19 มิ.ย. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลแขวงดุสิตนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ ยูซุฟ (สงวนนามสกุล) ประชาชนวัย 31 ปี จากกรณีเข้าร่วมชุมนุม #ม็อบ29สิงหา ในกิจกรรม “CAR MOB CALL (ประยุทธ์) OUT” เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2564 โดยเขาถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
สำหรับคดีนี้ ยูซุฟถูกจับกุมระหว่างการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา โดยตำรวจควบคุมฝูงชน ที่หน้าอาคารไทยวิวัฒน์ โดยเขาถูกควบคุมตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เป็นเวลา 1 คืน ก่อนได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในวันถัดมา
หลังผ่านไปกว่า 2 ปี และขาดผัดฟ้องไปแล้ว อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฟ้องจำเลย เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 พ.ต.ท.ธรรมปพนธ์ วงศ์ชนะภัยพาล พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงดุสิต เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ กล่าวหาโดยสรุประบุว่า ในวันเกิดเหตุยังอยู่ในช่วงเวลาที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเลยกับพวกรวม 100 คนเศษ ได้ร่วมชุมนุมที่บริเวณดินแดง โดยไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แล้วร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายขว้างปาประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง และใช้ลูกแก้วยิ่งใส่แนวของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน
โจทก์กล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายภายในบ้านเมืองและเป็นการยุยงทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยโดยมีอาวุธ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 ก่อนเริ่มการสืบพยาน จำเลยได้ขอกลับคำให้การเดิม เป็นรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์ของจำเลยเพิ่มเติม พร้อมกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (19 มิ.ย. 2567)
.
ช่วงเช้าที่ศาลแขวงดุสิต “ยูซุฟ” พร้อมกับทนายความ และผู้สังเกตการณ์คดีจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมายังห้องพิจารณาคดีที่ 501 เพื่อฟังคำพิพากษาตามนัดหมาย เนื่องจากมีหลายคดีก่อนหน้า จึงทำให้การอ่านคำพิพากษาล่าช้า โดยศาลได้เริ่มอ่านคำพิพากษาเมื่อเวลาประมาณ 10.55 น.
ศาลได้อ่านคำพิพากษาสั้น ๆ โดยสรุปเห็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด คือตามมาตรา 215 ลงโทษจำคุก 4 เดือน ปรับ 20,000 บาท เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท
ทั้งนี้ เนื่องจากปรากฏว่าจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เชื่อว่าจำเลยอยู่ในวิสัยที่จะกลับตนเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี และให้จำเลยรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติทุก ๆ 4 เดือน
สำหรับการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา เป็นวันนัดใหญ่กับกิจกรรม “CAR MOB CALL (ประยุทธ์) OUT” ของกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่ม ได้แก่ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) นัดพบที่อุโมงค์เกษตร ก่อนเคลื่อนขบรถมุ่งหน้าไปปลายทางสวนเทพปทุม กลุ่มที่สองนำโดย “ม่อน อาชีวะ” กับกิจกรรม “รวมพลคนพันธุ์ R” นัดพบที่ใกล้แยกลาดพร้าวมุ่งหน้าไปรัฐสภา และกลุ่มที่สามโดยกลุ่ม “เยาวชนทะลุแก๊ส” นัดหมายกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เผาสาปแช่งนายกฯ โดยนัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนจะมีการ เปลี่ยนจุดหมายไปรวมตัวกันที่บริเวณดินแดง โดยกิจกรรมทั้งสามกลุ่มประสานเสียงขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น
ในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยมีทั้งการยิงแก๊สน้ำตา ฉีดน้ำสีม่วง และยิงกระสุนยางใส่ ก่อนมีการจับกุมผู้ชุมนุม รวมทั้งประชาชนที่ไม่ได้ร่วมชุมนุม รวม 37 ราย ต่อมามีการแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 29 ราย