วันที่ 8 มี.ค. 2567 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานประธานศาลฎีกา มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา กรณีขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว การกำหนดหลักประกันพร้อมเงื่อนไข และการถอนประกันตัวของนักกิจกรรมทางการเมืองอย่างเร่งด่วน
เวลา 13.00 น. ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานประธานศาลฎีกา พบว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจตราและถ่ายรูปกลุ่มเครือข่ายประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้น
สมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนภาคประชาชน ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า การยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกาในวันนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 6 เดือนของการคุมขังอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ “สิทธิมนุษยชน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ขอเรียกร้องให้ศาลปล่อยผู้ต้องขังคดีการเมืองได้ออกมาสู้คดีอย่างเป็นธรรม การตัดสินคดีใด ๆ ในขณะนี้ถือว่าเป็นการพิจารณา และตัดสินคดีที่ไม่เป็นธรรม จึงขอเรียกร้องให้ศาลปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเที่ยงธรรมเพื่อพวกเขาด้วย”
ต่อมา พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เป็นตัวแทนเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม อ่านจดหมายถึงประธานศาลฎีกา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อห่วงกังวลเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษา การใช้ดุลพินิจในการพิจารณาสั่งไม่ให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง และควรปฏิบัติตามหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบริสุทธิ์จนกว่าคดีจะถึงที่สุด (Presumption of innocence) เป็นสำคัญ โดยการอนุญาตให้ผู้ต้องหา/จำเลยถูกปล่อยตัว
ในการยื่นหนังสือครั้งนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยกว่า 10 องค์กร อาทิ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD), กลุ่มด้วยใจ, องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (HAP), สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน, สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา, กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, ThumbRights – ทำไรท์ เครือข่ายประชาชนเพื่อสิทธิทางการเมือง, คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), กลุ่มคนงาน Try Arm จึงได้เดินทางมาศาลฎีกาในวันนี้ เพื่อนำหนังสือฉบับนี้ ยื่นให้ถึงมือของประธานศาลฎีกา เพื่อให้มั่นใจว่าตุลาการจะอำนวยความเป็นธรรมและเป็นเสาหลักอันศักดิ์สิทธิให้กับประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนและประชาคมนานาชาติ และเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งต่อไป
ทั้งนี้ หัวหน้าส่วนกฎหมายและระเบียบ สำนักงานประธานศาลฎีกา ได้เป็นตัวแทนออกมารับจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อ เพียงแค่เดินออกมารับหนังสือเท่านั้น