เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม ‘บุ๊ค’ ธนายุทธ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน คดีครอบครองวัตถุระเบิด หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบประทัดลูกบอล, ไข่ก็อง, พลุควัน และระเบิดควัน ที่บ้านพัก โดยเขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2566 ทำให้ปัจจุบัน (16 ต.ค. 2566) เขาถูกคุมขังมาแล้ว 25 วัน
ปัจจุบันบุ๊คได้ถูกจำแนกไปอยู่แดน 6 ซึ่งเป็นแดนเดียวกับมายด์ ชัยพร บุ๊คเล่าให้ทนายฟังว่าทันทีที่ลงแดน 6 มายด์ก็เข้ามาทักทายแนะนำตัวและคอยช่วยเหลือ คอยซัพพอร์ตมาตลอด ทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจดีขึ้น
“แดน 6 คือแดนวินัย คนที่ทำผิดวินัยจะมาอยู่แดนนี้ เป็นแดนที่แออัดสูงสุด ในห้องขังผมต้องนอนตะแคงตลอดและที่ผมนอนมันติดกับบล็อค ซึ่งบล๊อคคือห้องน้ำ เวลาคนมาเข้าห้องน้ำผมก็จะสะดุ้งตื่น เพราะมันเสียงดังและมีน้ำกระเด็น แล้วบล็อคมันสูงแค่ 70 เซนติเมตรเอง”
บุ๊คยังได้เล่าต่อถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ในเรือนจำของเขาซึ่งเป็นไปอย่างน่ากังวล
“ตอนนี้ทุกคนในห้องผมป่วยกัน ต้องการรับการรักษาโรค แต่ก็ยังไม่มีใครได้รับการรักษาและไม่ได้รับยารักษาโรคเลย ถึงจะได้ยามาก็ไม่สัมพันธ์กับโรคที่เป็น ได้แต่ยาพาราฯ ยาเป็นอะไรที่เข้าถึงยากมาก
“คนป่วยก็ไม่มีการแยก อย่างคนป่วยวัณโรค ก็ขังรวม ใช้น้ำรวมกัน นอนรวมกัน ไอรดกันไปมา ผมไม่รู้เลยว่าผมติดวัณโรคแล้วหรือยัง คือมันไม่ได้ผิดที่ผู้ต้องขังหรอก แต่มันเป็นเรื่องการจัดการ ความแออัด หลายอย่างขัดกับหลักเรื่องสิทธิมนุษยชน”
เขาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรือนจำว่าคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังนั้นถูกดูแลเหมือนไม่ใช่คน
“จากที่ผมอยู่ในนี้มาสักพัก ผมรู้สึกว่าในเรือนจำ ผู้ต้องขังถูกกดให้จนตรอก อย่างอาหารการกินอย่างนี้ แทบจะไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีสารอาหารเลย อาหารแทบจะกินไม่ได้เลย ไม่ถูกหลักโภชนาการเลย เหมือนเราไม่ใช่คน ทั้ง ๆ ที่งบประมาณเป็นพันล้าน แต่ทำได้เท่านี้
“สุดท้ายก็เหมือนบีบให้ญาติผู้ต้องขังส่งเงินมาให้ ซื้ออาหารของกรมราชทัณฑ์ให้ผู้ต้องขัง คือถ้าคุณมีเงิน คุณก็คือผู้อยู่รอด อยู่ในเรือนจำต้องใช้เงินมากจริง ๆ มีการแบ่งชนชั้นชัดเจน ไม่มีเงินก็เหมือนทาส แล้วคนที่ไม่มีญาติ ไม่มีทนายมาเยี่ยมก็จะโดนกดขี่หนักมาก เรียกร้องอะไรไม่ได้เลย”
บุ๊คขยายความเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังต่อไปว่า “ผมเจอผู้ต้องขังหลายคนไม่ได้ประกันตั้งแต่ชั้นสอบสวน ถูกฝากขังมาเป็นปี ๆ ไม่มีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย ถูกขังเหมือนเป็นนักโทษที่ถูกตัดสินไปแล้ว ซึ่งมันไม่ถูกต้องเลย ทุกคนควรได้เข้าถึงสิทธิการประกันตัว
“จำเลยควรได้ประกันตัวออกไปหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง การที่พนักงานสอบสวนหรือศาลอ้างว่า กลัวว่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน คือมันไม่มีเหตุผลเลย อย่างกลัวว่าจะหลบหนี”
นอกจากนี้เขายังแสดงความเห็นเกี่ยวกับสิทธิการประกันตัวในคดีของตนเองและเพื่อน
“ผมและคนอื่นไม่เคยหลบหนีเลย ไปรายงานตามนัดตลอด พอศาลไม่ให้ประกันแล้วอ้างว่ากลัวจะหลบหนี คือมันไม่มีเหตุผลเลย รายงานมันมีตลอดจากข้อหาที่ผมและมายด์ถูกศาลตัดสินลงโทษ เพื่อนผู้ต้องขังหลาย ๆ คนก็งงว่าทำไมตัดสินลงโทษหนักจัง ของนักโทษคนอื่นที่ไม่ใช่นักโทษการเมืองตัดสินน้อยกว่ากันเกินครึ่งหนึ่งหรือครึ่งหนึ่งเลย มันต่างกันมากเลย
ก่อนจากกัน บุ๊คทิ้งท้ายโดยฝากความห่วงใยถึงคนข้างนอก
“เป็นห่วงย่ามาก ๆ เห็นว่าย่าป่วยติดเตียงไปแล้ว ไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้แล้ว ปกติผมจะเป็นคนคอยดูแล คอยทำกายภาพให้ย่าตลอด แฟนผมช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ตอนนี้แฟนต้องทำเอง เค้าทำไม่ไหวหรอก ย่าผมตัวหนักมาก ก็หวังว่าประกันตัวครั้งนี้ ศาลจะให้ประกันตัวออกไป ผมจะได้ไปดูแลย่า”
“ฝากให้กำลังทุกคนด้วย ตัวผมเองเข้มแข็งมาก ๆ เชื่อว่าทุกคนพยายามที่จะส่งเสียงเพื่อทุกคนในเรือนจำอยู่ อย่าสิ้นหวัง แม้ทุกวันจะแย่ แต่สำหรับผมไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้หรอก มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ
“ขอบคุณทุกการเคลื่อนไหวขอบคุณทุกกำลังใจมาก ๆ ครับ”