วันที่ 29 พ.ย. 2566 ศาลแขวงดุสิตมีคำสั่งยกคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลที่ผิดระเบียบในคดีของ “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล และสมาชิกกลุ่ม WeVo หรือ We Volunteer รวม 11 คน จากการจัดกิจกรรม #ม็อบย่างกุ้ง เพื่อจำหน่ายกุ้งของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริเวณสนามหลวงและอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563
ย้อนไปเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 จำเลยและทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลที่ผิดระเบียบผ่านทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ระบุเหตุในการยื่นคำร้องโดยสรุปว่า เนื่องจากในวันที่ 20 พ.ย. 2566 ได้มีการยื่นคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา คือ สิรพัชร์ สินมา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนและนั่งพิจารณาคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 12 โดยอ้างเหตุอันมีสภาพร้ายแรงซึ่งอาจทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป และต่อมาผู้พิพากษาสิรพัชร์ได้สั่งยกคำร้องดังกล่าวด้วยตนเอง ซึ่งจำเลยและทนายจำเลยเห็นว่า เป็นการสั่งคำร้องโดยไม่มีอำนาจ ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 13 วรรคสาม จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
29 พ.ย. 2566 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลที่ผิดระเบียบ สรุปได้ดังนี้
คำสั่งศาลต่อคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา ฉบับลงวันที่ 20 พ.ย. 2566 เป็นกรณีที่ศาลตรวจคำร้องคัดค้านผู้พิพากษาดังกล่าวแล้วเห็นว่า คำร้องคัดค้านผู้พิพากษาดังกล่าวไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์การคัดค้านผู้พิพากษาตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งยกคำร้อง เท่ากับเป็นคำสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านผู้พิพากษาดังกล่าว มิใช่เป็นกรณีที่ศาลพิจารณาในเนื้อหาคำร้องคัดค้านผู้พิพากษาในเรื่องที่ถูกคัดค้าน แล้วมีคำสั่งยอมรับ หรือยกเสียซึ่งคำคัดค้านผู้พิพากษา อันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 14
กรณีจึงไม่มีคำสั่งที่ผิดระเบียบ ไม่มีเหตุให้เพิกถอน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ให้ยกคำร้อง
เจ้าหน้าที่ประจำห้องพิจารณาระบุว่า สิรพัชร์ สินมา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเป็นผู้สั่งคำร้องดังกล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 13 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าศาลใดมีผู้พิพากษาคนเดียวและผู้พิพากษาคนนั้นถูกคัดค้าน หรือถ้าศาลใดมีผู้พิพากษาหลายคน และผู้พิพากษาทั้งหมดถูกคัดค้าน ให้ศาลซึ่งมีอํานาจสูงกว่าศาลนั้นตามลําดับเป็นผู้ชี้ขาดคําคัดค้าน” ได้วางหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา โดยกรณีที่ศาลใดมีผู้พิพากษาคนเดียวและผู้พิพากษาคนนั้นถูกคัดค้าน ผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยคำร้อง คือ ศาลซึ่งมีอำนาจสูงกว่า เพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ของกฎหมายในการคุ้มครองหลักความเป็นอิสระของตุลาการ
ดังนั้น เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์กฎหมายประกอบกับบทบัญญัติข้างต้น ในการวินิจฉัยคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา ผู้พิพากษาที่ถูกคัดค้านจึงไม่ควรมีอำนาจในการสั่งตามคำร้องดังกล่าวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะโดยเหตุที่ได้พิจารณาในเนื้อหาคำร้องแล้วจึงให้ยอมรับหรือยกเสีย หรือโดยเหตุที่เห็นว่าคำร้องไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์จึงไม่รับคำร้อง
.
อ่านเพิ่มเติม: