ลูกน้อยพรากแม่ พลัดพ่อ
23 คนถูกขังหลัก ‘ร้อยวัน’ รอสิทธิประกัน
คดี 112 บางคนอาจต้องย้ายเรือนจำด้วยโทษจำคุกรวมเกิน 15 ปี
ในเรือนจำยังมีคนถูกคุมขัง อย่างน้อย 43 คน เป็นคดีมาตรา 112 เกินกว่าครึ่งถึง 25 คน
สถานการณ์ผู้ต้องขังคดีการเมือง 2 เดือนที่ผ่านมา ในช่วงปลายเดือน เม.ย. จนถึงปัจจุบัน (4 ก.ค.) มีคนถูกขังเพิ่มอีก 6 คน ได้ประกันตัวแล้ว 4 คน ได้ปล่อยตัวเพราะครบกำหนดโทษแล้วอีก 1 คน
ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลัง “บุ้ง – เนติพร” เสียชีวิตในวันที่ 14 พ.ค. ระหว่างการควบคุมตัวของราชทัณฑ์ ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนศาลจึงคืนสิทธิประกันตัวให้ “ตะวัน” ทานตะวัน และ “แฟรงค์” ณัฐนนท์ ซึ่งเคยอดอาหารประท้วงในเรือนจำในเวลาไล่เลี่ยกับบุ้ง ส่วนผู้ต้องขังเดิมคนอื่นศาลยังยืนยันคำสั่ง ‘ไม่ให้ประกัน’ หนำซ้ำยังมีคนถูกขังเพิ่มอีก หนึ่งในนั้น คือ ‘ธนพร’ แม่ลูกอ่อนสอง วัย 7 เดือน และ 2 ขวบ ในคดี ม.112 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 2 ปี
ในเดือนมิถุนายนมีคนถูกขังเพิ่ม 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นคดีมาตรา 112 คือ “สวัสดิ์” ซึ่งได้ประกันตัวแล้วหลังถูกขังระหว่างพิจารณาคดีเข้าสู่วันที่ 7 นอกจากนั้นยังไม่มีใครได้ประกันตัวอีก และในต้นเดือนกรกฎาคม “แอมป์ – ณวรรษ” ถูกขังในคดี ม.112 เนื่องจากเดินทางไปศาลล่าช้าในนัดตรวจพยานหลักฐาน ศาลจึงออกหมายจับ หลังถูกขังรวม 3 วัน ศาลก็ได้ให้ประกันตัวแล้ว
ด้านความเป็นอยู่ในเรือนจำ “ขนุน” สิรภพ และเพื่อนแดน 6 ที่เคยเผชิญเหตุถูกข่มขู่และคุกคามจากผู้ต้องขังร่วมแดนเดียวกันเพราะแสดงออกทางการเมืองนั้น ภายหลังมีการยื่นคำร้องต่อเรือนจำและมีการเรียกร้องหลายครั้งจากภาคประชาสังคมต่อทั้งกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมเป็นระยะเวลานานนับเดือนเศษ พวกเขาถูกย้ายตัวไปอยู่ที่แดน 4 แล้ว
และในช่วงเดือน ก.ค. นี้มีผู้ต้องขังคดีการเมืองหลายคนยังต้องถูกเบิกตัวไปศาลเพื่อร่วมนัดหมายคดีที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นนัดสืบพยานหรือฟังคำพิพากษาก็ตามแต่ อาทิ “เก็ท” โสภณ, “ธี” ถิรนัย, “มายด์” ชัยพร, ภูมิ หัวลำโพง, อานนท์ และชินวัตร เป็นต้น นั่นทำให้ “อานนท์” และ “ชินวัตร” มีโอกาสถูกย้ายตัวไปเรือนจำกลางคลองเปรมหากว่าคดีอื่น ๆ ศาลยังพิพากษาจำคุกเพิ่มอีกและมีโทษจำคุกรวมทั้งหมดมากกว่า 15 ปีขึ้นไป
ผู้ต้องขังระหว่างสู้คดี: 23 คน
- คดีมาตรา 112 จำนวน 16 คน
- คดีอื่น ๆ จำนวน 7 คน
ผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดแล้ว: 18 คน
- คดีมาตรา 112 จำนวน 8 คน
- คดีอื่น ๆ จำนวน 10 คน
คดีเยาวชนถูกควบคุมตัวแทนคำพิพากษา: 2 คน
- คดีมาตรา 112 จำนวน 1 คน
- คดีอื่น ๆ จำนวน 1 คน
สถานการณ์ 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
- ผู้ต้องขังระหว่างสู้คดี: เสียชีวิต 1 คน ถูกขังเพิ่ม 4 คน ได้ปล่อยตัว 5 คน
เสียชีวิต – ในวันที่ 14 พ.ค. “บุ้ง” เนติพร เสียชีวิตระหว่างการถูกควบคุมตัวของราชทัณฑ์ในคดีมาตรา 112 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 110 วัน และก่อนหน้าเสียชีวิตเธอยังได้อดอาหารประท้วงอยู่เป็นระยะหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและเรียกร้องไม่ให้คุมขังผู้เห็นต่างทางการเมืองอีกต่อไป
เบื้องต้นแพทย์นิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตในหนังสือรับรองการตายว่าบุ้งเสียชีวิตด้วย 3 สาเหตุหลักด้วยกัน ได้แก่ ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ และอาการหัวใจโต อย่างไรก็ตามจะมีการไต่สวนการเสียชีวิตการตายในชั้นศาลต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
นับตั้งแต่บุ้งเสียชีวิต ทนายความและประชาชนได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการให้การรักษาและมาตรฐานการกู้ชีพของ รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้บุ้งมีโอกาสรอดชีวิตน้อยลงหรือไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย ไม่ว่าจะเป็นการสอดท่อช่วยหายใจที่ผิดตำแหน่ง การกู้ชีพที่ล่าช้าและซับซ้อน เป็นต้น ซึ่งจนถึงปัจจุบัน รพ.ราชทัณฑ์ยังให้เอกสารประวัติการรักษา 5 วันก่อนบุ้งเสียชีวิตกับทนายความยังไม่ครบถ้วนตามที่ร้องขอ รวมถึงทนายความและญาติยังคงไม่ได้ดูวิดีโอกล้องวงจรปิดในนาทีที่บุ้งเสียชีวิตอีกด้วย
1.1 มีคนถูกขังเพิ่ม อย่างน้อย 4 คน แต่ทั้งหมดได้ประกันตัวแล้ว
ในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. จนถึงปัจจุบัน (4 ก.ค.) มีผู้ถูกคุมขังระหว่างสู้คดี อย่างน้อย 5 คนด้วยกัน ในจำนวนนี้ 3 ราย ได้รับสิทธิประกันตัวจากศาลแล้ว
คนแรก คือ ฉัตรมงคล วัลลีย์ ถูกขังระหว่างรอประกันตัวชั้นฎีกาในคดี ม.112 กรณีคอมเมนต์เฟซบุ๊กในโพสต์ของเพจศรีสุริโยไท ภายหลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 กลับคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 27 เดือน แต่ต่อมา ศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวในการยื่นประกันตัวครั้งแรก รวมถูกขัง 2 วัน
คนที่ 2 คือ ถนอม คนไร้บ้านถูกจับกุมและคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 2567 เนื่องจากไม่ได้เดินทางมาตามนัดสั่งฟ้องในคดีจากการชุมนุม #ม็อบ20มีนา64 บริเวณแยกคอกวัว ทำให้ถูกออกหมายจับ แต่ต่อมาหลังทนายความทราบข้อมูลจึงได้ยื่นประกันตัวครั้งแรกและศาลอนุญาตให้ประกันตัว รวมถูกขัง 25 วัน
คนที่ 3 คือ “สวัสดิ์” (นามสมมติ) ถูกขังระหว่างพิจารณาในคดี ม.112 ในวันที่ 19 มิ.ย. ภายหลังถูกอัยการสั่งฟ้องคดี แต่ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวในการยื่นประกันตัวครั้งที่ 2 รวมถูกขัง 7 วัน
คนที่ 4 คือ “แอมป์” ณวรรษ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. เนื่องจากเดินทางไปศาลอาญาล่าช้าในนัดหมายตรวจพยานคดี ม.112 เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ศาลออกหมายจับ แม้วันถัดมาณวรรษจะไปรายงานตัวต่อศาล แต่ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า หลีกเลี่ยงไม่มาตามนัด โดยไม่ทราบเพราะเหตุใด ทำให้ไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ หากให้ปล่อยตัวชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หากต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวแล้วในการยื่นประกันตัวครั้งที่ 2 รวมถูกขัง 3 วัน
1.2 ได้สิทธิประกันตัวแล้ว 6 คน นอกจาก “ตะวัน-แฟรงค์” ไม่มีใครที่ถูกขังนานเกินเดือนได้ประกันตัวเลย
นอกจาก กรณีของฉัตรมงคล, ถนอม, สวัสดิ์ และณวรรษ ซึ่งเป็นประชาชนและถูกขังในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงเดือนและได้รับสิทธิประกันตัวนั้น ยังมีกรณีที่ให้ประกันตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในคดี ม.116 ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนครึ่งได้รับสิทธิประกันตัวด้วย นั่นคือ “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ “แฟรงค์” ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร
สำหรับ “ตะวัน” ทานตะวัน และ “แฟรงค์” ณัฐนนท์ ทั้งสองถูกคุมขังในคดีมาตรา 116 กรณีถูกกล่าวหาว่าบีบแตรใส่ขบวนเสด็จของสมเด็จพระเทพฯ ระหว่างถูกคุมขังทั้งสองอดอาหารประท้วงอยู่เป็นระยะหนึ่ง โดยช่วงหนึ่งได้อดน้ำและจำกัดน้ำร่วมด้วย ระหว่างนั้นทนายความยื่นประกันตัวต่อศาลหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล
กระทั่งภายหลังจากที่บุ้งเสียชีวิต ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน ในวันที่ 28 พ.ค. ศาลจึงอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองซึ่งขณะนั้นถูกย้ายตัวจาก รพ.ราชทัณฑ์ ไปรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์
นอกจากนี้ ไม่มีผู้ต้องขังคนใดได้รับประกันตัวอีก ไม่ว่าจะเป็น “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร ซึ่งถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 อยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย และก่อนหน้านี้เคยได้อดอาหารประท้วงอยู่นาน 58 วัน ในช่วงไล่เลี่ยกันกับบุ้ง ตะวัน และแฟรงค์
แม้บุ้งจะเสียชีวิตไป แต่ดูเหมือนกระบวนการยุติธรรมยังไม่ได้รับฟังข้อเรียกร้องสุดท้ายจากสิ้นลมหายใจของเธอ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องที่ 2 ที่ว่า “ต้องไม่มีผู้เห็นต่างทางการเมืองถูกคุมขังอีกต่อไป”
1.3 หลายคนถูกขังระหว่างสู้คดียาวนาน หลัก ‘ร้อยวัน’ จำนวนหนึ่งตัดสินใจยุติสู้คดี
ปัจจุบันได้ผ่านพ้นครึ่งแรกของปีแล้ว เมื่อทบทวนดู ‘จำนวนวัน’ ที่ต้องทนทุกข์โดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวระหว่างสู้คดีจากศาลนั้น พบว่า มีผู้ถูกขังนานที่สุดด้วยเวลา 500 กว่าวันถึง 2 คน เกิน 450 วัน 1 คน และเกิน 300 วัน 7 คน
การถูกคุมขังเป็นเวลานานเพื่อรอคอยคำพิพากษาในศาลสูง ซึ่งไม่ทราบกำหนดชัดเจน ทำให้ผู้ต้องขังหลายคนทยอยตัดสินใจ ‘ยุติ’ การต่อสู้คดีเพื่อให้คดีถึงที่สุด อย่างน้อยจะได้สามารถ ‘นับถอยหลัง’ การต้องโทษเพื่อรอวันหวนคืนสู่อิสรภาพได้ เช่น “วารุณี” และ “ทีปกร” ซึ่งตัดสินใจขอถอนอุทธรณ์คำพิพากษา ให้คดีจบในศาลชั้นต้น
ทว่าบางรายแม้อยากจะให้คดีถึงที่สุดก็ทำไม่ได้ หากว่าอัยการโจทก์ยังประสงค์จะอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาต่ออีก เช่นกรณีของ “วุฒิ” ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกประมาณ 18 ปี แม้วุฒิประสงค์จะให้คดีถึงที่สุด โดยไม่ได้ยื่นประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เพื่อจะได้ทำเรื่องขอย้ายหลับภูมิลำเนาต่อไปนั้น ปัจจุบันคดียังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างกรอบเวลาการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของอัยการโจทก์
- ผู้ต้องขังคดีถึงที่สุด: “ธนพร – ยงยุทธ” ถูกขังหลังฎีกายืนจำคุก ส่วน “โย่ง” ได้ปล่อยตัวแล้วหลังถูกขังนานเกือบ 4 ปี
2.1 ถูกขังเพิ่มอีก อย่างน้อย 2 คน
เดือน พ.ค. และ มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดแล้วเพิ่มขึ้นอีก 2 คนด้วยกันด้วยเหตุคำพิพากษาของ ‘ศาลฎีกา’ ที่ยืนจำคุก โดยไม่รอลงอาญา
คนแรก คือ “ธนพร” แม่ของลูกวัย 7 เดือน และ 2 ขวบ ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรีตั้งแต่ 27 พ.ค. 2567 ภายหลังศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 4 ปี ในคดี ม.112 กรณีคอมเมนต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 1 ข้อความ อย่างไรก็ตาม ศาลได้ลดโทษให้เหลือจำคุก 2 ปี เพราะให้การรับสารภาพ ธนพรต้องจำใจลาจากลูกทั้ง 2 คนเพื่อรับโทษจำคุกตามคำพิพากษา แม้ว่าลูกคนเล็กจะยังไม่หย่านมแม่เลยด้วยซ้ำไป
คนที่สอง คือ “ยงยุทธ” ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 2567 ภายหลังศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 1 ปี คดีทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ระหว่างถูกจับกุมที่ห้างเมเจอร์รัชโยธิน พร้อมกับนักกิจกรรมกลุ่ม Wevo ก่อนการชุมนุมวันที่ 6 มี.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 6 เดือน เพราะให้การรับสารภาพ
2.2 “โย่ง” ผู้ถูกขัง ‘นานที่สุด’ ระลอกตั้งแต่ปี 63 พ้นโทษแล้ว
2 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดได้รับการปล่อยตัว 1 ราย ในวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา “โย่ง” (สงวนชื่อสกุล) ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว เนื่องจากถูกคุมขังจนครบโทษจำคุก 6 ปีตามคำพิพากษาของศาล ในคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเป็นคดีที่เกิดขึ้นในช่วงบริบทที่ไม่มีการใช้ข้อหา ม.112 ดำเนินคดีกับประชาชน
สำหรับกรณีของโย่ง เขาถูกคุมขังมาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว แต่ทนายความเพิ่งได้รับทราบข้อมูลและได้เข้าเยี่ยมในช่วงปลายปี 2566 นี้เอง โดยคดีนี้เขาได้ว่าจ้างทนายความเอกชนช่วยเหลือคดี จากนั้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2563 ศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี แต่ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 ปี เพราะให้การรับสารภาพ โย่งจึงถูกคุมขังรวมระยะเวลา 1,292 วัน
ระหว่างถูกคุมขังอยู่โย่งนับว่าเป็นผู้ต้องขังคดีการเมืองคดีถึงที่สุดที่ถูกคุมขังยาวนาน ‘ที่สุด’ เป็นอันดับ 1 โดยอันดับ 2 เป็น “ป้าอัญชัญ” ในคดีมาตรา 112 ถูกขังหนที่ 2 นี้ระยะเวลามากว่า 1,200 วัน และอันดับ 3 คือ “พลทหารเมธิน” ในคดีมาตรา 112 เช่นเดียวกัน ด้วยระยะเวลาถูกคุมขังมากกว่า 800 วัน
2.3 “สุวิทย์” เตรียมพ้นโทษ หลังใกล้ถูกขังครบโทษ
สำหรับเดือนกรกฎาคมนี้ มีผู้ต้องขังการเมืองที่คดีถึงที่สุดแล้วมีกำหนดพ้นโทษ 1 คน ได้แก่ “สุวิทย์” ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง กรณี #ม็อบ10สิงหา2564 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 1 ปี 3 เดือนเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2566 และศาลฎีกาสั่งไม่ให้ประกันตัวในครั้งแรก สุวิทย์จึงปรึกษากับครอบครัวและตัดสินใจยุติการต่อสู้คดี และสุวิทย์จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 22 ก.ค. นี้
- คดีเยาวชนที่ถูกคุมขังตามมาตรการพิเศษของศาล
ในช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจาก “ภูมิ หัวลำโพง” ซึ่งถูกควบคุมตัวในคดี ม.112 อยู่ที่บ้านเมตตาว่ามีเยาวชนรายหนึ่งถูกพาตัวไปคุมขังที่บ้านกรุณา ทนายความจึงติดตามขอเข้าพบที่บ้านกรุณาจึงได้ทราบข้อมูลว่า เยาวชนคนดังกล่าว คือ “ฐาปนา” (นามสมมติ) ปัจจุบันอายุ 18 ปี
ฐาปนาถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการวางเพลิงตู้จราจรพญาไท และขว้างปาวัตถุระเบิด ระหว่างการชุมนุม #ม็อบ1ตุลา2564 การถูกควบคุมตัวในครั้งนี้เป็นเพราะศาลเยาวชนฯ เห็นว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามแผนฟื้นฟู จึงให้ออกจากมาตรการพิเศษ และมีคำพิพากษาให้จำคุก และเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นให้รับการฝึกอบรม 4 ปี ที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา จ.สมุทรปราการ
ทำให้ปัจจุบันมีเยาวชนถูกควบคุมตัวอยู่ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างน้อย 2 คน
สถานการณ์ ‘น่าจับตา’
- “ขนุน” และเพื่อนได้ย้ายไปแดน 4 แล้ว หลังถูกข่มขู่ – คุกคาม นานกว่าเดือนครึ่ง
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “ขนุน” สิรภพ และเพื่อนผู้ต้องขังการเมืองที่แดน 6 ซึ่งได้แก่ “บุ๊ค” ธนายุทธ, “ก้อง” อุกฤษฏ์, “ตั้ม” จิรวัฒน์, และ “มายด์” ชัยพร พวกเขาได้เผชิญการถูกข่มขู่และคุกคามจากผู้ต้องขังร่วมแดนเดียวกัน เพราะสิรภพได้แสดงออกทางการเมืองชู 3 นิ้วระหว่างเรือนจำเปิดเพลงสรรญเสริญพระบารมี
หลังจากนั้นทนายความได้ยื่นคำร้องต่อเรือนจำให้ย้ายสิรภพและเพื่อนไปยังแดนอื่นที่มีความปลอดภัย พร้อมทั้งให้เรือนจำหาวิธีการสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นผลในทันที ระหว่างนั้นมีการเรียกร้องอีกหลายครั้งจากภาคประชาสังคมและหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนต่อทั้งกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ย้ายสิรภพและเพื่อนไปยังพื้นที่ที่มีความปลอดภัยโดยเร็ว
หลังเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนครึ่ง ในวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา เรือนจำจึงได้อนุญาตให้สิรภพและเพื่อนผู้ต้องขังแดน 6 เลือกย้ายไปยังแดน 4 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ เกือบทั้งหมดได้ตัดสินใจย้ายไปยังแดน 4 ยกเว้น “มายด์” ชัยพร โดยเขาให้เหตุผลว่าไม่ต้องการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่อีก
- “อานนท์ – ชินวัตร” เสี่ยงถูกย้ายไปคลองเปรม เพราะโทษรวมเกิน 15 ปี
กรณีที่ต้องโทษจำคุกที่ศาลให้นับต่อกันรวมแล้วเท่ากับหรือมากกว่า 15 ปี ผู้ต้องขังคนดังกล่าวจะถูกย้ายตัวไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยก่อนหน้านี้มีกรณีของ “แม็กกี้” ต้องย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไป ภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 25 ปีในคดี ม.112 หรือกรณี “วุฒิ” ต้องย้ายจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ไป ภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 18 ปีในคดี ม.112 เช่นกัน รวมถึงกรณี “ไพฑูรย์” และ “สุขสันต์” ต้องย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 33 ปี 12 เดือน และ 22 ปี 2 เดือน 20 วัน ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ระเบิดโยนใส่เจ้าหน้าที่
ในเร็ววันนี้ อานนท์ นำภา และ “ไบร์ท” ชินวัตร แจ้งกระจ่าง อาจต้องถูกย้ายตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปที่เรือนจำกลางคลองเปรมด้วย โดยปัจจุบันอานนท์ต้องโทษจำคุกจากคำพิพากษารวมกัน 10 ปี 2 เดือน 20 วันแล้ว เช่นเดียวกับ “ไบร์ท” ชินวัตร ซึ่งปัจจุบันต้องโทษจำคุกรวมกัน 11 ปี 12 เดือน โดยทั้งสองยังนัดฟังคำพิพากษาในอีกหลายคดี หากในคดีอื่น ๆ ศาลพิพากษาจำคุกเพิ่มอีกเป็นไปได้ว่าจะทำให้โทษจำคุกรวมกันเกิน 15 ปี
โดยเรือนจำกลางคลองเปรมนั้นมีไว้สำหรับคุมขังนักโทษที่ต้องโทษจำคุกสูง ส่วนใหญ่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ยาเสพติด และคดีที่มีความร้ายแรง รวมถึงคดีที่ต้องโทษประหารชีวิต การย้ายไปเรือนจำแห่งใหม่ นอกจากจะต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมและผู้ต้องขังร่วมแดนใหม่แล้ว ในเรือนจำที่มีผู้ต้องขังคดีการเมืองอยู่ร่วมกันน้อยรายยังทำให้เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม ข่มขู่ อันเนื่องมาจากความเห็นต่างทางการเมืองอีกด้วย
- ฤดูเปลี่ยน ทำผู้ต้องขังป่วย ‘ไข้หวัด’ ระบาดหนักในเรือนจำ
ในช่วงกลางเดือน พ.ค. จนถึงต้นเดือน มิ.ย. นี้ ผู้ต้องขังจากหลายเรือนจำต่างเผชิญปัญหาร่วมเดียวกัน นั่นคือ การระบาดของ ‘ไข้หวัด’ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้เรือนจำมีสภาพชื้น รวมถึงอุณหภูมิของสภาพอากาศที่ลดต่ำลง
จากสถานการณ์ข้างต้น ทำให้ผู้ต้องขังหลายรายป่วยเป็นไข้หวัด มีน้ำมูก มีไข้ ไอ และจาม อาทิ อุดม ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส, ภูมิ หัวลำโพง ที่บ้านเมตตา, แม็กกี้ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม, “ขนุน” สิรภพ, อัฐสิษฎ และ “ธี” ถิรนัย ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นต้น
ผู้ต้องขังระหว่างสู้คดี | |||||
NO | ชื่อ | คดี | เรือนจำ | วันที่ถูกคุมขัง | เรื่องน่าจับตา |
1 | ถิรนัย | อื่น ๆ | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 506 | 16 ก.ค. นี้ ศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษาในคดีที่กำลังถูกคุมขังอยู่ |
2 | ชัยพร | อื่น ๆ | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 506 | |
3 | วุฒิ | 112 | เรือนจำกลางคลองเปรม | 466 | ไม่ประสงค์จะสู้คดีต่อ เพราะต้องการจะให้คดีถึงที่สุดและย้ายกลับภูมิลำเนา แต่ปัจจุบันคดียังไม่ถึงที่สุด โดยอยู่ระหว่างขยายเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของอัยการโจทก์ |
4 | ทีปกร | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 382 | ไม่ประสงค์สู้คดีต่อ แต่อยู่ระหว่างรอให้คดีถึงที่สุด |
5 | วารุณี | 112 | ทัณฑสถานหญิงกลาง | 373 | จับตาคำสั่งอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์คำพิพากษา หากศาลอนุญาตคดีจะถึงที่สุดทันที |
6 | ประวิตร | อื่น ๆ | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 360 | 11 ก.ค. นี้จะถูกขังครบ 1 ปี |
7 | ขจรศักดิ์ | อื่น ๆ | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 325 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
8 | คเชนทร์ | อื่น ๆ | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 325 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
9 | โสภณ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 316 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
10 | อุดม | 112 | เรือนจำจังหวัดนราธิวาส | 310 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
11 | ไพฑูรย์ | อื่น ๆ | เรือนจำกลางคลองเปรม | 295 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
12 | สุขสันต์ | อื่น ๆ | เรือนจำกลางคลองเปรม | 295 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
13 | อานนท์ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 283 | มีโอกาสถูกย้ายไปเรือนจำกลางคลองเปรม เพราะต้องโทษจำคุกจากคำพิพากษารวมกันมากกว่า 15 ปีขึ้นไป |
14 | วีรภาพ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 281 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
15 | กัลยา | 112 | เรือนจำจังหวัดนราธิวาส | 259 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
16 | แม็กกี้ | 112 | เรือนจำกลางคลองเปรม | 257 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
17 | จิรวัฒน์ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 212 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
18 | มงคล | 112 | เรือนจำกลางเชียงราย | 169 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
19 | อุกฤษฏ์ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 143 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
20 | อัฐสิษฎ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 128 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
21 | ชินวัตร | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 127 | มีโอกาสถูกย้ายไปเรือนจำกลางคลองเปรม เพราะต้องโทษจำคุกจากคำพิพากษารวมกันมากกว่า 15 ปีขึ้นไป |
22 | นารา | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 112 | เรือนจำยังคงยังไม่อนุญาตให้ใส่เสื้อชั้นใน แม้จะศัลยกรรมหน้าอกแล้วก็ตาม |
23 | สิรภพ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 102 | ยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัว |
ผู้ต้องขังคดีสิ้นสุดแล้ว | ||||||
No | ชื่อ | คดี | เรือนจำ | วันที่ถูกคุมขัง | โทษจำคุก | เรื่องน่าจับตา |
1 | อัญชัญ | 112 | ทัณฑสถานหญิงกลาง | 19 ม.ค. 2564 | 29 ปี 174 เดือน(ประมาณ 43 ปี 6 เดือน) | กำหนดปล่อยตัว 24 ก.ย. 2574 |
2 | มะ ณัฐชนน | ครอบครองวัตถุระเบิด | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 9 ส.ค. 2565 | 3 ปี | – |
3 | พลทหารเมธิน | 112 | เรือนจำ มทบ.11 จ.นครปฐม | 11 ส.ค. 2565 | 2 ปี 6 เดือน | กำหนดปล่อยตัวช่วงเดือน ต.ค. นี้ |
4 | กฤษณะ | อั้งยี่ | เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา | 30 พ.ย. 2565 | 3 ปี | – |
5 | วรรณภา | อั้งยี่ | ทัณฑสถานหญิงชลบุรี | 30 พ.ย. 2565 | 3 ปี | – |
6 | ทัตพงศ์ | ครอบครองและขว้างวัตถุปาระเบิด | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 1 มี.ค. 2566 | 3 ปี | – |
7 | สุวิทย์ | ครอบครองระเบิดปิงปอง | เรือนจำพิเศษธนบุรี | 24 เม.ย. 2566 | 1 ปี 3 เดือน | กำหนดปล่อยตัว 22 ก.ค. นี้ |
8 | วัฒน์ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 17 ก.ค. 2566 | 1 ปี 6 เดือน | – |
9 | สุดใจ | ครอบครองระเบิดปิงปอง | เรือนจำพิเศษมีนบุรี | 12 ต.ค. 2566 | 1 ปี 6 เดือน | – |
10 | กิจจา | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 1 พ.ย. 2566 | 1 ปี 6 เดือน | – |
11 | สมบัติ | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 13 ก.ย. 2566 | 4 ปี | – |
12 | มาร์ค | ครอบครองวัตถุระเบิด | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 15 มี.ค. 2566 | 2 ปี 1 เดือน | – |
13 | นภัส | ครอบครองระเบิดปิงปอง | เรือนจำพิเศษธนบุรี | 6 พ.ย. 2566 | 1 ปี 15 วัน | – |
14 | เวหา | 112 | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 18 พ.ค. 2566 | 6 ปี 36 เดือน(ประมาณ 9 ปี) | – |
15 | ธนายุทธ | ครอบครองวัตถุระเบิด | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 22 ก.ย. 2566 | 2 ปี 6 เดือน | – |
16 | พรชัย | 112 | เรือนจำกลางเชียงใหม่ | 4 เม.ย. 2567 | 12 ปี | – |
17 | ธนพร | 112 | ทัณฑสถานหญิงธนบุรี | 27 พ.ค. 2567 | 2 ปี | มีลูก 2 คนต้องดูแล วัย 7 เดือน และ 2 ขวบ |
18 | ยงยุทธ | ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ | 6 มิ.ย. 2567 | 6 เดือน | – |
คดีเยาวชน | ||||||
No | ชื่อ | คดี | วันที่ถูกขัง | สถานที่ควบคุมตัว | วันที่ถูกคุมตัว | เรื่องน่าจับตา |
1 | ภูมิ หัวลำโพง | 112 | 260 | บ้านเมตตา | 18 ต.ค. 2566 | 9 ก.ค. นี้ ศาลเยาวชนฯ นัดฟังคำสั่งการยื่นคำร้องอุทธรณ์ขอเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้เข้ามาตรการแทนการพิพากษา |
2 | ฐาปนา(นามสมมติ) | วางเพลิงตู้จราจรและขว้างปาวัตถุระเบิด | 66 | บ้านกรุณา | 29 เม.ย. 2567 | – |