“ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ อยากให้สนใจผู้ต้องขังการเมืองคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ 112”: วารุณีอดอาหารวันที่ 19 น้ำหนักลด 6 กก. เหลือ 31 กก. 

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “น้ำ” วารุณี ชาวพิษณุโลกวัย 30 ปี ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง หลังถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2566 ในคดีมาตรา 112 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพรัชกาลที่ 10 ขณะเปลี่ยนเครื่องทรง “พระแก้วมรกต” เป็นชุดกระโปรงยาวสีม่วงจากแบรนด์ Sirivannavari และใส่ภาพสุนัข โดยศาลอุทธรณ์รวมถึงศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี

วันที่ทนายเข้าเยี่ยมนี้นับเป็นการอดอาหารประท้วงวันที่ 19 ของวารุณี และจำกัดการดื่มน้ำเป็นวันที่ 16 แล้วการแสดงออกดังกล่าวดำเนินมาตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงของวันที่ 21 ส.ค. 2566 มีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวและประท้วงต่อศาลที่มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเรื่อยมา โดยได้ถูกยกระดับเป็นการอดอาหารและน้ำ มาตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. เป็นต้นมา โดยจะจำกัดการดื่มน้ำเฉพาะเวลารับประทานยานอนหลับและยารักษาโรคอารมณ์สองขั้วเท่านั้น

ผลข้างเคียง : น้ำหนักลด 6 กก. ปัจจุบันเหลือ 31 กก. หูอื้อ ปวดท้อง น้ำลายเหนียว

วารุณีนั่งรอเราเข้าเยี่ยมอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอบอกว่าอาการตอนนี้ทรงตัว น้ำหนักตัวลดลงประมาณ 6 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือ 31 กิโลกรัมแล้ว ค่าคีโตนในปัสสาวะอยู่ที่ 4+ มีอาการปวดหัวตอนเช้า รู้สึกกระหายน้ำมาก ปวดท้องตลอดวัน มีอาการน้ำลายเหนียว 

เราสังเกตว่าวารุณีพูดเสียงเบามาก เธอบอกเป็นเพราะ ‘หูอื้อ’ เลยได้ยินเสียงตัวเองดังกว่าปกติ คิดว่าเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงจากการภาวะขาดน้ำ

“ตอนเช้าเขาก็เรียกจิตแพทย์เข้ามาค่ะ ร้องไห้ไปนิดนึง คุยกับจิตแพทย์ว่ารู้สึกแย่ที่ค่าเลือดยังดีอยู่ คิดจะไม่กินยาประจำตัวเลยนะ อดทุกอย่างเลย แต่จิตแพทย์ห้ามไว้ เพราะถ้าไม่กินยาปรับขั้วอารมณ์มันจะนอนไม่ได้ คงจะคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ทั้งวัน แล้วก็จะเครียด อาการคงแย่ลงอีก”

“รู้สึกผิดทุกครั้งที่จิบน้ำ รู้สึกผิดกับตัวเอง รู้สึกผิดกับคนข้างนอกที่เคลื่อนไหวเพื่อเรา มันเป็นแบบนี้ไปแล้วค่ะ… ”

ตอนนี้วารุณีจำกัดการจิบน้ำ อยู่เพียงวันละ 60 ซีซี ในตอนกินยาเท่านั้น วารุณีบอกแล้วยกแก้วที่ใช้วัดตวงปริมาณน้ำมาให้ดู ซึ่งปริมาณน้ำอยู่ที่ประมาณ 1/4 ของแก้วเท่านั้น 

ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ อยากให้สนใจผู้ต้องขังการเมืองคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ 112

วารุณีขอให้อัปเดตสถานการณ์ข้างนอกให้ฟัง เรานำรูปการเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งในสภาและนอกสภา รวมถึงบทสัมภาษณ์ของน้องสาววารุณี เมื่อน้ำเห็นรูปต่างๆ เธอก็น้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ 

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ หนูไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ทำมันจะมีอิมแพคมากขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจเยอะ ก็รู้สึกดีใจค่ะ แม้ว่าสิ่งที่ทำไปอาจจะยังไม่สุดทาง แต่มันก็ไม่สูญเปล่า เพราะมันได้สร้างความตระหนักรู้ให้คนสนใจมาตรา 112 มากขึ้น อยากให้ทุกคนโฟกัสผู้ต้องขังทางการเมืองคนอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะมาตรา 112 เท่านั้น ตอนนี้ยังมีผู้ต้องขังจากการชุมนุมคดีอื่นๆ ที่รอกำลังใจจากคนข้างนอกอยู่นะคะ”

“บางคนเขาก็เป็นห่วง บอกว่าให้หนูกินข้าว รักษาเนื้อรักษาตัวสิ จะได้แข็งแรง ออกมาสู้กับพวกมันข้างนอก หนูก็แบบ แล้วหนูจะเอาตัวเองออกไปสู้ข้างนอกได้ยังไง ในเมื่อแค่จะออกจากห้องขังยังทำไม่ได้เลย ยื่นประกันมากี่รอบ ยอมทำตามทุกเงื่อนไข มันก็ยังออกไปไม่ได้”

“หนูไม่รู้ว่ามันจะไปสุดตรงไหนนะ (สีหน้ากังวล) หนูก็ไม่อยากตายหรอก ก่อนออกจาก รพ.ราชทัณฑ์ เห็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่อยู่เตียงถัดไป 2 เตียงเสียชีวิต หนูก็เห็นญาติมาร้องไห้ข้างเตียง เราก็รู้สึกว่าถ้าเป็นเราบ้างละ ครอบครัว คนที่เรารักจะเป็นยังไง เรื่องตายมันไม่ยากหรอก หมอไม่ช่วยก็ตายแล้ว แต่คนที่อยู่ข้างหลังจะอยู่ยังไง มันก็คิดเยอะขึ้น”

ฝากความห่วงใยถึงน้องสาว ได้งานใหม่ทำ เผยทำให้หมดห่วงแล้ว 1 เรื่อง

วารุณีฝากความห่วงใยให้น้องสาวที่เพิ่งได้งานทำ บอกว่าเธอเห็นว่าน้องใส่ชุดทำงานมารอรับตอนออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ 

“ดีใจค่ะ (ยิ้ม น้ำตาเอ่อ) กว่าจะมีวันนี้ เราก็หมดห่วงไปแล้วเรื่องหนึ่งแล้ว อยากบอกน้องว่า มีโอกาสแล้วก็ตั้งใจทำงาน อนาคตยังอีกไกล อยากให้ชีวิตของน้องเดินเป็นเส้นตรง อย่าขึ้นๆ ลงๆ แบบชีวิตพี่ ขอให้ผ่านโปร ได้ทำงานนานๆ (ร้องไห้) 

“ปกติไม่ค่อยพูดอะไรซึ้งๆ หนูเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยเก่ง น้องจะเรียบเรียงได้ดีกว่า (ยิ้มทั้งน้ำตา)”

จากนั้นเราจึงอ่านบทสัมภาษณ์น้องสาวของวารุณีที่ทีมงานเพจเฟซบุ๊ก ‘ไข่แมวชีส’ ได้สัมภาษณ์และเผยแพร่ไว้ให้วารุณีฟัง ระหว่างฟังเรื่องเล่าเธอร้องไห้ตลอดเวลา และบอกว่า ขอให้เอาบทสัมภาษณ์นี้มาอ่านให้เธอฟังอีกครั้งในวันจันทร์หน้า 

ก่อนกลับวารุณีขอให้เราเอานมกล่อง น้ำผลไม้ และผลไม้ที่ทาง โรงพยาบาล จัดไว้ให้เป็นอาหารกลับไปด้วย เนื่องจากเธอกำลังอดอาหารและกำจัดการดื่มน้ำอยู่ วารุณีบอกว่า รู้สึกเสียดายที่อาหารมันจะต้องเหลือทิ้งไปเฉยๆ

X