยข้อเสนอแนะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์

X