ตำรวจพิษณุโลก 3 นาย บุกบ้านตั้งจุดลงชื่อร่างกม. #นิรโทษกรรมประชาชน ถ่ายรูปเยาวชนเพียงลำพัง โดยผู้ปกครองไม่อยู่

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่าประชาชนรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย มาเคาะประตูบ้าน พูดคุย และถ่ายรูปเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขณะที่ผู้ปกครองออกไปทำธุระภายนอกบ้าน โดยประชาชนรายนี้ได้ใช้หน้าบ้านตั้งเป็นจุดเข้าชื่อประชาชนเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ติงไม่จำต้องทำให้เด็กกลัวจากเหตุนี้ ยินดีพูดคุยหากต้องการได้รับข้อมูลส่วนใด และเห็นว่าการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นสิ่งที่ทำได้ รัฐธรรมนูญก็รับรองการกระทำนี้

นัทพล (นามสมมติ) ประชาชนในจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมลงทะเบียนเป็นอาสาตั้งโต๊ะให้ลงชื่อเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่หน้าบ้าน ร่วมกับเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน มาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2567 โดยมีการประชาสัมพันธ์ให้เพื่อน ๆ ในเฟซบุ๊กรับทราบด้วย

(ภาพจุดตั้งโต๊ะเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน พื้นที่จังหวัดพิษณุโลกที่เกิดเหตุ)

จนเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2567 ช่วงเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ขณะที่ตนไม่อยู่บ้าน มีเพียงลูก ๆ อยู่ โดยลูกสาววัย 17 ปี ได้นั่งเรียนด้วยตนเองที่คอมพิวเตอร์อยู่ด้านล่างของตัวบ้าน ได้เห็นชาย 3 คน มาเคาะประตูที่หน้าบ้าน ลูกสาวนึกว่าเป็นบุคลลจะมาร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายจึงเปิดประตูออกมา

บุคคลทั้งสามแต่งตัวด้วยชุดธรรมดา ได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงบัตรประจำตัวของตำรวจ ทั้งสามได้สอบถามลูกสาวของตนว่าพ่ออยู่หรือไม่ และบอกว่าไม่ต้องตกใจ เพราะพ่อของน้องคุ้นชินเหตุการณ์แบบนี้ดี จากนั้นก็ถ่ายรูปลูกสาวตนที่หน้าบ้าน แล้วกลับออกไป ลูกสาวตนจึงส่งข้อความแจ้งเหตุการณ์นี้ให้กับตนทราบ

ลูกสาวตนจำชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ เพราะตกใจและไม่เคยเจอเหตุการณ์เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่เพียงลำพัง เขาระบุว่าเคยพาลูก ๆ ไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองมาก่อนจริง แต่ทุกครั้งลูกก็อยู่กับตนตลอดไม่ได้มีเหตุการณ์ต้องพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง

นัทพลเห็นว่า สิ่งที่ทำให้ตนเป็นกังวลไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจมาถึงบ้าน แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และถึงบ้านตนจะอยู่ในพื้นที่ชุมชน คนผ่านไปมา แต่สังคมก็พอทราบข่าวความไม่ปลอดภัยของเยาวชนไทยจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนคิดว่ากรณีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกลับไปก่อนได้ สอบถามว่าตนจะกลับกี่โมงก็ได้ แล้วค่อยมาใหม่ ไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปลูกสาวของตนที่หน้าบ้าน โดยไม่มีใครอยู่ด้วย

“คุณเป็นเจ้าหน้าที่คุณรู้หมดเรื่องผม เบอร์โทร ที่อยู่ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”

หลังจากทราบเหตุการณ์นี้ ประชาชนรายนี้ก็ทราบมาว่าทุกจุดที่เปิดตั้งโต๊ะลงชื่อในจังหวัดพิษณุโลกที่อยู่ในอำเภอเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ไปติดตามถ่ายรูปด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ลงมาเคาะหน้าประตูเหมือนบ้านของตน เป็นลักษณะแอบถ่ายภาพจากหน้าบ้านแทน

นัทพลฝากถึงประชาชนที่ร่วมกันทำกิจกรรมเข้าชื่อเสนอกฎหมายว่า “ผมว่ากิจกรรมการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มันเป็นกิจกรรมที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ทำได้ ซึ่งกฎหมายที่ประชาชนเสนอจะผ่านไม่ผ่านนั้นเป็นเรื่องที่รัฐสภาจะพิจารณาอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่จุดเริ่มต้น คือการเสนอชื่อ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

“จุดตั้งโต๊ะที่บ้านผม ผมก็จะยังปล่อยทิ้งไว้ตามนี้ อีกแค่ 7 วันเท่านั้น ทุกคนต้องรณรงค์ในสิ่งที่ตนเองเห็นด้วยได้หมด ไม่เห็นด้วยก็รณรงค์ได้”

ร่วมลงชื่อสนับสนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน สร้างก้าวแรกเพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมือง https://amnestypeople.com/ (ตั้งแต่วันที่ 1-14 ก.พ. 2567 เท่านั้น)