ขนุนในความเหงา โดดเดี่ยว และการหลงลืมตัวเอง

Have you heard about me?

.

คืนก่อนผมฝันว่าตัวเองได้ประกันตัว ผมเดินออกจากเรือนจำไปกอดแม่ และแฟน แล้วเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน ผมได้ทำกับข้าวกับแฟน แล้วนั่งดูทีวีด้วยกัน ฝันคืนนั้นเหมือนจริงมากซะจนผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน 

แต่พอผมตื่นขึ้นมา ที่บนฝ้าเพดานต่ำข้างบนในห้องขัง ทำให้ผมพบความจริงว่า ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่

ในทุกวันนี้ ชีวิตของผมเหมือนติดอยู่ในกล่อง จำนวนวันเดือนปีไม่มีความหมายสำหรับผมข้างในนี้ เพราะในทุก ๆ วันพุธ ผมจะรอแค่ญาติมาเยี่ยม และในทุก ๆ วันเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ผมจะรอจดหมายจากใครสักคนส่งเข้ามาหาผม 

ชีวิตของผมเหมือนติดอยู่ในกล่อง ไปทางไหนก็เจอแต่กรอบ ผมทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ในทุกวัน จนผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมคือใครกันแน่ และคำตอบของทุกวันก็ค่อย ๆ สั้นลงทุกที กลายเป็นว่า ผมกลัววันที่ตัวเองจะได้รับอิสรภาพเข้าแล้วจริง ๆ ว่าตัวเองจะสามารถเป็นคนเดิมได้อยู่ไหม

.

ทุกวันเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง

คงดีถ้ามีคนเขียนจดหมายมาหาผมเยอะกว่านี้ ข้างในนี้ผมช่างโดดเดี่ยว เหงาเกินกว่าจะบรรยาย สิ่งที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือครอบครัว และคนรักของผมที่มาเยี่ยมผมในทุกวัน ส่วนเวลาที่เหลือผมแค่พยายามหายใจให้หนึ่งวันมาจบ ๆ ไป

ตั้งแต่อยู่ในนี้มาร่วมหลายเดือน หน้ากระดาษจดหมายคงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะเล่าทุกเรื่องให้ฟังได้ ความสุขที่เกิดขึ้นในคุกนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่สิ่งที่แน่แท้คือในที่แห่งนี้คือโลกที่ทุกคนต้องเอาชีวิตรอด 

ในทุกวัน ผมพยายามปรับตัว อดทนกับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้  สัญญากับตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดออกไป ทุก ๆ วันผมจะแอบไปนั่งคนเดียว ในเรือนจำของผมมีท้องฟ้า นก ผีเสื้อ ก้อนเมฆ และเครื่องบิน ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นภาพเดียวกันกับที่ทุกคนเห็นข้างนอกนั่น และมันก็ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อได้ เพราะนี่เป็นอิสรภาพเดียวที่ผมจะเห็นได้เหมือนกันกับคนข้างนอก 

ผมคือขนุน เด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ทั้งเรียนไม่เก่ง เกเร และขี้เกียจเกินใคร ชีวิตผมไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไร ผมไม่เคยรู้จักคำว่าการเมือง จนกระทั่งโลกการศึกษาของผมนำพาให้ผมรู้จักกับคณะรัฐศาสตร์ ผมคงโชคดีที่คนรอบตัวผมไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนโง่ ความเป็นกันเองของเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ผมรู้จัก ทำให้ผมอยากเป็นคนที่เก่งขึ้น ดีขึ้น ผมอยากเข้าใจ จึงอ่าน ฟัง และเข้าร่วม จนเป็นขนุนในทุกวันนี้ 

เพราะผมคือขนุน ผมไม่อยากหลงลืมตัวเอง

.

มองความหวังที่แสนจะสว่างเสียจนตาจะบอด

การมีอยู่ของเราทุกวันนี้ที่อยากเล่าคือ ผมเริ่มไม่อยากใส่แว่นแล้ว 

ผมไม่อยากเห็นอะไรไปมากกว่านี้ ผมเริ่มไม่อยากนอนเพราะเมื่อไรที่หลับตาลง ผมจะฝันถึงอิสรภาพที่ไม่มีจริง ผมไม่อยากขยับไปไหนเพราะจะได้ไม่มีเรื่องมีราวกับใครเพิ่ม ผมเริ่มไม่อยากกินเพราะเหตุผลของการมีชีวิตของผมยังเลือนราง 

แต่ผมก็ขอบคุณความพยายามของทุกคน ทุกวันนี้ผมได้แต่จ้องมองความหวังที่แสนจะสว่าง เสียจนตาผมจะบอด เพราะได้แต่มองมัน แต่ไม่เคยเอื้อมไปถึง หรือสัมผัสมันได้เลย

มีบางคนเริ่มได้ออกไปแล้ว ผมเริ่มอิจฉาทุกคนที่ได้กลับไปมีชีวิต ได้อยู่กับคนที่รัก ได้มีอิสรภาพ แต่ตัวผมยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ และกำลังจมดิ่งลงไปทุกวัน ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ผมขอได้เป็นคนธรรมดาเหมือนเดิม ผมจะอยู่อย่างสงบในโลกที่แสนโหดร้ายแห่งนี้ 

.

ฝันร้ายของผมยังไม่จบ

ผมอยากให้ฝันร้ายนี้จบลงได้แล้ว

3 ปีก่อนเข้ามาข้างในนี้ ผมพยายามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหลายเรื่อง ปัจจัยสำคัญก็มาจากครอบครัวและคนรัก ผมอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ร่วมกับคนรักให้ได้มากที่สุด การที่ผมต้องมาติดอยู่ในคุกแบบนี้มีแต่จะทำให้ทุกอย่างพังลง ถ้าให้พูดอย่างรวบรัด ผมไม่ไหวอีกแล้ว

ผมกลัว กลัวความเหงา ความโดดเดี่ยว หรือแม้แต่การหลงลืมตัวตนของตัวเอง ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ในที่แห่งนี้ที่ผมอยู่ ไม่ใช่ทั้งบ้านที่อบอุ่น ไม่ใช่ห้องเรียนที่น่าค้นหา แต่คือดินแดนของศูนย์รวมทุกอย่างที่คนข้างนอกเกินจะจินตนาการถึงได้

เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่ผมอยากจะกล่าวโทษใคร แต่ผมอยากให้ทุกคนหันกลับมามองพวกเรา อย่าลืมการมีอยู่ของพวกเรา ในที่นี้เราเป็นเพียงแค่วัยรุ่นที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ และมันไม่ใช่แค่พวกเราที่จะเข้ามาข้างในนี้ จะมีเพื่อนของเราอีกจำนวนมากที่จะมาอยู่ในนี้ ถ้าสังคมยังไม่ทำอะไร

ทุกวัน ทุกชั่วโมงที่ค่อย ๆ หมดไปส่งผลต่อพวกเราในวันข้างหน้า ผมได้แต่ตั้งคำถามว่า ในวันที่อิสรภาพเดินทางมาอย่างเชื่องช้าแบบนี้ ตัวเองจะเหลือเพียงตัวตนอันเปลือยเปล่า ไร้ซึ่งจิตวิญญาณและชีวิตเป็นแน่แท้ สิ่งเดียวที่จะเยียวยาผมได้ในตอนนี้คืออิสรภาพ 

ถึงทุกคน สิ่งที่ควรทำมากที่สุดตอนนี้ คือการพาพวกเราออกไป ผู้ต้องขังทางการเมืองมีชีวิต จิตใจ และร่างกายที่ไม่ต่างจากผม พวกเราไม่มีใครอยากถูกทอดทิ้งเพียงลำพัง เราต้องการเพียงแค่ขอชีวิตเราคืน ขอทุกคนช่วยผมหยุดฝันร้ายนี้ด้วย

_______________________________________________________________________

.

“ขนุน” สิรภพ พึ่งพุ่มพุทธ นักศึกษาที่กำลังต่อปริญญาโท วัย 23 ปี ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุกสองปี ในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัย ชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567  โดยปัจจุบันเขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และยังคงไม่ได้รับสิทธิประกันตัวเป็นระยะเวลาร่วม 87 วันแล้ว


X