วันที่ 16 ธ.ค. 2567 ทนายความเข้าเยี่ยม “อัญชัญ” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นการพบกันอีกครั้งหลังผ่านพ้นวันเกิดอายุครบ 69 ปี ของเธอไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว สำหรับผู้ต้องขังสูงวัยนอกจากความเหนื่อยล้าจากการถูกคุมขัง เรื่องสุขภาพฟันยังเป็นปัญหามาก การที่ฟันของเธอหลุดไปหลายซี่ยิ่งส่งผลต่อสุขภาพอย่างอื่นโดยตรงเพราะทานอาหารได้น้อยลง ส่วนเรื่องสุขภาพจิตการได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ และฝึกฝนด้านโหราศาสตร์ก็ช่วยให้ชีวิตข้างในผ่อนคลายความเครียดไปได้เหมือนกัน
กับช่วงส่งท้ายปี วันคืนกำลังจะผ่านพ้นไปอีกปี ป้าอัญชัญยังคงเฝ้ารอเวลาที่จะได้ออกไป แต่ความรู้สึกลึก ๆ จากที่เคยเห็นคนค่อย ๆ ออกไป กลับกลายเป็นมีแต่คนเข้ามาเพิ่มในเรือนจำ ถึงอย่างไรเธอก็กล่าวอย่างคนเข้าใจและผ่านชีวิตมานานว่า “เราก็ต้องอยู่ให้ได้ ทำใจกับมัน”
_______________
ภาพแรกที่เห็นป้าอัญชัญในชุดเรือนจำอันคุ้นเคย เสื้อสีฟ้าคลุมด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำเงินเข้ม ผมเริ่มหงอกที่โคน ใต้หน้ากากอนามัยมีรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับเศร้าหมอง ทั้งยังดูอิดโรยและเหนื่อยล้าอยู่บ้าง
วันนี้เป็นวันที่ป้าถอดแมสก์ให้ดูเป็นครั้งแรก เผยให้เห็นสภาพฟันที่ทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย ฟันล่างด้านหน้าของป้าเหลือ 4 ซี่ ในขณะที่ฟันบนหักเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่ซี่ ทนายตกใจมาก เพราะป้าไม่เคยเปิดแมสก์ให้ดูมาก่อน ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เธอบอกว่าสุขภาพฟันแย่ ก็ไม่รู้ว่าแย่ขนาดไหน จนมาเห็นของจริงที่แย่กว่าที่คิด
ป้าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ว่าอาย ก็เลยไม่อยากถอดหน้ากากอนามัย “ฟันกรามข้างขวาของป้าหายไปหมดแล้วลูก ตั้งแต่เข้าคุกได้ 2 เดือน” ป้าพูดพลางดุนลิ้นให้ดู “เหมือนป้าเคี้ยวข้าวแล้วมันหลุด แล้วก็ไม่ได้ออกไปทำใหม่เลย ใช้ฟันปลอมชุดเดิมมาตลอด หนูดูสิ มันเก่ามากแล้วลูก” ป้าอัญชัญยิงฟันให้ดู
“ไปหาหมอ หมอก็จะถอนอย่างเดียว ป้าไม่อยากถอนแล้วลูก อยากเหลือฟันไว้กินข้าวอยู่” ป้าพูดพลางหัวเราะ
ก่อนระบายความรู้สึกว่า พออายุมาก เรื่องสุขภาพฟันและช่องปากเป็นปัญหามาก พอฟันไม่ดีก็จะเคี้ยวข้าวไม่ได้ พอกินไม่ค่อยได้ก็กระทบหลายอย่าง สุขภาพแย่ลง จึงอยากกลับบ้านไปทำฟัน ยิ่งเวลาปวดฟัน ยิ่งทรมานมาก เท่าที่คิดวิธีรักษาเบื้องต้นในนั้นคือต้องเอาสารส้มที่ทารักแร้มาทุบ ผสมกับเกลือ เอามาแปรงฟันอีกรอบหลังแปรงฟันเสร็จ “มันก็ทุเลาขึ้นมาหน่อย แต่ยังไม่หาย” ระหว่างพูดป้าก็ไอไปด้วย
ขณะที่สุขภาพเรื่องอื่น ๆ โดยรวมยังคงเหมือนเดิม “ป้าพยายามสวดมนต์ นั่งสมาธิ จะได้ไม่ต้องคิดมาก แต่บางครั้งก็คิดไปสารพัด ออกไปแล้วจะเป็นยังไง” เธอเล่าถึงความกังวลเรื่องใหญ่ ยังเป็นเรื่องเงินบำนาญ “ป้าสู้เรื่องเงินเกษียณกับ กปพ. (กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ) มา 2 ปีแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า เขายังไม่ตอบกลับมาสักที ว่าป้ามีสิทธิจะได้รับผลจากความทุ่มเททำงานราชการมากกว่า 30 ปีหรือเปล่า สำหรับป้าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามีเงินก้อนนี้ตอนออกไปก็จะได้เบาใจ ว่าจะไม่ลำบากและตั้งต้นชีวิตได้อีกครั้ง”
ส่วนความสุขเล็ก ๆ ของป้าในเรือนจำยังคงเป็นการศึกษาโหราศาสตร์ เมื่อชวนคุยเรื่องนี้ แววตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที “นอกจากผู้ต้องขังด้วยกัน ก็มีผู้คุมมาให้ป้าดูดวงให้ด้วยนะ (หัวเราะ)” แต่เท่าที่ป้าค้นหาในเรือนจำไม่มีหนังสือโหราศาสตร์เลย แม้ไปตามหาหนังสือที่ห้องสมุดเกือบทุกวัน จึงอยากได้หนังสือใหม่ ๆ ไว้บ้าง เพราะไม่งั้นความรู้จะไม่คืบหน้า วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมที่รู้อยู่แล้ว ก่อนกล่าวย้ำว่าอยากให้บริจาคกันเข้ามาให้ห้องสมุดเรือนจำ
บทสนทนาเล่ากันอีกว่า ช่วงเยี่ยมญาติวันก่อน ป้าได้เจอ “มานี” ผู้ต้องขังคดี 112 อีกราย มานีเข้ามาพูดคุยด้วย บอกว่าเธอโดนตัดสินคดี 112 มา ป้าอัญชัญเลยเล่าจำนวนโทษที่ตัวเองได้รับให้มานีฟังบ้าง
ป้ายังพูดเรื่องอาหารในเรือนจำต่อ “ข้าวของแพงมาก แบบมาก ๆ ปริมาณไม่สมราคาที่จ่าย” ป้ายังพูดถึงอาหารพิเศษในช่วงเทศกาลนี้ “ในเรือนจำจะมีการจดยอดอาหารพิเศษที่จะกินช่วงปีใหม่ อย่างเคเอฟซีกระป๋องใหญ่ น่าจะ 320 บาท มีไก่กี่ชิ้นไม่รู้ ป้าไม่อยากกินอะไรหรอกลูก ฟันไม่ค่อยดี (หัวเราะ) แต่ถ้ามีคนซื้อของให้ ป้าก็จะเอาไปแบ่งผู้ต้องขังคนอื่น ๆ”
ในช่วงเดือนธันวาคม อันหมายถึงเวลากำลังจะผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปี คนข้างในอย่างป้าก็ยิ่งรู้สึกห่อเหี่ยว “แป๊บ ๆ ก็จะปีใหม่อีกละ ปีแล้วปีเล่า ป้าก็ยังไม่ได้ออกเลย” เมื่อก่อนมองคนอื่นกลับบ้านกัน แต่ตอนนี้มีแต่คนเข้า ก็แออัดลำบากขึ้น เคยนอนห้อง 5 คน ก็เป็น 6 คน “เราก็ต้องอยู่ให้ได้ ทำใจกับมัน”
ทนายยังแจ้งข่าวสารว่าสัปดาห์ที่แล้วมีการตัดสินโทษจำคุกคดี 112 เพิ่มอีก 1 คน คือ “แอมป์ ณวรรษ” และเขาไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกา อัญชัญจึงฝากกำลังใจให้แอมป์ด้วย
ป้าบอกว่า ได้ส่งจดหมายให้โครงการ Freedom bridge ฉบับหนึ่ง ฝากบอกว่าขอบคุณที่ไม่ทิ้งผู้ต้องขังทางเมือง ป้ายังสอบถามข่าวสารภายนอก เช่น การเคลื่อนไหวสนับสนุนการนิรโทษกรรม รวมคดี 112 ที่หน้าสภา เมื่อทนายนำรูปกิจกรรมให้ดู เธออ่านข่าวและชี้ป้ายที่มีภาพหน้าตัวเองด้วยอย่างดีใจ แววตาดูสดใสขึ้น
ทนายบอกอีกว่าหลายกิจกรรมทางการเมืองจะมีคนชูรูปของเธอ ไม่มีใครลืมเลย ก่อนเอารูปแฟนอาร์ตผู้ต้องขังให้ป้าดู ป้ายิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นหน้าตัวเอง เมื่อให้ป้าดูรูปจนหมดแล้ว ป้าก็ยกนิ้วโป้งให้ทั้ง 2 นิ้ว ก่อนจากกันฝากบอกทุกคนว่า “ขอบคุณมากค่ะ ป้าเห็นด้วยว่านิรโทษกรรมต้องรวม ม.112 ด้วย มันคดีการเมืองชัด ๆ เลย”
จนถึงปัจจุบัน (18 ธ.ค. 2567) อัญชัญถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางมาแล้ว 3 ปี กับ 10 เดือน 28 วัน ก่อนหน้านั้นเธอถูกคุมขังระหว่างสอบสวนและพิจารณาคดีมาแล้ว 3 ปี 9 เดือน 3 วัน รวมเธอถูกขังมาเกือบ 8 ปีแล้ว จากโทษจำคุกเต็มของเธอคือประมาณ 43 ปี 6 เดือน
ในช่วงก่อนหน้านี้ อัญชัญได้ลดหย่อนโทษลง 2 ครั้ง จากการอภัยโทษในโอกาสสำคัญ แต่ไม่ได้ประโยชน์ใดจาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เธอยังคงมีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 24 ก.ย. 2574 หรืออีกเกือบ 7 ปีข้างหน้า ถึงวันนั้นเธอจะอายุเกือบ 76 ปีแล้ว
.
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
บันทึกเยี่ยม “อัญชัญ”: ครบวันเกิดอายุ 69 ปีในเรือนจำ ยังไม่ทิ้งความหวังได้ใช้ชีวิตที่มีอิสรภาพ