บันทึกเยี่ยม ‘สุดใจ’: หนึ่งในคนเสื้อแดงที่เคยติดคุกช่วงชุมนุมปี 53 หวังเห็นนิรโทษกรรมคดีการเมือง

19 ต.ค. 2566 ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม ‘สุดใจ’ (สงวนนามสกุล) ประชาชนวัย 53 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีจากการตรวจพบว่าครอบครองระเบิดปิงปอง ในช่วงวันที่มีการชุมนุม #ม็อบ6ตุลา64 บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งย่านดินแดง 

สุดใจเดินทางไปรายงานตัวต่อศาล เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2566  หลังได้รับหมายแจ้งคำสั่งว่าไม่มีผู้พิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในคดีของเขา ทำให้คดีสิ้นสุดลงและต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ที่กำหนดโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน


ทนายเข้าเยี่ยมสุดใจผ่านวิดีโอคอลเฟอร์เรนซ์ สุดใจอยู่ในชุดนักโทษ เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น สีน้ำตาล ทรงผมสั้นเกรียน สวมหน้ากากอนามัย นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งทนายและสุดใจ 

ทนายกล่าวทักทายสุดใจ และถอดหน้ากากอนามัยออกให้เห็นใบหน้า แนะนำตัวและที่มาที่ไป ทำให้สุดใจดูผ่อนคลายลง

ทนายถามไถ่เรื่องความเป็นอยู่ในเรือนจำ สุดใจตอบในทันทีว่าสบายดี ความเป็นอยู่ในนี้ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรแก่เขา โดยตอนนี้สุดใจยังอยู่ที่แดน 2 แดนแรกรับ 

“ที่นี่ยังไม่แออัด ห้องน้ำก็ถือว่าโอเค ผมไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไร”

หนึ่งในคนเสื้อแดงที่เคยติดคุกช่วงปี 53

ทนายถามถึงที่มาที่ทำให้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง สุดใจตอบในทันที 

“ผมไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์ ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เงินเดือนไม่ขึ้นเลย ก่อนหน้านี้ผมเคยเข้าชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่ปี 53  ตอนนั้นที่ออกมาชุมนุมก็เพราะว่าไม่ชอบรัฐบาลอภิสิทธิ์ จริง ๆ รัฐบาลประยุทธ์กับรัฐบาลอภิสิทธิ์มาสูตรเดียวกันเลย พวกรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร แล้วมันก็มีม็อบที่ไปชักชวนให้ทหารเข้ามารัฐประหาร คนพวกนี้ผลประโยชน์ร่วมกัน

“ปี 53 ผมโดนคดีด้วย เป็นคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก. ก็ติดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แดน 6 นี่แหละ ตอนนั้นติดอยู่เดือนเดียว ผมคิดว่าเป็นการติดแทนเสียค่าปรับ แต่ตอนออกไปคดีก็ยังไม่เสร็จ ต้องไปคุมประพฤติอยู่อีก 3 ปี ตอนนั้นไปรายงานตัวทุก 3 เดือน”

เมื่อทนายถามถึงเหตุผลที่ตัดสินเข้าร่วมชุมนุมที่ผ่านมา  สุดใจตอบด้วยความมั่นใจแววตามุ่งมั่น 

“ผมมีความรู้สึกว่าผมไม่กลัว เพราะมันมีคนออกมาเยอะ ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว ช่วงปี 63-64 ที่เป็นการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ ผมก็เห็นด้วยกับที่น้อง ๆ เยาวชน ที่คนรุ่นใหม่ออกมาเรียกร้อง เวลาไปก็ไปอยู่กับน้อง ๆ เรารู้สึกว่าอุดมการณ์ไม่ต่างกัน”

สุดใจบอกว่าพื้นเพของเขาเป็นคนยโสธร มาทำงานที่ กทม. ตั้งแต่ก่อนปี 2553 “ตอนแรกก็รับจ้างไปเรื่อย ๆ จนมาทำงานที่ร้านขายเกลือทะเล ถ.จักรวรรดิ ในปัจจุบัน ทำไปทำมานายจ้างเขาไว้ใจ ก็จ้างประจำ ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ผมทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ กับวันหยุดนักขัตฤกษ์

“ค่าแรง 300 นี้ มาจากยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์นะ ไม่ใช่ยุครัฐบาลประยุทธ์ ประยุทธ์ยังไม่มีเพิ่มค่าแรงเห็นบอกว่าจะขึ้น 5 บาท 10 บาททุกปี แต่ไม่เห็นขึ้นสักที นายจ้างที่ทำด้วย ก็ไม่เห็นด้วยกับประยุทธ์ เพราะการค้าขายมันไม่ดี 

“เขาก็รู้ว่าผมออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนแรกเขาก็กลัวผมหนี กลัวว่าเขาจะกลายเป็นให้ที่พักคนร้ายหลบหนี อะไรแบบนี้ แต่ผมไม่หนีอยู่แล้ว นี่เขาก็บอกว่า ถ้ามีเวลาจะมาเยี่ยมด้วย และบอกว่าจะรอจนกว่าผมจะได้ออกไป ก็ยังจะรอจ้างงานอยู่เหมือนเดิม”

ไม่กังวลกับการใช้ชีวิตในเรือนจำ

สุขใจยังเล่าเกี่ยวกับตัวเองว่าเขาไม่มีภาระอะไรในชีวิตมากนักให้ต้องกังวล

“ผมไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ตอนนี้เช่าบ้านอยู่ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ใกล้กับร้านขายเกลือทะเลที่ทำงานนั่นแหละ พ่อแม่ผมเสียหมดแล้ว เหลือแต่พี่สาวและน้องชาย ผมไม่ได้มีภาระที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูใครเป็นประจำ แต่มีส่งเงินให้กับพี่สาวบ้าง 

“คือถ้ามีก็ส่งไปให้เขาที่ยโสธร จริงๆ มีแผนจะกลับบ้านช่วงสงกรานต์แต่ก็ต้องมาติดคุกเสียก่อน ก็โทรบอกญาติ ญาติก็ว่าติดไปจะได้จบ”

สำหรับเรื่องสุขภาพ สุดใจบอกว่า “ผมไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี” อย่างไรก็ตาม สุดใจมีอาการกรดไหลย้อน โดยเขาได้ขอยาลดกรดกับหมอในเรือนจำ คิดว่าพอจะบรรเทาได้อยู่ 

“ตอนนี้ยังไม่กังวล ไม่มีอะไรน่าวิตก อยู่ข้างในนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ลำบาก มีน้อง ๆ ที่เข้ามาก่อน ก็เข้ามาพูดคุยด้วย พอถึงเวลานอนก็นอน เขาปิดทีวีก็นอนเลย เช้ามาสวดมนต์ เย็นสวดมนต์ ช่วงนี้ยังลงไปข้างล่างไม่ได้ ลงได้เฉพาะตอนไปเอาของที่คนข้างนอกฝากมาให้ 

“ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็พอกินได้ กินอาหารเรือนจำตอนเช้า เพราะว่าอาหารที่บรรดาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ฝากเข้ามาให้จะมาถึงบ่าย อาหารเรือนจำจะเป็นรสชาติจืด ๆ หน่อย รู้สึกว่ากินแล้วกรดไหลย้อน คงเพราะมันจืด ผมก็ลงไปซื้อน้ำพริกขึ้นมากิน”

ยังหวังเห็นการนิรโทษกรรมคดีการเมือง

ทนายถามถึงความหวังในรัฐบาลปัจจุบัน สุดใจบอกว่า “ผมว่ารัฐบาลชุดนี้มาสูตรเดียวกันกับประยุทธ์ เป็นรัฐบาลส้มหล่น คิดว่าอยู่ได้ไม่นาน 1 ถึง 2 ปีก็เก่งแล้ว รัฐบาลเอาพรรคที่เคยทำร้ายประชาชนมาร่วมอีก ผมรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรยุติธรรมถ้าได้ร่วมกันแบบนี้

“ผมก็รอลุ้นเรื่องนิรโทษกรรม คือก่อนเข้ามา ก็รู้ว่าก้าวไกลได้ยื่นเรื่องนี้เข้ารัฐสภาแล้ว แต่ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่รู้ว่าจะหวังได้แค่ไหน”

“กับอีกเรื่องผมสนใจ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เห็นบอกว่าจะแก้ก่อน 4 ปี แต่ก็ไม่แน่ ไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ถึงตอนนั้นหรือเปล่า ที่ผ่านมาผมยังเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ แม้จะไม่ได้มีม็อบเหมือนเดิม ผมไปนั่งที่หน้าศาลอาญา ไปยืนถือป้ายเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับเพื่อนร่วมอุดมการที่อยู่ข้างในก่อนหน้านี้”

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนข้างนอกหรือเพื่อน ๆ ที่ร่วมเคลื่อนไหว สุดใจบอกว่า “อยู่ข้างในนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมสบายดี ขอให้เขาสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม”

ปัจจุบัน สุดใจถูกคุมขังมาแล้ว 13 วัน 

X